สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มัธยม 1 ฝันร้าย
ผมเคยไปอยู่บ้านน้องสาวผมที่ญี่ปุ่น เป็นเวลา 4 ปี เพื่อเรียนที่ ม.โอซาก้า โดยสอบเข้าเหมือนเด็กญี่ปุ่น หลังเรียน ม.6 ที่ญี่ปุ่นอย่างเดียว (จริงๆผมอยากเข้า มหาวิทยาลัยในไทยมากกว่า แต่พออาสะใภ้เขาพูดถึง ม.โอซาก้า ซึ่งมีคณะที่ผมสนใจ เลยตัดสินใจเรียนที่นี่ ทำให้เจอน้องสาวทุกวันตลอด 4 ปี เพราะเขาเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนในหมู่บ้านอยู่ พอหลายๆปีหลังผมจบการศึกษา ป.ตรี ผมก็เรียน ป.บัณฑิตที่ประเทศไทยต่อ (สมัยนั้น ป.บัณฑิตยังเรียนได้อยู่) และก็สอบเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ อาสะใภ้ก็โทรมาว่า ต้องการให้ลูกสาวมาเรียนต่อที่เมืองไทย เอาสิวะ นี่ก็เดือนมีนาคมแล้ว งานเข้าแหงๆ แต่โชคดีที่น้องเขาถือพาสปอร์ต 2 ใบ (เพราะถือ 2 สัญชาติ) สมัครนี่ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่กำลังจะตามมา
ปัญหาแรกของเขาคือ ภาษา
ใช่ครับ โรงเรียนที่เขาสมัครไม่ใช่โรงเรียนอินเตอร์นี่ครับ เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่ดังมากๆของประเทศย่านลาดพร้าว เพราะบ้านผมอยู่ลาดพร้าว ปัญหาใหญ่ของเขาก็คือ
“เขาพูดภาษาไทยไม่ได้เลยสักคำ”
ภาษาอังกฤษก็ค่อนข้างแย่ เพราะ เด็กญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษแย่กว่าคนไทย แต่น้องสาวผมมีสิ่งที่คนไทยไม่มี แต่เด็กญี่ปุ่นมีแทบทุกคน คือ ลูกขยันที่มากกว่าคนทั่วไป แน่นอนครับ ผมต้องสอนภาษาไทยเองใน 11 วันก่อนการสอบเข้า ม.1
วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือ ใช้การย้อนกลับของหนังสือ Minna No Nihongo และ หนังสือ มานี มาช่วย การสอนภาษาไทยแบบนี้ทุลักทุเลสุดๆ แต่ก็พอให้เขาเข้าใจ มาตราแม่ต่างๆ ประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และ คำเป็นคำตายได้ใน 3 วัน เขาก็เริ่มพูดคำง่ายๆได้แล้ว เพราะฝึกอยู่ตั้งแต่ 10 โมง ยัน ตี 1 ทุกวัน เป็นงานที่เหมือน Mission impossible จริงๆ แต่เราต้องไม่ลืมว่า มันไม่ได้สอบภาษาไทยอย่างเดียวนี่ครับ ยังมีวิชาเลข วิทยาศาสตร์ ละ สังคมศึกษา อีกนะครับ เราเหลือเวลาอีก 8 วัน
เดี๋ยวมาต่อครับ
ผมเคยไปอยู่บ้านน้องสาวผมที่ญี่ปุ่น เป็นเวลา 4 ปี เพื่อเรียนที่ ม.โอซาก้า โดยสอบเข้าเหมือนเด็กญี่ปุ่น หลังเรียน ม.6 ที่ญี่ปุ่นอย่างเดียว (จริงๆผมอยากเข้า มหาวิทยาลัยในไทยมากกว่า แต่พออาสะใภ้เขาพูดถึง ม.โอซาก้า ซึ่งมีคณะที่ผมสนใจ เลยตัดสินใจเรียนที่นี่ ทำให้เจอน้องสาวทุกวันตลอด 4 ปี เพราะเขาเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนในหมู่บ้านอยู่ พอหลายๆปีหลังผมจบการศึกษา ป.ตรี ผมก็เรียน ป.บัณฑิตที่ประเทศไทยต่อ (สมัยนั้น ป.บัณฑิตยังเรียนได้อยู่) และก็สอบเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ อาสะใภ้ก็โทรมาว่า ต้องการให้ลูกสาวมาเรียนต่อที่เมืองไทย เอาสิวะ นี่ก็เดือนมีนาคมแล้ว งานเข้าแหงๆ แต่โชคดีที่น้องเขาถือพาสปอร์ต 2 ใบ (เพราะถือ 2 สัญชาติ) สมัครนี่ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่กำลังจะตามมา
ปัญหาแรกของเขาคือ ภาษา
ใช่ครับ โรงเรียนที่เขาสมัครไม่ใช่โรงเรียนอินเตอร์นี่ครับ เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่ดังมากๆของประเทศย่านลาดพร้าว เพราะบ้านผมอยู่ลาดพร้าว ปัญหาใหญ่ของเขาก็คือ
“เขาพูดภาษาไทยไม่ได้เลยสักคำ”
ภาษาอังกฤษก็ค่อนข้างแย่ เพราะ เด็กญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษแย่กว่าคนไทย แต่น้องสาวผมมีสิ่งที่คนไทยไม่มี แต่เด็กญี่ปุ่นมีแทบทุกคน คือ ลูกขยันที่มากกว่าคนทั่วไป แน่นอนครับ ผมต้องสอนภาษาไทยเองใน 11 วันก่อนการสอบเข้า ม.1
วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือ ใช้การย้อนกลับของหนังสือ Minna No Nihongo และ หนังสือ มานี มาช่วย การสอนภาษาไทยแบบนี้ทุลักทุเลสุดๆ แต่ก็พอให้เขาเข้าใจ มาตราแม่ต่างๆ ประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และ คำเป็นคำตายได้ใน 3 วัน เขาก็เริ่มพูดคำง่ายๆได้แล้ว เพราะฝึกอยู่ตั้งแต่ 10 โมง ยัน ตี 1 ทุกวัน เป็นงานที่เหมือน Mission impossible จริงๆ แต่เราต้องไม่ลืมว่า มันไม่ได้สอบภาษาไทยอย่างเดียวนี่ครับ ยังมีวิชาเลข วิทยาศาสตร์ ละ สังคมศึกษา อีกนะครับ เราเหลือเวลาอีก 8 วัน
เดี๋ยวมาต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
ดูแลน้องสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น นี่ลำบากจริงๆ (ตอนที่ 1)
อ่านต่อตอน 2 เชิญที่ http://ppantip.com/topic/31918190/
อ่านตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/31921082
ตอนจบ http://ppantip.com/topic/31938268
ฝากงานเขียนชุดใหม่ด้วยครับ เรียนญี่ปุ่นนี่ยากจริงๆ ประสบการณ์ของผมที่ไปเรียน ม.6+มหาวิทยาลัย ที่โอซาก้า
http://ppantip.com/topic/31926722 (PART 1 จุดเริ่มต้น กับ บ้านที่ เทนโนะจิ)