Focus Minor Change มาพร้อมเครื่องยนต์ Ecoboost แบบไม่มีกั๊กแน่นอน นั่นคือสิ่งที่ผม
เชื่อว่า Ford Thailand คงจะทำเช่นนั้น เหมือนกับที่ Fiesta Minor Change ได้ใช้เครื่อง ecoboost
ปล่อยให้ Ecosport โชว์บอดี้ใหม่แต่เครื่องยนต์เก่าไปก่อน
และถ้าให้เดาว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่ จากพฤติกรรมในอดีตของ Ford อันดับแรก Ford Thailand
จะเปิดตัวรุ่นใหม่ในไทยช้ากว่าตลาดโลกประมาณ 1 ปี และสอง หลังจากเปิดตัวไปแล้วก็จะเอารถ
Trial มาขับวนไปวนมาทั่วประเทศอีกประมาณ 1 ปี รวมๆ แล้วก็คงร่วมๆ 2 ปี คือต้องให้ประชาชีเบื่อหน้า
รถกันไปก่อน 555
Focus รุ่นใหม่ตีซะว่าปี 2016 จะปรับช่วงล่างให้ดีขึ้นกว่าเดิม เครื่อง 1.6 คงมาแทนด้วย 1.0 ecoboost
ส่วนรุ่น 2.0 ต้องลุ้นว่าจะเป็น 1.6 ecoboost มาแทนรึเปล่า เพราะอะไรก็ไม่แน่ไม่นอน
Ford USA เปิดตัวรุ่นซีดานอันเป็นตัวถังสุดท้ายในงานที่นิวยอร์กตามหลังรุ่นแฮชแบ็ก/แวก่อนที่เปิดตัวใน
ยุโรปไปก่อนหน้านี้ Ford USA เลือกให้รุ่นซีดาน มีมาดสปอร์ตดุ ในขณะที่ตัวถังอื่นๆ ดูหรูหรามีโครเมี่ยมรอบคัน
แต่รุ่นซีดาน จะไร้โครเมี่ยม กระจังหน้าดำๆ เน้นๆ กระจกมองข้างสีดำ กรอบไฟตัดหมอกสีดำ สปอยเล่อร์หลังสีดำ
(ส่วนตัวชอบมาก เพราะรสนิยมผมจะเหมือนกับรถที่เปิดตัวในอเมริกาตลอด อย่าง Jazz 2014 ปากจู๋ โคตรเกลียด
แต่พอเปิดตัวที่ US ทีม Honda ก็จัดการขยายปากให้กลับมาสมส่วนเรียบร้อย)
รูปถ่าย Focus sedan มีมากพอๆ กับรุ่น Hatchback แต่สังเกตุดู ถือว่ามองมุมไหนก็สวย เสียที่ตรงด้านข้างเล็กน้อย
เพราะดูเป็นรถแอสตั้นเวอร์ชั่นกุดๆ (ผลจากการยัดหน้าแอสตั้นเข้ากับบอดี้เดิมแบบดื้อๆ) ภายในมีการเปลี่ยนแปลง
ตรง instrument cluster เปลี่ยนวิทยุ ปุ่มควบคุมทั้งหมด เปลี่ยนพวงมาลัย เพื่อให้เกิดความใหม่หมดทั้งนอกและใน
นี่คือลุคที่ตั้งใจให้เหมือนกับว่าเป็น full model change (ที่จริงแค่ big minor change) โดย Ford US
หลีกเลี่ยงใช้คำว่า facelift แต่จะใช้คำว่า New แบบเน้นๆ
จุดที่ติคือไฟท้าย Ford ตัดสินใจทำให้ฐานไฟท้ายอยู่ตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อลดขนาดไฟท้าย
เนื่องจาก designer (ผมก็มองแบบนั้น สวยไม่สวยไม่รู้ แต่สัดส่วนคือจุดที่รถยนต์จะถูกแก้ไขก่อนเสมอ) มองว่า
รุ่นปัจจุบัน ไฟท้ายใหญ่ไปเมื่อเทียบกับไฟหน้า ทำให้ดูไม่สมส่วน (แต่หลายคนมองว่า ไฟท้ายดวงโตๆ คือความสวย ก็นะ นานาจิตตัง)
