เราเคยเห็นอะไรที่มัน Over มากเกินไปหรือเปล่า?
บางทีมันก็อาจจะเป็นสัปดาห์ที่เราโดนย่างหรือเก็บสะสมผลกำไรได้ในแต่ละวัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในชีวิตจริงพวกเราทุกคนก็มักจะเจอโอกาส Over แบบนี้ได้เสมอและมันก็จะต้องเจอสัก1-2 ครั้งในชีวิต
มันก็เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน หากราคาหุ้นมันเด้งไม่ค่อยมาก เราก็อาจมองได้ว่าเป็นสัญญาณ Overbought และบางครั้งก็ไม่ค่อยมีสัญญาณขายให้เห็นแล้ว ก็อาจจะเป็นสัญญาณ Oversold ก็ได้
พวกเราไม่มีทางเห็น Overbought กับ Oversold ได้ทุกๆสัปดาห์หรอก แต่เรื่องพวกนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ อารมณ์ของพวกเราจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ไม่แปลกใจเลยที่ส่วนใหญ่ผู้คนก็จะต้องเผชิญภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน พวกเราก็คงจะสับสนกับตลาดหุ้นภาพรวมบ้างแล้ว บางครั้งก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อนแรงมากจนเป็นรูป 90 องศา บางครั้งเงินร้อนมันก็จะเข้ามาในช่วงเวลาแบบนี้ ซึ่งความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นและผลตอบแทนก็ได้มากขึ้นตามมา ซึ่งมีหลากหลายกลุ่มเข้ามากรูในเรือลำเดียวกัน เหมือนกับว่าจะอยู่บนเรือลำนี้ไปตลอด
และแน่นอนเวลานี้พวกเราก็อาจจะเห็นแรงเทขายด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ก็มาถึงบทสรุปตรงที่ทุกๆคนวิ่งหนีเหมือนกับฝูงสัตว์ เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันทำให้เราขนหัวลุกกับสิ่งที่เห็น รู้สึกเหมือนกับว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่จบสิ้น
ความแตกต่างมันอยู่ตรงไหน
ตลาดหุ้นมันก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราจะต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและก็ต้องดูว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป
ความจริงที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเกิดสัญญาณ Overbought หรือ Oversold หรือขึ้นแบบ 90 องศาหรือหนีตายออกมา การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่ดี
หมายความว่ามันอาจจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่ก็ไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปตลอด สุดท้ายกจะต้องการอ่อนตัวและปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อหรือสวนทาง สิ้นสุดแนวโน้มนั้นๆ อาจจะมีทิศทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ตรงจุดนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าการเคลื่อนไหวราคาหุ้นมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งแบบนี้ไปตลอด
อย่างที่ได้พูดไว้แล้วว่า ปัจจัยใหญ่ๆที่เราจะต้องทำการประเมินก็คือกราฟหุ้นที่เราได้ใช้
ตัวอย่างเช่น การเล่นหุ้นด้วยกราฟ 5 นาที ก็อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบ 90 องศาได้ การเคลื่อนไหวแบบเดียวกันนี้ก็จะอยู่ในกราฟหุ้นรายวันที่แทบจะไม่มีสัญญาณ Overboughtเลย การที่เรามองแต่ภาพเดียวก็จะไม่ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ต่างๆรอบด้าน
พบปะกับฝูงชน
พวกเราจะต้องดูปัจจัยสถานการณ์ต่างๆไว้ให้ดี มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราจะสังเกตผู้คนทุกๆคนที่เข้ามาเล่นหุ้นได้ ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายหุ้นและก็ผู้ที่ Short หุ้น การที่เรารู้เรื่องพวกนี้จะทำให้เรามีแรงจูงใจเดินหน้าต่อไปได้สำหรับเทรดเดอร์อย่างพวกเรา หมายความว่าพวกเราก็มีโอกาสเตรียมตัวได้ดีกว่าคนอื่นๆหากว่าการเคลื่อนไหวมันเป็นไปตามที่เราคิดเอาไว้ หรือพวกเราก็จะต้องจับตาดูต่อๆไป สถานการณ์แต่ละเรื่องไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ถือว่ามีความสำคัญทั้งสิ้น
