สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ชอบอ่านนิยายกำลังภายในแล้วมีพฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไปในชีวิตประจำวันตามข้อด้านล่างครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 22
มีอย่างแน่นอน แต่จะเป็นนิยายมากกว่า
ผมอ่านโก้วเล้ง สามก๊ก เลยเป็นคนที่คิดว่า ไม่มีใครเป็นคนดีสมบูรณ์แบบ และไม่มีใครเลวร้อยเปอร์เซ็น
มองว่าโก้วเล้ง สามก๊ก นี้เป็นปรัชญาการใช้ชีวิตมากกว่า
คำคมเด็ดๆ จาก โกวเล้ง
- คนผู้หนึ่งไม่อาจหนีตัวเองได้ ความผิดพลาดของตัวเอง ความเสียใจของตัวเอง ความรับผิดชอบของตัวเอง ล้วนแต่หนีไม่ได้ เนื่องเพราะนั่นคล้ายเป็นเงาของตัวเอง ซึ่งติดตามตนไปทุกแห่งหน ไม่อาจหนีรอดได้เด็ดขาด
- คนเสเพล ปีศาจสุรา มิเห็นที่ใดไม่ดี นั่นยังประเสริฐกว่าวิญญูชนจอมปลอม สวมหน้ากากออกหลอกลวงมากมายนัก หรือมิใช่ ?
- ตอนนั้น เป็นเวลาที่ความรู้สึกเปราะบางที่สุด
คนเราเมื่ออยู่ในความว้าเหว่เปราะบาง มักจะกล่าววาจาที่กระทั่งตัวเองก็นนึกไม่ถึงจะเปล่งออกมาจากปากได้...
- สุราอยู่ในจอก โคมไฟริบหรี่แสงเลือนราง มีสุราเหลืองขุ่น นี่มิใช่สุราดี แต่สุราดีหรือเลวหาได้อยู่ที่ตัวมันไม่......กลับอยู่ที่ท่านดื่มมันเวลาใด ? หากเป็นคนที่คับแค้นรันทดจนสุดซึ้ง มาตรว่าเป็นเมรัยรสเลิศในดินแดน ยามล่วงล้ำลำคอก็ขมฝาดจนบอกไม่ถูก
- หากคนคุ้นเคยกับความเงียบเหงาว้าเหว่มาเนิ่นนานจนชาชินอย่างนั้น สำหรับกับมันแล้ว การรอคอยมิใช่เป็นการปวดร้าวทรมานอีกเลย
- สุราไม่อาจคลี่คลายความคับแค้นของผู้ใดได้ แต่สามารถดลบันดาลให้ท่านหลอกตัวเองได้
- ข้าพเจ้าเองมักรู้สึกประหลาดสงสัย ไฉนผู้คนในโลกจึงพอใจกันดื่มสุรากันอยู่มากมาย ความจริงสุรายังดื่มยากกว่ายาพิษเสียอีก
- วาจาตอนเมา ปกติมักเป็นวาจาจริงใจ
- ผู้ดื่มสุราเมามาย มักเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผลที่สุดในโลก ไม่ว่ากระทำเรื่องราวใดล้วนถูกต้อง ที่ผิดพลาดต้องเป็นผู้อื่น
- เราดื่มสุรากลัวเพียงฟ้าสว่าง หากฟ้าไม่สว่างเราพอจะดื่มอีกเท่าไหร่ก็มิเป็นไร แต่พอฟ้าสว่างเราจะรู้สึกปวดหัวทันที กระทั่งสุราก็ดื่มไม่ลงแล้ว
- ...นี่มิใช่เป็นเมลัยแล้ว แต่เป็นสุราขมฝาดของชีวิตเมื่อยังมีชีวิตก้ต้องรับไว้ ต้องดื่มไป
- หลังร่ำสุราเปิดเผยความจริง ผู้ที่ดื่มจนเมามายมักยากที่จะรักษาความลับไว้ได้
...อาจบางทีความรักเป็นเช่นนี้เอง
...ท่านอาจคิดเสพย์สุขอันหวานชื่นของความรัก ก็ต้องกล้ำกลืนความกลัดกลุ้มและปวดร้าวซึ่งสืบเนื่องจากความรักด้วย
- ท่านยิ่งแสร้งเป็นไม่แยแสสนใจต่อเรื่องราวหนึ่ง ยิ่งแสดงว่าท่านผูกพันกังวลมันเป็นพิเศษ..............โดยเฉพาะอิสตรี...