ถึงจะทำให้ท้ายของรุ่นใหม่ดูจืดกว่าเดิมลงไปบ้าง แต่โดยองค์รวมถือว่า Focus Minor Change มีความสวยงาม
และมากพอที่จะทำให้ เจ้าของ Focus 2012 อาจจะซื้อใหม่เพิ่มอีกคัน เพราะดูเหมือนเป็นรถคนละรุ่น ถ้าเจ้าของ Focus 2012
ไม่เบื่อหน่ายเรื่อง QC หรือเรื่องการบริการหลังการขายนะ
ปัญหาคือ มุมมองด้านข้าง มันดูเหมือนแอสตั้นเวอร์ชั้นซีดานที่สั้นกุด
ใบหน้าแบบนี้ไม่สมส่วนกับบอดี้ Focus ปี 2012 เท่าไหร่ ยังดีที่มุมอื่นๆ ดูสมส่วน
สามารถพูดติดตลกได้ว่า Ford รับจ้างทำ Aston รุ่นเก๋งครอบครัว 4 ประตู กับรุ่นแฮชแบ็กให้กับ Aston Martin ได้เหมือนกัน
ถ้า Full Model Change ของ Focus ยังคงใช้ธีมหน้าแบบแอสตั้นมาติน ควรจะเพิ่ม
ช่วงหน้าให้ยาวขึ้นอีกสัก 15-20 ซม. ฐานล้อขยายขึ้น 10-15 ซม. (ขยายมากกว่านี้จะไปทับกับ D segment)
ขอบประตูด้านล่างเลิกทิ่มไปข้างหน้า แต่ให้อยู่ระนาบเดียวกับพื้นหน่อย (แบบเดิมอิงกับ Hatchback มากไปหน่อย หน้าดูทิ่มๆ)
เปรียบเทียบตัวต้นฉบับและตัวไมเนอร์
Focus ที่ผมทำสีกระจังหน้าให้เป็นชิ้นเดียวกัน และทำไฟหน้าให้ดูเล็กลง ได้ความขลังของ Focus RS (2010) กลับมาเหมือนกัน
FOCUS Minor Change มาแบบลุค Full Model Change แต่กว่าจะมาคงอีก 2 ปี
เชื่อว่า Ford Thailand คงจะทำเช่นนั้น เหมือนกับที่ Fiesta Minor Change ได้ใช้เครื่อง ecoboost
ปล่อยให้ Ecosport โชว์บอดี้ใหม่แต่เครื่องยนต์เก่าไปก่อน
และถ้าให้เดาว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่ จากพฤติกรรมในอดีตของ Ford อันดับแรก Ford Thailand
จะเปิดตัวรุ่นใหม่ในไทยช้ากว่าตลาดโลกประมาณ 1 ปี และสอง หลังจากเปิดตัวไปแล้วก็จะเอารถ
Trial มาขับวนไปวนมาทั่วประเทศอีกประมาณ 1 ปี รวมๆ แล้วก็คงร่วมๆ 2 ปี คือต้องให้ประชาชีเบื่อหน้า
รถกันไปก่อน 555
Focus รุ่นใหม่ตีซะว่าปี 2016 จะปรับช่วงล่างให้ดีขึ้นกว่าเดิม เครื่อง 1.6 คงมาแทนด้วย 1.0 ecoboost
ส่วนรุ่น 2.0 ต้องลุ้นว่าจะเป็น 1.6 ecoboost มาแทนรึเปล่า เพราะอะไรก็ไม่แน่ไม่นอน
Ford USA เปิดตัวรุ่นซีดานอันเป็นตัวถังสุดท้ายในงานที่นิวยอร์กตามหลังรุ่นแฮชแบ็ก/แวก่อนที่เปิดตัวใน
ยุโรปไปก่อนหน้านี้ Ford USA เลือกให้รุ่นซีดาน มีมาดสปอร์ตดุ ในขณะที่ตัวถังอื่นๆ ดูหรูหรามีโครเมี่ยมรอบคัน
แต่รุ่นซีดาน จะไร้โครเมี่ยม กระจังหน้าดำๆ เน้นๆ กระจกมองข้างสีดำ กรอบไฟตัดหมอกสีดำ สปอยเล่อร์หลังสีดำ
