อยากจะรบกวนขอปรึกษาพี่ๆน้องๆที่สินธรทุกท่านด้วยนะครับ
เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่ผม และมนุษย์เงินเดือนท่านอื่นๆที่กำลังมองหาแผนการบริหารเงินของตัวเองครับ
หลังจากกลับมาประจำการที่ไทยอย่างเป็นทางการครานี้
เลยหันมามองการบริหารทางการเงินให้มากขึ้น
ซึ่งสถานะทางการเงินปัจจุบันของผมนั้น ได้แบ่งสรรปันส่วนไว้ดังนี้
1.) หุ้นในตลท.~50%
ลักษณะพอร์ต : Passive Income เน้นปันผล
ผลงาน : กำไรนิดหน่อย <10%
2.) กองทุน(UOBSMG VALUEDLTF TEF) ~10%
ผลงาน : ขาดทุนประมาณ 5%
3.) ออมทรัพย์ (ME) ~38%
4.) สหกรณ์ ~2%
ซึ่งปัจจุบัน กองทุน ใช้วิธีการซื้อเฉลี่ยทุกเดือนเท่ากันทั้ง 3 กอง
(กอง LTF ก็ใส่เพิ่มทุกเดือน ไม่สนเงื่อนไขการถอน เพราะไม่ถอนในระยะเวลาใน 5 ปีแน่นอน)
.
.
.
สำหรับแผนการทางการเงินที่จะปฏิบัติใหม่เป็นดังนี้
1.) หุ้นในตลท. จำนวนเงิน เท่าเดิม (ไม่มีการลงทุนเพิ่ม เว้นแต่จะใช้ปันผลที่ได้มาใส่เพิ่มในพอร์ตเท่านั้น)
2.) กองทุน
2.1) จะเพิ่มกองทุนหุ้นที่มีปันผล อีก 1กองทุน (กำลังศึกษา SCBDV TMB50DV เนื่องจากมีบัญชีกองทุนอยู่แล้ว)
2.2) จะเพิ่มกองทุนที่ไปลงทุนในตลท.ต่างประเทศอีก 1 กองทุน (ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะลงทุนตลท.ของประเทศอะไร)
3.) ออมทรัพย์ (ME) เก็บไว้ตามปกติโดย เงินเดือนทุกเดือนหลังหักค่าใช้จ่าย + ค่าซื้อกองทุน จะถูกโอนเข้าที่ ME เพื่อความปลอดภัย แต่จะไม่ให้เกินยอดที่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์
4.) สหกรณ์ เก็บไว้ตามปกติ
คำถามที่อยากรบกวนพี่ๆน้องๆผู้มากประสบการณ์และมุมมองดังนี้ครับ
1.) กองทุนควรซื้อทุกวันหรือไม่ครับ เนื่องจากผมคิดว่าที่เห็นผลดำเนินงานรายปีของแต่ละกองทุนเป็น + เยอะๆ เพราะเกิดจากการคำนวณยอดทุกวันสะสม ดังนั้นแปลว่าหากเราสามารถซื้อกองทุนได้ทุกวันในอัตราส่วนเท่ากัน ก็จะมี Performance ที่ใกล้เคียงตลาดที่สุด
2.) มีกองทุนใดๆ ที่ท่านมีประสบการณ์เคยซื้อ แล้วรู้สึกดีในแง่ใดก็ตาม ไม่อยากเปลี่ยนหรือไม่ เพราะอะไร
3.) การซื้อเฉลี่ย DCA นั้น ควรระบุวันอย่างไร เช่น ทุกวันที่ x ของเดือน หรือ ทุกวันจันทร์ที่สองของเดือน เป็นต้น ตามที่ท่านๆเคยใช้มา
4.) แผนที่ผมวางไว้ในข้างต้น...ควรปรับเปลี่ยน แก้ไข อย่างไรให้เหมาะสมในความคิดท่านทั้งหลาย
ข้อมูลเพิ่มเติม
1.) เป็นคนที่คิดว่ากล้าเสี่ยงในระดับที่เงินต้น 10% ยังทำใจรับได้ แต่ก็ต้องมีฟูกไว้ให้ล้มไม่ให้เจ็บตัวด้วย (สาเหตุที่ออมทรัพย์เยอะ)
2.) อายุยังไม่มาก เป็นวัยรุ่นกลางๆ ปลอดภาระหนี้ทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นค่าอาหาร เดินทาง เที่ยว และยังเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ
หากมีคำถามใดๆ สอบถามมาได้เลยนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
สุขสันต์วันครอบครัวครับ
