เนื่องจากศูนย์การค้า MAYA ที่เชียงใหม่เปิดเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็มีกิจกรรมร่วมสนุกกันเล็กๆน้อยในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ซึ่งผมก็ได้ Gift Voucher โรง First Class มา แน่นอนว่าปราศจาก Gift Voucher นี้ ผมคงไม่มีทางจะยอมจ่ายเงิน 700 บาทเพื่อมาใช้บริการนี้เป็นแน่ หากท่านผู้อภินันทนาการได้มาอ่านต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ครับ

ตอนแรกกะจะเก็บไว้ดู Transformer แต่เนื่องจากบัตรหมดอายุ 6 พ.ค. เหลืออีกแค่ไม่ถึงเดือน วันนี้(10 เม.ย.) พอดีเพื่อนอีกคนที่ได้วอชเชอร์เหมือนกันชวนไปดู Noah ก็เลยตกลง ซึ่งก็ได้ดูรอบแรกของวัน รอบ 13.10น.

โรงภาพยนตร์ First Class จะอยู่ทางขวามือของโรงภาพยนตร์ปกติ ตรงหน้าลิฟท์แก้วเลย


หน้าตาของตั๋วหนัง ซึ่งจะมีบอกรายละเอียดของบริการไว้หมดในตั๋ว (ในตั๋วบอกค่าที่นั่ง 300.- แสดงว่าที่เหลืออีก 400.- คือค่าอาหาร )


บรรยกาศภายในเลาจ์ ที่เก้าทรงสูงๆนั่นมีนิตยสารต่างประเทศชั้นนำให้อ่านกัน ส่วนบันไดด้านหนังนั่นก็เป็นทางเข้าโรงภาพยนตร์


โรง First Class จะมีเล้าจ์ให้บริการก่อนหนังฉาย 1 ชั่วโมง เมื่อเข้าไปนั่งในเล้าจ์สักครู่ พนังงานก็เอา Welcome drink มาเสริฟ พร้อมกับผ้าเย็น พร้อมกับถามว่าระหว่างหนังฉายจะเอาป๊อปคอร์นรสอะไร น้ำอัดลมรสอะไร (เติมได้ตลอด)


ส่วนแสดงอาหารตัวอย่างประจำวันของของเลาจ์


เมนูประจำวันนี้ เป็นอาหารเหนือฟิวชั่นครับ จากห้องอาหารโรงแรมศิริปันนา (โชคดีที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า) ซึ่งแต่ละวันก็จะมีเมนูแตกต่างกันออกไป


หลัง Welcome drink ซัก 5 นาที พนักงานก็ยกคอร์สแรกมา ซึ่งประกอบด้วย สลัดผักรวม และ โรลใส้อั่ว


ผมถูกใจโรลใส้อั่วมาก ปกติเคยกินแต่ใส้อั่วกับข้าวเหนียว มากินกับขนมปังกับผักสลัดแบบนี้ก็อย่อยดีเหมือนกัน ชื่นชมคนคิด


ทานคอร์สแรกยังไม่ทันหมด พนักงานก็ยกคอร์สที่สองมาต่อ ซึ่งประกอบด้วย ข้าวผัดจิ้นส้ม(แหนมภาคเหนือ), ลาบเมืองทอด และ ข้าวแต๋นครับ
ตอนนี้โต๊ะเริ่มเต็มไปด้วยอาหาร


ซูมข้าวผัดจิ้นส้มแบบชัดๆ


ซักพักพนักงานก็ยกผลไม้มาเสริฟปิดท้าย ซึ่งเป็นแตงโมปลาป่น แล้วก็มีน้องพนักงานเดินมาถามว่าอาหารรสชาติอร่อยไหมคะ ต้องการอะไรเพิ่มบอกได้เลยนะคะ


รู้สึกปวดฉี่ ตอนนี้เราจะไปห้องน้ำกันครับ ซึ่งเป็นห้องน้ำของเล้าจ์ First Class โดยเฉพาะ
ส่วนของ ห้องน้ำชาย (แอบเปิดเข้าไปดูห้องน้ำหญิง กว้างกว่าห้องน้ำชายเท่านึงได้)