- ที่ประหลาดพิกลที่สุด หยั่งคำนวณไม่ออกที่สุดในโลกนี้ ก็คือหัวใจของมนุษย์นี่เอง หัวใจของอิสตรีต่างเป็นเช่นเดียวกัน
- บุรุษที่เจ็บแค้นเพราะความรักนั้น มีอากัปกิริยาที่กระจ่างอย่างยิ่ง...ดุจดังดอกไม้เขียวขจีพลันเหี่ยวเฉาลงไปก็ปาน
- ท่านยิ่งแสร้งเป็นไม่แยแสสนใจต่อเรื่องราวหนึ่ง ยิ่งแสดงว่าท่านผูกพันกังวลมันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอิสตรี
- น้ำมิตรเกิกจากการสั่งสม แต่ความรักอุบัติอย่างกระทันหัน....น้ำมิตรต้องผ่ารการทดสอบของการเวลา แต่ความรักมักเกิดในช่วงชั่วพริบตา ช่วงพริบตานั้นเจิดจ้าจำรัดปานใด สวยสดงดงามเพียงไหน ช่วงพริบตานั้นจะคงอยู่เป็นชั่วนิรันดร์
- คนผู้หนึ่งขอเพียงปลงได้ตก ในโลกก็ไม่มีเรื่องใด ควรคู่ให้ปวดร้าวกลัดกลุ้มอีก
- กุหลาบเพียงหนึ่งเดียวที่ไร้หนาม คือความรักระหว่างมิตร
- ที่ประหลาดพิกลที่สุด หยั่งคำนวณไม่ออกที่สุดในโลกนี้ ก็คือหัวใจของมนุษย์นี่เอง หัวใจของบุรุษและสตรี ต่างเป็นเช่นเดียวกัน
- สตรีหากรักชอบบุรุษผู้หนึ่ง ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ต้องดูออก....
บุรุษและสตรี
- สตรีไม่ว่าแต่งงานกับบุรุษเยี่ยงไร อย่างน้อยดีกว่าแต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง...หากแม้นสตรีต้องแต่งงานกับสตรีด้วยกัน จึงเป็นเรื่องเลวร้ายจริงๆ
- ในโลก ความจริงไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจอีกผู้หนึ่งโดยกระจ่างอย่างแท้จริง มิว่าเป็นสามี ภรรยาเป็นมิตรสหายก็ตาม อย่าว่าแต่สตรีความจริงก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้คนเข้าใจอยู่แล้ว
- รักคือเสียสละ...ไม่ใช่ยึดครอง
- ยามเมื่อบุรุษพบว่าตนเองถูกสตรีซึ่งตนรักหลอกลวงน้ำใจ ความเดือดดาลและปวดร้าวที่ได้รับ ในโลกแทบไม่มีเรื่องอื่นเปรียบเทียบได้
จะมีชีวิตอยู่โดยทรงคุณค่าเป็นที่ลำบากก็จริง จะตายให้มีคุณค่ายิ่งยากเข็ญกว่ามากนัก
เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิด จะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
ความรักนับเป็นเรื่องพิศดารที่สุดจริงๆ มันบางครั้งสามารถบันดาลให้คนโง่เขลา กลายเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องที่สุด แต่บางครั้งกลับสามารถบันดาลให้คนชาญฉลาด กลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาได้