...วางแผนการออมและลงทุน ในรูปแบบกองทุน และหุ้นลักษณะนี้ พี่ๆน้องๆมีความเห็นอย่างไร
เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่ผม และมนุษย์เงินเดือนท่านอื่นๆที่กำลังมองหาแผนการบริหารเงินของตัวเองครับ
หลังจากกลับมาประจำการที่ไทยอย่างเป็นทางการครานี้
เลยหันมามองการบริหารทางการเงินให้มากขึ้น
ซึ่งสถานะทางการเงินปัจจุบันของผมนั้น ได้แบ่งสรรปันส่วนไว้ดังนี้
1.) หุ้นในตลท.~50%
ลักษณะพอร์ต : Passive Income เน้นปันผล
ผลงาน : กำไรนิดหน่อย <10%
2.) กองทุน(UOBSMG VALUEDLTF TEF) ~10%
ผลงาน : ขาดทุนประมาณ 5%
3.) ออมทรัพย์ (ME) ~38%
4.) สหกรณ์ ~2%
ซึ่งปัจจุบัน กองทุน ใช้วิธีการซื้อเฉลี่ยทุกเดือนเท่ากันทั้ง 3 กอง
(กอง LTF ก็ใส่เพิ่มทุกเดือน ไม่สนเงื่อนไขการถอน เพราะไม่ถอนในระยะเวลาใน 5 ปีแน่นอน)
.
.
.
สำหรับแผนการทางการเงินที่จะปฏิบัติใหม่เป็นดังนี้
1.) หุ้นในตลท. จำนวนเงิน เท่าเดิม (ไม่มีการลงทุนเพิ่ม เว้นแต่จะใช้ปันผลที่ได้มาใส่เพิ่มในพอร์ตเท่านั้น)
2.) กองทุน
2.1) จะเพิ่มกองทุนหุ้นที่มีปันผล อีก 1กองทุน (กำลังศึกษา SCBDV TMB50DV เนื่องจากมีบัญชีกองทุนอยู่แล้ว)
2.2) จะเพิ่มกองทุนที่ไปลงทุนในตลท.ต่างประเทศอีก 1 กองทุน (ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะลงทุนตลท.ของประเทศอะไร)
3.) ออมทรัพย์ (ME) เก็บไว้ตามปกติโดย เงินเดือนทุกเดือนหลังหักค่าใช้จ่าย + ค่าซื้อกองทุน จะถูกโอนเข้าที่ ME เพื่อความปลอดภัย แต่จะไม่ให้เกินยอดที่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์
4.) สหกรณ์ เก็บไว้ตามปกติ
คำถามที่อยากรบกวนพี่ๆน้องๆผู้มากประสบการณ์และมุมมองดังนี้ครับ
1.) กองทุนควรซื้อทุกวันหรือไม่ครับ เนื่องจากผมคิดว่าที่เห็นผลดำเนินงานรายปีของแต่ละกองทุนเป็น + เยอะๆ เพราะเกิดจากการคำนวณยอดทุกวันสะสม ดังนั้นแปลว่าหากเราสามารถซื้อกองทุนได้ทุกวันในอัตราส่วนเท่ากัน ก็จะมี Performance ที่ใกล้เคียงตลาดที่สุด
2.) มีกองทุนใดๆ ที่ท่านมีประสบการณ์เคยซื้อ แล้วรู้สึกดีในแง่ใดก็ตาม ไม่อยากเปลี่ยนหรือไม่ เพราะอะไร
3.) การซื้อเฉลี่ย DCA นั้น ควรระบุวันอย่างไร เช่น ทุกวันที่ x ของเดือน หรือ ทุกวันจันทร์ที่สองของเดือน เป็นต้น ตามที่ท่านๆเคยใช้มา
4.) แผนที่ผมวางไว้ในข้างต้น...ควรปรับเปลี่ยน แก้ไข อย่างไรให้เหมาะสมในความคิดท่านทั้งหลาย
ข้อมูลเพิ่มเติม
1.) เป็นคนที่คิดว่ากล้าเสี่ยงในระดับที่เงินต้น 10% ยังทำใจรับได้ แต่ก็ต้องมีฟูกไว้ให้ล้มไม่ให้เจ็บตัวด้วย (สาเหตุที่ออมทรัพย์เยอะ)
2.) อายุยังไม่มาก เป็นวัยรุ่นกลางๆ ปลอดภาระหนี้ทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นค่าอาหาร เดินทาง เที่ยว และยังเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ
หากมีคำถามใดๆ สอบถามมาได้เลยนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
สุขสันต์วันครอบครัวครับ