ชักโครกไฟฟ้านะเออ (ที่จริงทั้งห้างก็เป็นชักโครกไฟฟ้า แต่เนื่องจากคนใช้ไม่ค่อยเป็น เลยตัดไฟไว้ แต่ที่นี่ใช้ได้)


เสร็จกิจธุระ ก็กลับมาที่เลาจ์ต่อ ติดใจโรลใส้อั่ว เลยสั่งมาเพิ่มอีก พนักงานก็หายไปเตรียมด้านหลังซัก 10 นาที แล้วก็ยกมาเสริฟ ใส้อั่วยังร้อนๆอยู่เลย


เริ่มอิ่ม ก็ปิดท้ายด้วยผมสั่งไอซ์ทีกับเพื่อนผมกาแฟเย็น ซึ่งทั้งชาอละกาแฟไม่ได้อร่อยมากมายอย่างรูปลักษณ์ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่อร่อย ให้ 6.5/10 ละกัน


และแล้วก็ได้เวลา หนังฉาย รอบนี้ทั้งโรงมีแค่ผมกับเพื่อนสองคน ตอนแรกกะจะเอาที่นั่งคู่แบบติดกัน แต่พอดีมันไม่มัพนักพิงแขนตรงกลาง ก็เลยเปลี่ยนเป็นแบบแยก ซึ่งตรงที่นั่ง พนักงานได้มาเตรียมไว้ให้แล้ว


ที่นั่งแบบคู่ เวลาซื้อที่นั่งแบบนี้ต้องซื้อเป็นคู่ (ขออภัยภาพไม่ชัด)


บรรยกาศภายในโรง First Class (รูปนี้ยืมคนอื่นมา) มีที่นั่งทั้งหมด 40 ที่นั่ง ธีมการตกแต่งเห็นแล้วนึกถึง Louis Vuitton


โซฟาเป็นโซฟาไฟฟ้า ปรับระดับได้จากด้านข้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นโซฟาคู่ การปรับระดับก็จะปรับแยกกัน พูดถึงความสบาย รองรับศรีระท่อนบนได้ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะคนสูงๆ อาจจะไม่ค่อยสบายตรงท้ายทอย ต้องปรับท่าปรับองศาโซฟากันเอาเอง ดูหนังไปซัก 20-30 นาทีปรับขึ้นปรับลงปรับท่าทาง เดี๋ยวก็เข้าที่ละ


หนังมีการฉายโฆษณาและตัวอย่างหนังเหมือนโรงภาพยนตร์ปกติ สำหรับการเสริฟในโรง อาจจะเพราะรอบนี้ทั้งโรงมีแค่สองคน พนักงานเลยไม่ได้มายืนเฝ้า เวลาจะเรียกเติมน้ำเติมป็อปคอร์นเลยต้องเดินออกไปกวักพนักงานที่เล้าจ์มา  เวลาเสริฟในโรงนี่ พนักงานพินอบพิเทาเข้ามาเสริฟเลยทีเดียว

ภาพรวมก็โอเคนะครับ ติดที่โซฟาไปนิดหนึ่งจริงๆ อาหารน่าจะมีเยอกว่านี้อีกหน่อย ห้องน้ำก็ต้องเดินอ้อมเล้าจ์ไป น่าจะทะลุเข้าตรงทางออกหนีไฟข้างจอรับภาพได้เลย  สรุป 700 บาท ผมว่าแพงไปนิด กับบริการนี้ ถ้าจะมาดูโรง First Class ที่นี่จริงๆ แนะนำซื้อที่นั่งโซฟา 350 บาทโรงปกติดีกว่าครับ ที่เหลือกดลิฟท์ไปชั้น G ไปกินที่ริมปิงได้อิ่มแปล้ แล้วขึ้นมาซื้อป็อปคอร์น+น้ำ น่าจะเป็น 700 บาทที่คุ้มกว่าครับ

ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