ก่อนอื่นเลยก็ต้องทำความเข้าใจตรงส่วนนี้ก่อนว่าผมหมายความว่าอะไร
ผู้ซื้อ – เป็นผู้คนที่ผลักดันเงินทุนให้เป็นภาวะกระทิง
ผู้ขาย – ผู้คนที่ต้องการออกจากภาวะกระทิง
ผู้ที่ Short หุ้น – ต้องการตลาดหุ้นให้เป็นภาวะหมีโดยการทำกำไรขาลง
Overbought
ผู้ซื้อ – เป็นผู้คนที่โลภมากและก็มองว่าจะหุ้นจะต้องไปอีกแน่ๆ ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็น Overbought ภาวะกระทิงหลายๆคนก็เริ่มกังวลบ้างแล้ว ที่พวกเขาจะต้องไม่สนใจว่าจะขาดทุนหรือไม่ จนกว่าจะเห็นได้ชัดว่าปรับตัวลดลงจริงๆ
ผู้คนที่ Short หุ้น – เป็นผู้คนที่เล่นสวนตลาดที่ยังมีความแข็งแกร่ง แต่พยายามเดินด้วยลวดขึงสลิง ผู้คนแบบนี้จะต้องพยายามทำความเข้าใจว่ามันปรับตัวสูงสุดแล้วหรือยัง หมายความว่าพวกเขาก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยหากว่าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ
Oversold
ผู้ขาย – เป็นผู้คนที่ดูเหมือนว่าจะมีอาการหวาดหลัวอยู่และก็ทุกข์ใจที่ไม่สามารถทำกำไรได้ พวกเขาจะมีการเติมเชื้อเพลิงให้กับตัวเอง ทันทีที่พวกเขาเห็นราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปเล่นอีกครั้ง หากว่าราคาหุ้นไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะต้องเจอกับความผิดพลาดแบบนี้เรื่อยๆ
ผู้ซื้อ – พวกเขาพยายามจะซื้อหุ้นในราคาถูก แต่จะต้องใช้ความพยายามสูงมาก เพราะว่าราคาหุ้นอาจมีการปรับตัวลดลงต่อ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและก็กระโดดออกจากเรือซ้ำซาก หากว่าพวกเขาเจ็บปวดมาก พวกเขาก็จะยอมแพ้ ตรงจุดนี้ พวกเขาก็จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
การปรับขึ้นเป็น 90 องศา
ผู้ซื้อ – เป็นผู้คนที่โลภจนหน้ามือตามัว พวกเขาจะทำเงินให้ได้มากที่สุดเพียงชั่วข้ามคืนและก็ไม่อยากเห็นฉากจบ อยากให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆและเร็ว มีกิเลสครอบงำ และพวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าราคาหุ้นจะสุดหน้าผาตอนไหน ทันทีที่ราคาหุ้นมาถึงหน้าผา พวกเขาก็จะต้องช็อคและก็รีบหาที่นั่งเมื่อเพลงเก้าอี้ดนตรีหยุดลง
ผู้คนที่ Short หุ้น – เป็นผู้คนที่คิดผิดมากตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขายอมรับว่าเข้าไปในจุดที่ไม่เหมาะสม และพวกเขารู้ว่าจะต้องทำกำไรก้อนโตได้แน่ๆหากว่าสามารถเข้าไป Short บริเวณที่เหมาะสม โชคร้ายที่พวกเขามีความเชื่อมั่นว่ามาถูกทาง พวกเขาก็ต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังยืนกรานที่จะทำกำไรให้ได้เร็ว
การยอมแพ้
ผู้ขาย – เศร้า เศร้าและก็เศร้าอยู่แบบนั้น มักจะคิดแต่ปัญหาเดิมๆๆว่า “ทำไมผมถึงไม่ยอมขายออกไปในราคา $__ นี่วะ” ถือเป็นโรคระบาดในการลงทุน และผู้คนส่วนใหญ่ก็จะล้มป่วยด้วยโรคแบบนี้ พวกเขาโยนผ้าขาวกลางเวทีและก็วางแผนซื้อเรือลำเล็กขนของที่เหลือยู่ ซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวกลับคืนมา แต่ความเจ็บปวดยังไม่หมดแค่นั้น เพราะว่าพอขายหุ้นออกมาแล้วราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีที่ไม่รอเขาเลย
ผู้ซื้อ –เป็นที่ชัดเจนว่าคนพวกนี้มักจะยืนอยู่แถวหน้าของขบวนรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ก็ยังมีแรงที่ฮึดสู้ยืนต่อไป พวกเขารู้สึกว่าจะต้องคิดเรื่องการทำกำไรบ้างแล้ว หากพวกเขาได้กลิ่นตุๆในตลาดหุ้นและออกจากฝูงชนไปได้ ก็ทำให้พวกเขาหอบเงินมากองไว้ที่บ้านและก็รอเรือลำต่อไปเข้ามารับพวกเขา
ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น
พวกเราได้ทำการประเมินสถานการณ์ต่างๆไว้อย่างไรบ้างในการเล่นหุ้น เรามุ่งเล่นหุ้นเฉพาะเจาะจงในแต่ละช่วงเวลาหรือเปล่า เราจะต้องเข้าใจว่าการพลิกเหรียญอีกด้านจะทำให้เราตระหนักคิดได้ว่าจะถือหุ้นหรือหมอบไพ่
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net