(ส่วนตัวชอบมาก เพราะรสนิยมผมจะเหมือนกับรถที่เปิดตัวในอเมริกาตลอด อย่าง Jazz 2014 ปากจู๋ โคตรเกลียด
แต่พอเปิดตัวที่ US ทีม Honda ก็จัดการขยายปากให้กลับมาสมส่วนเรียบร้อย)
รูปถ่าย Focus sedan มีมากพอๆ กับรุ่น Hatchback แต่สังเกตุดู ถือว่ามองมุมไหนก็สวย เสียที่ตรงด้านข้างเล็กน้อย
เพราะดูเป็นรถแอสตั้นเวอร์ชั่นกุดๆ (ผลจากการยัดหน้าแอสตั้นเข้ากับบอดี้เดิมแบบดื้อๆ) ภายในมีการเปลี่ยนแปลง
ตรง instrument cluster เปลี่ยนวิทยุ ปุ่มควบคุมทั้งหมด เปลี่ยนพวงมาลัย เพื่อให้เกิดความใหม่หมดทั้งนอกและใน
นี่คือลุคที่ตั้งใจให้เหมือนกับว่าเป็น full model change (ที่จริงแค่ big minor change) โดย Ford US
หลีกเลี่ยงใช้คำว่า facelift แต่จะใช้คำว่า New แบบเน้นๆ
จุดที่ติคือไฟท้าย Ford ตัดสินใจทำให้ฐานไฟท้ายอยู่ตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อลดขนาดไฟท้าย
เนื่องจาก designer (ผมก็มองแบบนั้น สวยไม่สวยไม่รู้ แต่สัดส่วนคือจุดที่รถยนต์จะถูกแก้ไขก่อนเสมอ) มองว่า
รุ่นปัจจุบัน ไฟท้ายใหญ่ไปเมื่อเทียบกับไฟหน้า ทำให้ดูไม่สมส่วน (แต่หลายคนมองว่า ไฟท้ายดวงโตๆ คือความสวย ก็นะ นานาจิตตัง)
ถึงจะทำให้ท้ายของรุ่นใหม่ดูจืดกว่าเดิมลงไปบ้าง แต่โดยองค์รวมถือว่า Focus Minor Change มีความสวยงาม
และมากพอที่จะทำให้ เจ้าของ Focus 2012 อาจจะซื้อใหม่เพิ่มอีกคัน เพราะดูเหมือนเป็นรถคนละรุ่น ถ้าเจ้าของ Focus 2012
ไม่เบื่อหน่ายเรื่อง QC หรือเรื่องการบริการหลังการขายนะ
ปัญหาคือ มุมมองด้านข้าง มันดูเหมือนแอสตั้นเวอร์ชั้นซีดานที่สั้นกุด
ใบหน้าแบบนี้ไม่สมส่วนกับบอดี้ Focus ปี 2012 เท่าไหร่ ยังดีที่มุมอื่นๆ ดูสมส่วน
สามารถพูดติดตลกได้ว่า Ford รับจ้างทำ Aston รุ่นเก๋งครอบครัว 4 ประตู กับรุ่นแฮชแบ็กให้กับ Aston Martin ได้เหมือนกัน
ถ้า Full Model Change ของ Focus ยังคงใช้ธีมหน้าแบบแอสตั้นมาติน ควรจะเพิ่ม
ช่วงหน้าให้ยาวขึ้นอีกสัก 15-20 ซม. ฐานล้อขยายขึ้น 10-15 ซม. (ขยายมากกว่านี้จะไปทับกับ D segment)
ขอบประตูด้านล่างเลิกทิ่มไปข้างหน้า แต่ให้อยู่ระนาบเดียวกับพื้นหน่อย (แบบเดิมอิงกับ Hatchback มากไปหน่อย หน้าดูทิ่มๆ)
เปรียบเทียบตัวต้นฉบับและตัวไมเนอร์
Focus ที่ผมทำสีกระจังหน้าให้เป็นชิ้นเดียวกัน และทำไฟหน้าให้ดูเล็กลง ได้ความขลังของ Focus RS (2010) กลับมาเหมือนกัน