มีเรื่องบางประการ มาตรว่าท่านปฏิเสธไม่ไปขบคิด แต่พาลต้องครุ่นคิดอยู่ทุกเวลา มนุษย์ไม่มีทางข่มกลั้นความรู้สึกนึกคิดของตัวเองไว้ได้ตลอดกาลนาน ...นี่เองบางทีเป็นการเจ็บปวดประการหนึ่งในหลายๆประการของชีวิตคนเรา
ชั่วชีวิตมนุษย์...สิ่งที่บันดาลให้หดหู่ รันทด มิใช่การจำพราก...หากเป็นการอยู่ร่วม เพราะหากไม่เคยอยู่ร่วม ไหนเลยมีการจำพรากได้
สวยงามเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น มีแต่ความจริง จึงเป็นนิรันดร์ ...แต่ก็มีคนว่าเราเพียงสามารถกุมช่วงเวลาที่สวยงามเพียงชั่ววูบไว้ได้ก็พอแก่ใจแล้ว ความจริงที่เป็นนิจนิรันดร์ทิ้งให้เป็นนิจนิรันดร์ต่อไป เราไม่แยแสสนใจเลย
ความรักแท้จริงแล้วเป็นอารมณ์ความรู้สึกระดับพื้นฐานชนิดหนึ่งของมนุษยชาติ ทั้งเป็นชนิดที่เก่าแก่ที่สุดด้วย..หากปราศจากความรัก ก็จะไม่มีมนุษยชาติ
ความรักเป็นสิ่งงดงาม งดงามประหนึ่งดอกกุหลาบ แต่ทว่ามันมีหนาม... กุหลาบที่ไร้หนามในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวคือมิตรภาพ
เมื่อคิดเสพสุขอันหวานชื่นของความรัก ก็ต้องเตรียมใจสำหรับกล้ำกลืน ความกลัดกลุ้มและปวดร้าวจากความรักด้วย
คนเรามีแต่ตอนคิดใคร่จะได้ที่สุด จึงหวาดกลัวจะสูญเสียเป็นที่สุด ความรู้สึกที่ บัดเดี๋ยวดีบัดเดี๋ยวร้ายเยี่ยงนี้ ก็เป็นจุดอ่อนหนึ่งในจำนวนมากหลายของมนุษย์เรา ที่น่าเศร้าคือท่านยิ่งรุ่มร้อนปรารถนาจะได้ความหวังจะสูญเสียก็ยิ่งมากมาย
ในโลกความจริง มีเรื่องอับจนปัญญาอยู่มากหลาย มิว่าผู้ใดต่างมิอาจเหนี่ยวรั้ง ขัดขืนได้...เยี่ยงนี้แม้เจ็บปวดรันทด แต่หากยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องคิดหาวิธีมาสลัดความ ความเจ็บปวดรันทดของตัวเองออกไปให้ได้
โชคและเคราะห์ ความจริงพิสดารยิ่ง หากท่านพบพานเรื่องเคราะห์ร้าย อย่าได้ตัดพ้อ ตำหนิ อย่าได้ท้อแท้ แม้นับว่าท่านถูกเคราะห์จู่โจมจนล้มลงก็หาเป็นไร ไม่ ขอเพียงยังมีชีวิต ท่านก็ต้องยังมีเวลาทรงกายขึ้นยืนได้
รอยขาดของเสื้อผ้าเย็บปะได้ แต่บาดแผลในหัวใจมิว่าผู้ใดก็ไม่อาจเย็บสมาน
มนุษย์มีชีวิตอยู่ด้วยการเปลี่ยนแปลง มนุษย์พ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่ตนเองเลือกเสมอ
บนเรือนร่างของทุกคน ต่างก็มีเชือกเส้นที่มองไม่เห็นอยู่เส้นหนึ่ง ในชั่วชีวิตส่วนใหญ่ของผู้คนต้องถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็นเส้นนี้
ถึงแม้บาดแผลบนร่างกายของคนเรา อาจมีได้ นับร้อยนับพันแห่ง...
แต่รอยแผลในหัวใจ กลับมีอยู่เพียงรอยเดียว และที่ตรงนั้นเอง...