จิตวิทยา Overbought Oversold และตลาดหุ้นภาพรวม
บางทีมันก็อาจจะเป็นสัปดาห์ที่เราโดนย่างหรือเก็บสะสมผลกำไรได้ในแต่ละวัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในชีวิตจริงพวกเราทุกคนก็มักจะเจอโอกาส Over แบบนี้ได้เสมอและมันก็จะต้องเจอสัก1-2 ครั้งในชีวิต
มันก็เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน หากราคาหุ้นมันเด้งไม่ค่อยมาก เราก็อาจมองได้ว่าเป็นสัญญาณ Overbought และบางครั้งก็ไม่ค่อยมีสัญญาณขายให้เห็นแล้ว ก็อาจจะเป็นสัญญาณ Oversold ก็ได้
พวกเราไม่มีทางเห็น Overbought กับ Oversold ได้ทุกๆสัปดาห์หรอก แต่เรื่องพวกนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ อารมณ์ของพวกเราจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ไม่แปลกใจเลยที่ส่วนใหญ่ผู้คนก็จะต้องเผชิญภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน พวกเราก็คงจะสับสนกับตลาดหุ้นภาพรวมบ้างแล้ว บางครั้งก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อนแรงมากจนเป็นรูป 90 องศา บางครั้งเงินร้อนมันก็จะเข้ามาในช่วงเวลาแบบนี้ ซึ่งความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นและผลตอบแทนก็ได้มากขึ้นตามมา ซึ่งมีหลากหลายกลุ่มเข้ามากรูในเรือลำเดียวกัน เหมือนกับว่าจะอยู่บนเรือลำนี้ไปตลอด
และแน่นอนเวลานี้พวกเราก็อาจจะเห็นแรงเทขายด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ก็มาถึงบทสรุปตรงที่ทุกๆคนวิ่งหนีเหมือนกับฝูงสัตว์ เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันทำให้เราขนหัวลุกกับสิ่งที่เห็น รู้สึกเหมือนกับว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่จบสิ้น
ความแตกต่างมันอยู่ตรงไหน
ตลาดหุ้นมันก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราจะต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและก็ต้องดูว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป
ความจริงที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเกิดสัญญาณ Overbought หรือ Oversold หรือขึ้นแบบ 90 องศาหรือหนีตายออกมา การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่ดี
หมายความว่ามันอาจจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่ก็ไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปตลอด สุดท้ายกจะต้องการอ่อนตัวและปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อหรือสวนทาง สิ้นสุดแนวโน้มนั้นๆ อาจจะมีทิศทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ตรงจุดนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าการเคลื่อนไหวราคาหุ้นมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งแบบนี้ไปตลอด
อย่างที่ได้พูดไว้แล้วว่า ปัจจัยใหญ่ๆที่เราจะต้องทำการประเมินก็คือกราฟหุ้นที่เราได้ใช้
ตัวอย่างเช่น การเล่นหุ้นด้วยกราฟ 5 นาที ก็อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบ 90 องศาได้ การเคลื่อนไหวแบบเดียวกันนี้ก็จะอยู่ในกราฟหุ้นรายวันที่แทบจะไม่มีสัญญาณ Overboughtเลย การที่เรามองแต่ภาพเดียวก็จะไม่ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ต่างๆรอบด้าน
พบปะกับฝูงชน
พวกเราจะต้องดูปัจจัยสถานการณ์ต่างๆไว้ให้ดี มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราจะสังเกตผู้คนทุกๆคนที่เข้ามาเล่นหุ้นได้ ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายหุ้นและก็ผู้ที่ Short หุ้น การที่เรารู้เรื่องพวกนี้จะทำให้เรามีแรงจูงใจเดินหน้าต่อไปได้สำหรับเทรดเดอร์อย่างพวกเรา หมายความว่าพวกเราก็มีโอกาสเตรียมตัวได้ดีกว่าคนอื่นๆหากว่าการเคลื่อนไหวมันเป็นไปตามที่เราคิดเอาไว้ หรือพวกเราก็จะต้องจับตาดูต่อๆไป สถานการณ์แต่ละเรื่องไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ถือว่ามีความสำคัญทั้งสิ้น
