สืบเนื่องมาจากมิเชลได้ไปช่วยน้อง"รถถัง"มาจากร้านอาหารเปิบพิสดารแห่งหนึ่งย่านรัชดา
แต่มีการแชร์เรื่องทั้งดีและไม่ดีผ่านทางเฟสบุ๊ค และเว็ปต่างๆไปพอสมควร ตัวมิเชลเองไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปนั่งตามดูทุกที่
ไม่มีเวลาที่จะชี้แจงเพราะต้องจัดการเรื่องการตรวจร่างกายที่ รพ.จัดการเรื่องที่พัก และการหาบ้านให้น้องรถถัง
ขออนุญาตเล่าถึงความตอนแรกที่ทราบเรื่อง มิเชลทราบเรื่องครั้งแรกจากน้อง J. ซึ่งเป็นน้องสาวที่สนิทกันนานปี
ว่า มีน้องหมาที่ถูกขัง และมีความกังวลว่าจะถูกจับไปทำอาหาร เพราะว่าก่อนหน้านี้มีนกยูง เสือ และสัตว์อื่นๆถูกขังอยู่ในกรงด้านหลังร้าน
ซึ่งถ้าคนทั่วไปก็จะไม่รู้เพราะมันเป็นช่องระหว่างซอกตึกที่เป็นพื้นที่ตันไม่มีใครเดินผ่าน นกยูงกลางวันก็จะเอามาโชว์หน้าร้าน
กลางคืนก็จะเอามาขังไว้ใกล้ๆ"น้องรถถัง" ต่อมาก็พบว่านกยูงที่ขังไว้หายไป และสัตว์อื่นๆที่เคยนำมาขังกรงไว้ก็ค่อยๆหายไปทีละตัวสองตัว
น้อง J. จึงนำเรื่องมาปรึกษาว่าได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากหลายๆท่าน เช่นคุณ R. และคุณ B. คุณ T.ซึ่งมิเชลเองไม่ได้รู้จักท่านเหล่านี้มาก่อน
และฟังความเบื้องต้นจากน้องJ.ว่า มีคนจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายหากต้องทำการซื้อตัวน้องรถถัง หาบ้านได้แล้วด้วย แต่ขาดอย่างเดียวคือคนเจรจากับเจ้าของร้านอาหารนั่นเท่านั้น
มิเชลเองก็เลยอาสาจะไปเจรจาให้เอง แต่พอไปถึง วันที่ 8 เมษา ไม่พบใครที่ร้านอาหารนั่นเพราะร้านปิดสงกรานต์ แต่เห็นน้องรถถังถูกขังอยู่ในสภาพหิวโซ มีเชือกเก่าๆล่ามไว้ นอนจมกองอึกองฉี่ แววตาที่ไร้ซึ่งความหวัง อยู่ที่หลังร้านเพียงลำพังเท่านั้น
มิเชลเลยขอให้น้อง J.โทรหาคุณR. มิเชลต้องการสอบถามที่มาที่ไปตามความเป็นจริง แต่คุณR.ติดภารกิจจึงไม่ได้คุยกัน
จากนั้นก็โทรหาคุณ B.เพื่อสอบถามถึงความช่วยเหลือ คุณ B.บอกว่าตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเจรจากับเจ้าของไม่ได้ และมีคนเสนอความคิดว่าจะขโมย
คุณB.ก็เลยท้วงติงว่า มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มิเชลถามคุณ B.ว่าเห็นว่ามีคนจะออกค่าใช้จ่ายหากต้องซื้อน้องรถถังจริงไหม คุณบีตอบว่าไม่มี
แล้วมิเชลก็ถามต่อว่าแล้วที่บอกว่าหาบ้านได้แล้วจริงไหม คุณ B.ตอบว่ายังไม่ได้บ้านเพราะว่าต้องคิดถึงบ้านใหม่ด้วยหากจะต้องขโมยน้องรถถัง
ซึ่งอันนี้มิเชลก็เห็นด้วยกับคุณB. จากนั้นมิเชลก็เลยถามต่อว่าแล้วมีแนวทางจะช่วยน้องรถถังยังไง คุณB.บอกยังไม่ทราบว่าจะช่วยยังไง แต่ช่วยแน่ๆ
และจะช่วยยังไงคงบอกไม่ได้ต้องปิดเป็นความลับ ซึ่งมิเชลเองก็เข้าใจ
จากนั้นมิเชลก็เดินกลับมาดูรถถังอีกครั้ง เขาพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่อาจเป็นเพราะไม่ได้เดินและออกกำลังกายและได้อาหารอย่างเพียงพอ
จึงทำให้รถถังไม่ค่อยมีแรง