ที่เขารู้สึกว่าเปราะบางที่สุด ถูกทำร้ายได้ง่ายที่สุด
แม้ว่าปากแผลจะปิดไปแล้วก็ตาม
แต่เมื่อไรที่มีอะไรมาสะกิดทำให้เราหวนคิดกลับไป...อาการก็จะกำเริบเจ็บปวดขึ้นมาอีก และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เขากลัวเสียงดนตรีอย่างที่สุด
ผมว่าคนที่เขียนอะไรพวกนี้ขึ้นมาได้ นี้ชีวิตต้องผ่านไรมาเยอะครับ
ผมอ่านโก้วเล้ง สามก๊ก เลยเป็นคนที่คิดว่า ไม่มีใครเป็นคนดีสมบูรณ์แบบ และไม่มีใครเลวร้อยเปอร์เซ็น
มองว่าโก้วเล้ง สามก๊ก นี้เป็นปรัชญาการใช้ชีวิตมากกว่า
คำคมเด็ดๆ จาก โกวเล้ง
- คนผู้หนึ่งไม่อาจหนีตัวเองได้ ความผิดพลาดของตัวเอง ความเสียใจของตัวเอง ความรับผิดชอบของตัวเอง ล้วนแต่หนีไม่ได้ เนื่องเพราะนั่นคล้ายเป็นเงาของตัวเอง ซึ่งติดตามตนไปทุกแห่งหน ไม่อาจหนีรอดได้เด็ดขาด
- คนเสเพล ปีศาจสุรา มิเห็นที่ใดไม่ดี นั่นยังประเสริฐกว่าวิญญูชนจอมปลอม สวมหน้ากากออกหลอกลวงมากมายนัก หรือมิใช่ ?
- ตอนนั้น เป็นเวลาที่ความรู้สึกเปราะบางที่สุด
คนเราเมื่ออยู่ในความว้าเหว่เปราะบาง มักจะกล่าววาจาที่กระทั่งตัวเองก็นนึกไม่ถึงจะเปล่งออกมาจากปากได้...
- สุราอยู่ในจอก โคมไฟริบหรี่แสงเลือนราง มีสุราเหลืองขุ่น นี่มิใช่สุราดี แต่สุราดีหรือเลวหาได้อยู่ที่ตัวมันไม่......กลับอยู่ที่ท่านดื่มมันเวลาใด ? หากเป็นคนที่คับแค้นรันทดจนสุดซึ้ง มาตรว่าเป็นเมรัยรสเลิศในดินแดน ยามล่วงล้ำลำคอก็ขมฝาดจนบอกไม่ถูก
- หากคนคุ้นเคยกับความเงียบเหงาว้าเหว่มาเนิ่นนานจนชาชินอย่างนั้น สำหรับกับมันแล้ว การรอคอยมิใช่เป็นการปวดร้าวทรมานอีกเลย
- สุราไม่อาจคลี่คลายความคับแค้นของผู้ใดได้ แต่สามารถดลบันดาลให้ท่านหลอกตัวเองได้
- ข้าพเจ้าเองมักรู้สึกประหลาดสงสัย ไฉนผู้คนในโลกจึงพอใจกันดื่มสุรากันอยู่มากมาย ความจริงสุรายังดื่มยากกว่ายาพิษเสียอีก
- วาจาตอนเมา ปกติมักเป็นวาจาจริงใจ
- ผู้ดื่มสุราเมามาย มักเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผลที่สุดในโลก ไม่ว่ากระทำเรื่องราวใดล้วนถูกต้อง ที่ผิดพลาดต้องเป็นผู้อื่น
- เราดื่มสุรากลัวเพียงฟ้าสว่าง หากฟ้าไม่สว่างเราพอจะดื่มอีกเท่าไหร่ก็มิเป็นไร แต่พอฟ้าสว่างเราจะรู้สึกปวดหัวทันที กระทั่งสุราก็ดื่มไม่ลงแล้ว
- ...นี่มิใช่เป็นเมลัยแล้ว แต่เป็นสุราขมฝาดของชีวิตเมื่อยังมีชีวิตก้ต้องรับไว้ ต้องดื่มไป
- หลังร่ำสุราเปิดเผยความจริง ผู้ที่ดื่มจนเมามายมักยากที่จะรักษาความลับไว้ได้
...อาจบางทีความรักเป็นเช่นนี้เอง
...ท่านอาจคิดเสพย์สุขอันหวานชื่นของความรัก ก็ต้องกล้ำกลืนความกลัดกลุ้มและปวดร้าวซึ่งสืบเนื่องจากความรักด้วย
- ท่านยิ่งแสร้งเป็นไม่แยแสสนใจต่อเรื่องราวหนึ่ง ยิ่งแสดงว่าท่านผูกพันกังวลมันเป็นพิเศษ..............โดยเฉพาะอิสตรี...