ก่อนอื่นเลยก็ต้องทำความเข้าใจตรงส่วนนี้ก่อนว่าผมหมายความว่าอะไร
ผู้ซื้อ – เป็นผู้คนที่ผลักดันเงินทุนให้เป็นภาวะกระทิง
ผู้ขาย – ผู้คนที่ต้องการออกจากภาวะกระทิง
ผู้ที่ Short หุ้น – ต้องการตลาดหุ้นให้เป็นภาวะหมีโดยการทำกำไรขาลง
Overbought
ผู้ซื้อ – เป็นผู้คนที่โลภมากและก็มองว่าจะหุ้นจะต้องไปอีกแน่ๆ ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็น Overbought ภาวะกระทิงหลายๆคนก็เริ่มกังวลบ้างแล้ว ที่พวกเขาจะต้องไม่สนใจว่าจะขาดทุนหรือไม่ จนกว่าจะเห็นได้ชัดว่าปรับตัวลดลงจริงๆ
ผู้คนที่ Short หุ้น – เป็นผู้คนที่เล่นสวนตลาดที่ยังมีความแข็งแกร่ง แต่พยายามเดินด้วยลวดขึงสลิง ผู้คนแบบนี้จะต้องพยายามทำความเข้าใจว่ามันปรับตัวสูงสุดแล้วหรือยัง หมายความว่าพวกเขาก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยหากว่าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ
Oversold
ผู้ขาย – เป็นผู้คนที่ดูเหมือนว่าจะมีอาการหวาดหลัวอยู่และก็ทุกข์ใจที่ไม่สามารถทำกำไรได้ พวกเขาจะมีการเติมเชื้อเพลิงให้กับตัวเอง ทันทีที่พวกเขาเห็นราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปเล่นอีกครั้ง หากว่าราคาหุ้นไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะต้องเจอกับความผิดพลาดแบบนี้เรื่อยๆ
ผู้ซื้อ – พวกเขาพยายามจะซื้อหุ้นในราคาถูก แต่จะต้องใช้ความพยายามสูงมาก เพราะว่าราคาหุ้นอาจมีการปรับตัวลดลงต่อ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและก็กระโดดออกจากเรือซ้ำซาก หากว่าพวกเขาเจ็บปวดมาก พวกเขาก็จะยอมแพ้ ตรงจุดนี้ พวกเขาก็จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
การปรับขึ้นเป็น 90 องศา
ผู้ซื้อ – เป็นผู้คนที่โลภจนหน้ามือตามัว พวกเขาจะทำเงินให้ได้มากที่สุดเพียงชั่วข้ามคืนและก็ไม่อยากเห็นฉากจบ อยากให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆและเร็ว มีกิเลสครอบงำ และพวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าราคาหุ้นจะสุดหน้าผาตอนไหน ทันทีที่ราคาหุ้นมาถึงหน้าผา พวกเขาก็จะต้องช็อคและก็รีบหาที่นั่งเมื่อเพลงเก้าอี้ดนตรีหยุดลง
ผู้คนที่ Short หุ้น – เป็นผู้คนที่คิดผิดมากตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขายอมรับว่าเข้าไปในจุดที่ไม่เหมาะสม และพวกเขารู้ว่าจะต้องทำกำไรก้อนโตได้แน่ๆหากว่าสามารถเข้าไป Short บริเวณที่เหมาะสม โชคร้ายที่พวกเขามีความเชื่อมั่นว่ามาถูกทาง พวกเขาก็ต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังยืนกรานที่จะทำกำไรให้ได้เร็ว
การยอมแพ้
ผู้ขาย – เศร้า เศร้าและก็เศร้าอยู่แบบนั้น มักจะคิดแต่ปัญหาเดิมๆๆว่า “ทำไมผมถึงไม่ยอมขายออกไปในราคา $__ นี่วะ” ถือเป็นโรคระบาดในการลงทุน และผู้คนส่วนใหญ่ก็จะล้มป่วยด้วยโรคแบบนี้ พวกเขาโยนผ้าขาวกลางเวทีและก็วางแผนซื้อเรือลำเล็กขนของที่เหลือยู่ ซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวกลับคืนมา แต่ความเจ็บปวดยังไม่หมดแค่นั้น เพราะว่าพอขายหุ้นออกมาแล้วราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีที่ไม่รอเขาเลย
ผู้ซื้อ –เป็นที่ชัดเจนว่าคนพวกนี้มักจะยืนอยู่แถวหน้าของขบวนรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ก็ยังมีแรงที่ฮึดสู้ยืนต่อไป พวกเขารู้สึกว่าจะต้องคิดเรื่องการทำกำไรบ้างแล้ว หากพวกเขาได้กลิ่นตุๆในตลาดหุ้นและออกจากฝูงชนไปได้ ก็ทำให้พวกเขาหอบเงินมากองไว้ที่บ้านและก็รอเรือลำต่อไปเข้ามารับพวกเขา
ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น
พวกเราได้ทำการประเมินสถานการณ์ต่างๆไว้อย่างไรบ้างในการเล่นหุ้น เรามุ่งเล่นหุ้นเฉพาะเจาะจงในแต่ละช่วงเวลาหรือเปล่า เราจะต้องเข้าใจว่าการพลิกเหรียญอีกด้านจะทำให้เราตระหนักคิดได้ว่าจะถือหุ้นหรือหมอบไพ่
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net