ขอชี้แจงเรื่อง"น้องรถถัง"เซนท์เบอร์นาร์ดที่ช่วยออกมาจากร้านอาหารเปิบพิสดารย่านรัชดา
สืบเนื่องมาจากมิเชลได้ไปช่วยน้อง"รถถัง"มาจากร้านอาหารเปิบพิสดารแห่งหนึ่งย่านรัชดา
แต่มีการแชร์เรื่องทั้งดีและไม่ดีผ่านทางเฟสบุ๊ค และเว็ปต่างๆไปพอสมควร ตัวมิเชลเองไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปนั่งตามดูทุกที่
ไม่มีเวลาที่จะชี้แจงเพราะต้องจัดการเรื่องการตรวจร่างกายที่ รพ.จัดการเรื่องที่พัก และการหาบ้านให้น้องรถถัง
ขออนุญาตเล่าถึงความตอนแรกที่ทราบเรื่อง มิเชลทราบเรื่องครั้งแรกจากน้อง J. ซึ่งเป็นน้องสาวที่สนิทกันนานปี
ว่า มีน้องหมาที่ถูกขัง และมีความกังวลว่าจะถูกจับไปทำอาหาร เพราะว่าก่อนหน้านี้มีนกยูง เสือ และสัตว์อื่นๆถูกขังอยู่ในกรงด้านหลังร้าน
ซึ่งถ้าคนทั่วไปก็จะไม่รู้เพราะมันเป็นช่องระหว่างซอกตึกที่เป็นพื้นที่ตันไม่มีใครเดินผ่าน นกยูงกลางวันก็จะเอามาโชว์หน้าร้าน
กลางคืนก็จะเอามาขังไว้ใกล้ๆ"น้องรถถัง" ต่อมาก็พบว่านกยูงที่ขังไว้หายไป และสัตว์อื่นๆที่เคยนำมาขังกรงไว้ก็ค่อยๆหายไปทีละตัวสองตัว
น้อง J. จึงนำเรื่องมาปรึกษาว่าได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากหลายๆท่าน เช่นคุณ R. และคุณ B. คุณ T.ซึ่งมิเชลเองไม่ได้รู้จักท่านเหล่านี้มาก่อน
และฟังความเบื้องต้นจากน้องJ.ว่า มีคนจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายหากต้องทำการซื้อตัวน้องรถถัง หาบ้านได้แล้วด้วย แต่ขาดอย่างเดียวคือคนเจรจากับเจ้าของร้านอาหารนั่นเท่านั้น
มิเชลเองก็เลยอาสาจะไปเจรจาให้เอง แต่พอไปถึง วันที่ 8 เมษา ไม่พบใครที่ร้านอาหารนั่นเพราะร้านปิดสงกรานต์ แต่เห็นน้องรถถังถูกขังอยู่ในสภาพหิวโซ มีเชือกเก่าๆล่ามไว้ นอนจมกองอึกองฉี่ แววตาที่ไร้ซึ่งความหวัง อยู่ที่หลังร้านเพียงลำพังเท่านั้น
มิเชลเลยขอให้น้อง J.โทรหาคุณR. มิเชลต้องการสอบถามที่มาที่ไปตามความเป็นจริง แต่คุณR.ติดภารกิจจึงไม่ได้คุยกัน
จากนั้นก็โทรหาคุณ B.เพื่อสอบถามถึงความช่วยเหลือ คุณ B.บอกว่าตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเจรจากับเจ้าของไม่ได้ และมีคนเสนอความคิดว่าจะขโมย
คุณB.ก็เลยท้วงติงว่า มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มิเชลถามคุณ B.ว่าเห็นว่ามีคนจะออกค่าใช้จ่ายหากต้องซื้อน้องรถถังจริงไหม คุณบีตอบว่าไม่มี
แล้วมิเชลก็ถามต่อว่าแล้วที่บอกว่าหาบ้านได้แล้วจริงไหม คุณ B.ตอบว่ายังไม่ได้บ้านเพราะว่าต้องคิดถึงบ้านใหม่ด้วยหากจะต้องขโมยน้องรถถัง
ซึ่งอันนี้มิเชลก็เห็นด้วยกับคุณB. จากนั้นมิเชลก็เลยถามต่อว่าแล้วมีแนวทางจะช่วยน้องรถถังยังไง คุณB.บอกยังไม่ทราบว่าจะช่วยยังไง แต่ช่วยแน่ๆ
และจะช่วยยังไงคงบอกไม่ได้ต้องปิดเป็นความลับ ซึ่งมิเชลเองก็เข้าใจ
จากนั้นมิเชลก็เดินกลับมาดูรถถังอีกครั้ง เขาพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่อาจเป็นเพราะไม่ได้เดินและออกกำลังกายและได้อาหารอย่างเพียงพอ
จึงทำให้รถถังไม่ค่อยมีแรง