- ที่ประหลาดพิกลที่สุด หยั่งคำนวณไม่ออกที่สุดในโลกนี้ ก็คือหัวใจของมนุษย์นี่เอง หัวใจของอิสตรีต่างเป็นเช่นเดียวกัน
- บุรุษที่เจ็บแค้นเพราะความรักนั้น มีอากัปกิริยาที่กระจ่างอย่างยิ่ง...ดุจดังดอกไม้เขียวขจีพลันเหี่ยวเฉาลงไปก็ปาน
- ท่านยิ่งแสร้งเป็นไม่แยแสสนใจต่อเรื่องราวหนึ่ง ยิ่งแสดงว่าท่านผูกพันกังวลมันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอิสตรี
- น้ำมิตรเกิกจากการสั่งสม แต่ความรักอุบัติอย่างกระทันหัน....น้ำมิตรต้องผ่ารการทดสอบของการเวลา แต่ความรักมักเกิดในช่วงชั่วพริบตา ช่วงพริบตานั้นเจิดจ้าจำรัดปานใด สวยสดงดงามเพียงไหน ช่วงพริบตานั้นจะคงอยู่เป็นชั่วนิรันดร์
- คนผู้หนึ่งขอเพียงปลงได้ตก ในโลกก็ไม่มีเรื่องใด ควรคู่ให้ปวดร้าวกลัดกลุ้มอีก
- กุหลาบเพียงหนึ่งเดียวที่ไร้หนาม คือความรักระหว่างมิตร
- ที่ประหลาดพิกลที่สุด หยั่งคำนวณไม่ออกที่สุดในโลกนี้ ก็คือหัวใจของมนุษย์นี่เอง หัวใจของบุรุษและสตรี ต่างเป็นเช่นเดียวกัน
- สตรีหากรักชอบบุรุษผู้หนึ่ง ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ต้องดูออก....
บุรุษและสตรี
- สตรีไม่ว่าแต่งงานกับบุรุษเยี่ยงไร อย่างน้อยดีกว่าแต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง...หากแม้นสตรีต้องแต่งงานกับสตรีด้วยกัน จึงเป็นเรื่องเลวร้ายจริงๆ
- ในโลก ความจริงไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจอีกผู้หนึ่งโดยกระจ่างอย่างแท้จริง มิว่าเป็นสามี ภรรยาเป็นมิตรสหายก็ตาม อย่าว่าแต่สตรีความจริงก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้คนเข้าใจอยู่แล้ว
- รักคือเสียสละ...ไม่ใช่ยึดครอง
- ยามเมื่อบุรุษพบว่าตนเองถูกสตรีซึ่งตนรักหลอกลวงน้ำใจ ความเดือดดาลและปวดร้าวที่ได้รับ ในโลกแทบไม่มีเรื่องอื่นเปรียบเทียบได้
จะมีชีวิตอยู่โดยทรงคุณค่าเป็นที่ลำบากก็จริง จะตายให้มีคุณค่ายิ่งยากเข็ญกว่ามากนัก
เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิด จะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
ความรักนับเป็นเรื่องพิศดารที่สุดจริงๆ มันบางครั้งสามารถบันดาลให้คนโง่เขลา กลายเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องที่สุด แต่บางครั้งกลับสามารถบันดาลให้คนชาญฉลาด กลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาได้
