มนุษย์เกิดมาเพื่อทำหน้าที่

ถ้ามีคนมาถามว่า เกิดมาทำไม? คนที่เข้าใจชีวิตอย่างถูกต้องแล้วว่ามันไม่มีเราอยู่จริงก็คงตอบไม่ได้ เพราะแท้จริงมันไม่มีเรามาเกิด และถ้ามีคนมาถามอีกว่า ตายแล้วไปไหน? ก็คงตอบไม่ได้อีก เพราะมันไม่มีใครตาย มีแต่สิ่งที่ถูกปรุงแต่งให้เกิดขึ้นและแตกดับหายไปตามธรรมชาติเท่านั้น ความเห็นว่ามีเรามาเกิดและมีเราตายนั้น เป็นความเห็นของคนที่ยังไม่เข้าใจถึงความจริงสูงสุดของธรรมชาติที่ว่า “มันไม่มีสิ่งที่เป็นตัวตนของทุกสิ่งอยู่จริงๆ”

เมื่อธรรมชาติได้ปรุงแต่งให้เกิดตัวเราชั่วคราวขึ้นมาแล้ว เราควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้รับสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่ควรจะได้รับ? คือเมื่อธรรมชาติได้ปรุงแต่งให้เราเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติตามที่กฎของธรรมชาติกำหนดมา นั่นก็คือ หน้าที่ ซึ่งหน้าที่นี้ก็คือสิ่งที่เราต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติตาม เราก็จะเป็นทุกข์ โดยหน้าที่ที่เราต้องปฏิบัตินั้นก็ได้แก่ การปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์ทั้งแก่ร่างกายและจิตใจ

พื้นฐานของร่างกายนั้นต้องการอาหาร, น้ำ, อุณหภูมิพอเหมาะ, อากาศบริสุทธิ์, พร้อมทั้งเสื้อผ้า, ที่อยู่อาศัย, ยารักษาโรค, การออกกำลังกาย, และการดูแลรักษาสุขภาพ เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายคงอยู่อย่างไม่ลำบากหรือมีความทุกข์ ถ้าขาดปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ ร่างกายก็จะเป็นทุกข์หรือตายได้ ดังนั้นการทำงานที่สุจริต เพื่อให้ได้ปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้มาบริหารร่างกาย จึงเป็นหน้าที่ที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำงานก็จะไม่มีปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ เมื่อไม่มีปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ ร่างกายก็จะเป็นทุกข์

แต่การที่จะมีปัจจัยพื้นฐานอย่างพอเพียงและมีงานที่สุจริตทำอย่างมั่นคง ก็จำเป็นต้องมีครอบครัวที่ดี, มีสังคมที่ดี, มีประเทศชาติที่สงบมั่นคง, และมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์สมบูรณ์ ดังนั้นหน้าที่ในการดูแลครอบครัว, หน้าที่ในการดูแลสังคม, หน้าที่ในการดูแลรักษาประเทศชาติ, และหน้าที่ในการดูแลและรักษาธรรมชาติ จึงจัดเป็นหน้าที่ของชีวิตด้วยเหมือนกัน ถ้าเราไม่ปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ให้ถูกต้องและสมบูรณ์ ก็จะทำให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งเหล่านี้ แล้วก็จะส่งผลกลับมาทำให้เราเกิดความเดือดร้อนทางร่างกายขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อร่างกายมีความเดือดร้อน การปฏิบัติเพื่อความไม่มีทุกข์ก็จะมีอุปสรรค์มาก แล้วก็ทำให้ยากต่อการปฏิบัติจนปรากฏผลอย่างสูงสุดได้  

เมื่อทำงานและมีปัจจัยมาบริหารร่างกายจนร่างกายมีความปกติสุขแล้ว แต่ถ้าจิตใจยังคงมีความทุกข์อยู่ ก็เรียกว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ เพราะจิตใจยังมีความทุกข์อยู่ ดังนั้นการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ของจิตใจ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน  หรือเป็นหน้าที่ที่สำคัญเท่าๆกับหน้าที่ในการดูร่างกาย อีกทั้งการเผยแผ่คำสอนเรื่องการศึกษาและปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ไปยังเพื่อนมนุษย์ ก็เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่เข้าใจแล้วต้องปฏิบัติ เพื่อช่วยให้มีคนดีและมีปัญญาเกิดขึ้นมาในสังคมและโลกมากๆ อันจะช่วยให้สังคมสงบสุขและโลกมีสันติภาพ ซึ่งการเผยแผ่นี้ก็เท่ากับเป็นการปฏิบัติเพื่อเพิ่ม “บารมี” อยู่แล้วในตัว (บารมี หมายถึง นิสัยหรือคุณสมบัติที่จะช่วยให้การปฏิบัติเพื่อดับทุกข์บังเกิดผลอย่างสูงสุดได้ ซึ่งบารมีนี้ก็มีอยู่ ๑๐ อย่าง ได้แก่ ความเสียสละ, ความปกติ, ความเหนืออำนาจกามารมณ์, ความรอบรู้, ความอดทน, ความเพียร, ความจริงใจ, ความตั้งใจมั่นคง, ความเป็นมิตรต่อทุกอย่างเสมอหน้า, ความปล่อยวาง) ถ้าขาดการเผยแผ่ ก็จะขาดบารมี เมื่อไม่มีบารมีหรือมีไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็จะทำให้การปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ของเราไม่บังเกิดผลอย่างสูงสุดได้ เพราะบารมีก็คือปัจจัยที่สำคัญที่จะมาสนับสนุนการปฏิบัติเพื่อให้บังเกิดผลอย่างสูงสุดได้

สรุปได้ว่า มนุษย์เกิดมาเพื่อมาทำหน้าที่ หน้าที่จึงเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับมนุษย์ทุกคน ถ้าเราไม่ปฏิบัติหน้าที่ของร่างกายให้ถูกต้องสมบูรณ์ เราก็จะมีความทุกข์ทางร่างกาย แต่ถ้าเราได้ปฏิบัติหน้าที่ของร่างกายได้ถูกต้องสมบูรณ์ ก็จะเกิดผลเป็นความปกติสุขของชีวิต และสันติภาพของโลก ส่วนการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของจิตใจก็จะเกิดผลเป็นความทุกข์ของจิตใจ แต่ถ้าเราปฏิบัติหน้าที่ของจิตใจได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ ก็จะมีผลเป็น นิพพาน หรือความสงบเย็นของจิตใจ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ ปฏิบัติธรรม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่