ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน เว็บไซต์สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการพลเรือนพ้นจากตําแหน่ง ว่า ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้มีคําสั่งลงโทษปลด น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตําแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2557 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ น.ส.ศศิธารา พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.2557
ประกาศ ณ วันที่ 4 เมษายน 2557
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีคําสั่งลงโทษปลด น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ออกจากราชการนั้น เป็นผลจากการที่น.ส.ศศิธารา มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษาโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) จึงทำให้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
จนในที่สุดมีการตัดสินว่าการกระทำของน.ส.ศศิธาราเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดี และไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง จึงเสนอให้ลงโทษปลดออกจากราชการตามพ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
มติชน
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้′ศศิธารา′ เลขาธิการสภาการศึกษา ออกจากราชการแล้ว
ประกาศ ณ วันที่ 4 เมษายน 2557
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีคําสั่งลงโทษปลด น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ออกจากราชการนั้น เป็นผลจากการที่น.ส.ศศิธารา มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษาโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) จึงทำให้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
จนในที่สุดมีการตัดสินว่าการกระทำของน.ส.ศศิธาราเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดี และไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง จึงเสนอให้ลงโทษปลดออกจากราชการตามพ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
มติชน