มีเรื่องบางประการ มาตรว่าท่านปฏิเสธไม่ไปขบคิด แต่พาลต้องครุ่นคิดอยู่ทุกเวลา มนุษย์ไม่มีทางข่มกลั้นความรู้สึกนึกคิดของตัวเองไว้ได้ตลอดกาลนาน ...นี่เองบางทีเป็นการเจ็บปวดประการหนึ่งในหลายๆประการของชีวิตคนเรา
ชั่วชีวิตมนุษย์...สิ่งที่บันดาลให้หดหู่ รันทด มิใช่การจำพราก...หากเป็นการอยู่ร่วม เพราะหากไม่เคยอยู่ร่วม ไหนเลยมีการจำพรากได้
สวยงามเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น มีแต่ความจริง จึงเป็นนิรันดร์ ...แต่ก็มีคนว่าเราเพียงสามารถกุมช่วงเวลาที่สวยงามเพียงชั่ววูบไว้ได้ก็พอแก่ใจแล้ว ความจริงที่เป็นนิจนิรันดร์ทิ้งให้เป็นนิจนิรันดร์ต่อไป เราไม่แยแสสนใจเลย
ความรักแท้จริงแล้วเป็นอารมณ์ความรู้สึกระดับพื้นฐานชนิดหนึ่งของมนุษยชาติ ทั้งเป็นชนิดที่เก่าแก่ที่สุดด้วย..หากปราศจากความรัก ก็จะไม่มีมนุษยชาติ
ความรักเป็นสิ่งงดงาม งดงามประหนึ่งดอกกุหลาบ แต่ทว่ามันมีหนาม... กุหลาบที่ไร้หนามในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวคือมิตรภาพ
เมื่อคิดเสพสุขอันหวานชื่นของความรัก ก็ต้องเตรียมใจสำหรับกล้ำกลืน ความกลัดกลุ้มและปวดร้าวจากความรักด้วย
คนเรามีแต่ตอนคิดใคร่จะได้ที่สุด จึงหวาดกลัวจะสูญเสียเป็นที่สุด ความรู้สึกที่ บัดเดี๋ยวดีบัดเดี๋ยวร้ายเยี่ยงนี้ ก็เป็นจุดอ่อนหนึ่งในจำนวนมากหลายของมนุษย์เรา ที่น่าเศร้าคือท่านยิ่งรุ่มร้อนปรารถนาจะได้ความหวังจะสูญเสียก็ยิ่งมากมาย
ในโลกความจริง มีเรื่องอับจนปัญญาอยู่มากหลาย มิว่าผู้ใดต่างมิอาจเหนี่ยวรั้ง ขัดขืนได้...เยี่ยงนี้แม้เจ็บปวดรันทด แต่หากยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องคิดหาวิธีมาสลัดความ ความเจ็บปวดรันทดของตัวเองออกไปให้ได้
โชคและเคราะห์ ความจริงพิสดารยิ่ง หากท่านพบพานเรื่องเคราะห์ร้าย อย่าได้ตัดพ้อ ตำหนิ อย่าได้ท้อแท้ แม้นับว่าท่านถูกเคราะห์จู่โจมจนล้มลงก็หาเป็นไร ไม่ ขอเพียงยังมีชีวิต ท่านก็ต้องยังมีเวลาทรงกายขึ้นยืนได้
รอยขาดของเสื้อผ้าเย็บปะได้ แต่บาดแผลในหัวใจมิว่าผู้ใดก็ไม่อาจเย็บสมาน
มนุษย์มีชีวิตอยู่ด้วยการเปลี่ยนแปลง มนุษย์พ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่ตนเองเลือกเสมอ
บนเรือนร่างของทุกคน ต่างก็มีเชือกเส้นที่มองไม่เห็นอยู่เส้นหนึ่ง ในชั่วชีวิตส่วนใหญ่ของผู้คนต้องถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็นเส้นนี้
ถึงแม้บาดแผลบนร่างกายของคนเรา อาจมีได้ นับร้อยนับพันแห่ง...
แต่รอยแผลในหัวใจ กลับมีอยู่เพียงรอยเดียว และที่ตรงนั้นเอง...
ที่เขารู้สึกว่าเปราะบางที่สุด ถูกทำร้ายได้ง่ายที่สุด
แม้ว่าปากแผลจะปิดไปแล้วก็ตาม
แต่เมื่อไรที่มีอะไรมาสะกิดทำให้เราหวนคิดกลับไป...อาการก็จะกำเริบเจ็บปวดขึ้นมาอีก และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เขากลัวเสียงดนตรีอย่างที่สุด
ผมว่าคนที่เขียนอะไรพวกนี้ขึ้นมาได้ นี้ชีวิตต้องผ่านไรมาเยอะครับ
ความคิดเห็นที่ 1
เพิ่งเริ่มติดนิสัยพูดคนเดียว บ่นกับตัวเอง มาจากการ์ตูนทั้งหลายมาสัก 2-3 ปีละ
คือปกติคำพวกนี้จะแค่คิดในใจ ... แต่หลังๆมา จะออกมาเป็นเสียงด้วย 555
"ทำไงดีหว่า" ... "ซื้ออะไรดีนะ" ... "กำ ผิดทาง" ประมาณนี้
ยังดีที่พูดเบามากกกกกก คนอื่นแทบจะไม่ได้ยิน เลยไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร
อีกเรื่อง ผมเป็นคนเดินเร็วมาก แต่ประเทศไทยเราสภาพมันไม่เอื้ออำนวย
ทั้งพวกบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปเดินเรียงหน้ากระดาน ทั้งแผงขายของ หลุมบ่อ มอเตอร์ไซด์
พอได้อ่านอายชิลด์21 ... เริ่มเห็นรูท 5555+
อีกทั้งยังได้การเดินแบบหมุนสปิน ทั้งการเดินสลับสเตปเท้า จากที่เคยหงุดหงิด การเป็นสนุกไปเลย
(ยกเว้นทางเท้าหน้ารามนี่แหละ ทำ5่าไรไม่ได้เลย เดินทีจะเป็นผัวเมียกันอยู่ละ)
คือปกติคำพวกนี้จะแค่คิดในใจ ... แต่หลังๆมา จะออกมาเป็นเสียงด้วย 555
"ทำไงดีหว่า" ... "ซื้ออะไรดีนะ" ... "กำ ผิดทาง" ประมาณนี้
ยังดีที่พูดเบามากกกกกก คนอื่นแทบจะไม่ได้ยิน เลยไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร
อีกเรื่อง ผมเป็นคนเดินเร็วมาก แต่ประเทศไทยเราสภาพมันไม่เอื้ออำนวย
ทั้งพวกบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปเดินเรียงหน้ากระดาน ทั้งแผงขายของ หลุมบ่อ มอเตอร์ไซด์
พอได้อ่านอายชิลด์21 ... เริ่มเห็นรูท 5555+
อีกทั้งยังได้การเดินแบบหมุนสปิน ทั้งการเดินสลับสเตปเท้า จากที่เคยหงุดหงิด การเป็นสนุกไปเลย
(ยกเว้นทางเท้าหน้ารามนี่แหละ ทำ5่าไรไม่ได้เลย เดินทีจะเป็นผัวเมียกันอยู่ละ)
ความคิดเห็นที่ 11
การ์ตูนและนิายทำให้เราเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงเว่อร์ชนิดที่สามารถนั่งเฉยๆขณะเดินทางไปได้สิบกว่าชั่วโมงโดยไม่ทำอะไรนอกจากมโนอย่างเดียว (ชอบช่วงเวลาแบบนั้นมาก)
ชอบเสพการ์ตูนแนวดาร์กๆเยอะ และดูหนังเลือดสาดบ่อยเราเลยเป็นพวกมีบุคลิกแบบมืดมนๆ
ด้วยความโลกส่วนตัวสูงทำให้เราเป็นพวกเงียบๆไม่ชอบสุงสิงกับใค
สุดท้ายฉายาที่ได้รับ "ซาดาโกะ" เพราะมีช่วงนึงปล่อยผมหน้าม้าและผมยาว (แต่เป็นซาดาโกะแบบซาวาโกะนะ)
แถมนิดนึง เคยไปนั่งอ่านหนังสือในมุมมืดของห้องสมุดมหา'ลัย นั่งคุกเข่าหนังสือวางบนตักก้มหน้าอ่าน ผมก็ปล่อยยาว สักพักรู้สึกมีคนมาก็เลยเหลือบตาขึ้นมอง เห็นเขาเดินมาจากทางมุมหนังสือ เหมือนจะเพิ่งเห็นเรา เขาสะดุ้งนิดนึงก่อนจะเดินถอยหลังกลับไปช้าๆ
แอบสงสัยเอ๊ะนี่เราทำเขากลัวรึเปล่า แต่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ที่เล่าไปนี่พอเรียกว่าอิทธิพลจากนิยายและการ์ตูนได้มั้ยนะ
ชอบเสพการ์ตูนแนวดาร์กๆเยอะ และดูหนังเลือดสาดบ่อยเราเลยเป็นพวกมีบุคลิกแบบมืดมนๆ
ด้วยความโลกส่วนตัวสูงทำให้เราเป็นพวกเงียบๆไม่ชอบสุงสิงกับใค
สุดท้ายฉายาที่ได้รับ "ซาดาโกะ" เพราะมีช่วงนึงปล่อยผมหน้าม้าและผมยาว (แต่เป็นซาดาโกะแบบซาวาโกะนะ)
แถมนิดนึง เคยไปนั่งอ่านหนังสือในมุมมืดของห้องสมุดมหา'ลัย นั่งคุกเข่าหนังสือวางบนตักก้มหน้าอ่าน ผมก็ปล่อยยาว สักพักรู้สึกมีคนมาก็เลยเหลือบตาขึ้นมอง เห็นเขาเดินมาจากทางมุมหนังสือ เหมือนจะเพิ่งเห็นเรา เขาสะดุ้งนิดนึงก่อนจะเดินถอยหลังกลับไปช้าๆ
แอบสงสัยเอ๊ะนี่เราทำเขากลัวรึเปล่า แต่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ที่เล่าไปนี่พอเรียกว่าอิทธิพลจากนิยายและการ์ตูนได้มั้ยนะ
แสดงความคิดเห็น
การ์ตูนที่คุณอ่าน นิยายที่คุณอ่าน เกมที่คุณเล่น หนังที่คุณดู ส่งผลต่อบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยของคุณหรือไม่ ?
หนังสือพวกนวนิยาย การ์ตูนกลับส่งผลกระทบต่อชีวิตผมมากกว่า หลายเรื่องทำให้บุคลิกภาพลักษณะนิสัยของผมเปลี่ยนไป
เช่น ลี้คิมฮวง จากนิยายกำลังภายใน ฤทธิ์มีดสั้น ทำให้ผมช่างเจรจา มีคำพูดคมๆ เด็ดๆมากขึ้น
ender จากนิยาย ender's game ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า obstacle ที่ตัวเองเจอมันช่างเล็กน้อยยิ่งนักเมื่อเทียบกับสิ่งที่เอนเดอร์ต้องพบเจอ
รพินทร์ ไพรวัลย์ จากนิยาย เพชรพระอุมา ทำให้ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษยิ่งขึ้น
โกคุ จากการ์ตูน ดรากอนบอล ทำให้รู้ว่าชีวิตคือการผจญภัย ศัตรูที่ตอนแรกดูเหมือนไม่มีทางเอาชนะได้ แต่เมื่อสู้มิยอมถอยชัยชนะก็จักตกอยู่แก่เรา
อาเทียม จากเกม metro 2033 ทำให้รู้ว่าทางเดินที่มีศัตรูเยอะๆนั่นแหละแสดงว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว
วอลเตอร์ มิตตี้ จากหนัง the secret life of walter mitty ทำให้ได้คำคมเด็ดๆไว้เป็นแรงกระตุ้นในการดำเนินชีวิต " to see the world , things dangerous to come to , to see behind walls , draw closer, to find each other, and to feel. That is the purpose of life. "
สรุปคือหนังสือที่มีผลกระทบต่อบุคลิก ลักษณะนิสัย ของชีวิตผมไม่ใช่หนังสือฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ เทกบุค ตำราต่างๆเลย
แต่มันคือวรรณกรรมนี่เอง
ใครไม่รู้เคยบอกไว้ว่า วรรณกรรมดีๆเราอ่านไปแล้วต่อให้อนาคตเราลืมเนื้อเรื่องที่อ่านไป แต่วรรณกรรมมันก็เข้าไปส่งผลต่อการมองโลก การปฎิบัติตนโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย
การ์ตูนที่คุณอ่าน นิยายที่คุณอ่าน เกมที่คุณเล่น หนังที่คุณดู ส่งผลต่อบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยของคุณหรือไม่ ?