สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
เมืองอื่นไม่รู้นะแต่คุนหมิงคนเขานิสัยดีมีน้ำใจมากๆ และก็มีระเบียบใช้ได้เลย
บ้านเมืองของเขาก็พัฒนาไปมาก บางสิ่งบางอย่างถือได้ว่าดีกว่าญี่ปุ่นอีก
นิสัยคนจีนเห็นแล้วทึ่งมากว่าเขาพัฒนาไปมากจริงๆ ส่วนพวกที่ชอบแซงคิวพบเห็นแต่พวกนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ เป็นไปได้ว่าแต่ละเมืองมีลักษณะนิสัยต่างกัน ส่วนที่เท่าสัมผัสมาทางมณฑลยูนนาน คุนหมิง ดีมากเลย
อย่างการขึ้นรถเมล์ ป้ายรถเมล์ใหญ่มากคนก็เยอะมาก พอรถมาจอดเขาก็จะทยอยกันขึ้นคนมาทีหลังก็รอต่อคนที่มาก่อนไม่ถึงกับยืนต่อแถวเหมือนญี่ปุ่นแต่ก็ทยอยขึ้นคนอยู่หลังรอคนหน้าขึ้นก่อน บางครั้งผมยืนรอขึ้นกะให้คนอื่นขึ้นให้หมดค่อยขึ้นปรากฏว่าคนที่เดินมาทีหลังไม่ยอมขึ้นต้องให้เราขึ้นก่อน ทำมือบอกให้เขาขึ้นก็ไม่ยอมขึ้น เจอแบบนี้ประจำ
รถเมล์ของเขาไม่มีกระเป๋ารถมาเก็บเงิน ใช้วิธีเดียวกับญี่ปุ่นคือรูดบัตรและหยอดเหรียญ บางครั้งขึ้นรถที่ต้นสาย รถจอดรอผู้โดยสาร คนขับไม่อยู่รถ ผู้โดยสารที่ขึ้นมาก็หยอดเงินกันตามปกติ อย่าง 1.5 หยวนนี่แอบหยอดไม่ครบก็ได้ หรือขึ้นมาแล้วไม่หยอดก็ได้เพราะคนขับไม่เห็น
กรณีขึ้นรถตามป้ายปกติเมื่อเขาขึ้นไปแล้วที่นั่งเต็มทุกเบาะ พวกเขาก็จะไปยืนอัดกันอยู่ช่วงท้ายรถ ตอนนี้ ขสมก ได้ซื้อรถเมล์จากจีนมาใช้ที่เห็นรถเมล์ใหม่สีเเหลืองแนบนั้นแหล่ะ จะเห็นว่าประตูอยู่ตรงกลาง เมื่อขึ้นแล้วเขาก็จะไปยืนกันด้านหลังจนเต็ม ด้านหน้าก็ว่าง
บ้านเรานี่ผมเคยแต่ลุกให้พวกป้าๆ นั่ง ไม่เคยมีป้าๆ หรือสาวๆ ลุกให้ผมนั่ง แต่ที่จีนป้าลุกให้ผมนั่ง คือรถเมล์มันว่างด้านหลังแต่ผมขึ้นไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไม่สามารถไปนั่งด้านหลังได้เพราะมันต่างระดับ ก็เลยหาที่เหมาะยืนเพื่อคุมกระเป๋าไม่ให้มันวิ่งไปวิ่งมา คุณป้าที่นั่งอยู่ตรงที่ผมยืนก็ลุก แล้วก็เดินไปนั่งด้านหลัง ผมก็เลยได้นั่ง ก็เลยหันไปยิ้มก้มศรีษะนิดๆ เป็นการขอบคุณ ป้าก็ยิ้มแล้วก้มศรีษะนิดนึง
ที่ป้ายรถเมล์ชานเมือง ผมกินขนมปังเสร็จจะทิ้งขยะมองหาถังขยะไม่เจอก็เลยพับใส่กระเป๋าไว้กะเอาไปทิ้งเมื่อเจอถังขยะ สักเดี๋ยวเห็นอาหมวยยืนแทะน่องไก่อยู่ป้ายรถเมล์ สักเดี๋ยวเห็นเดินไปหัวถนนก็ห่างพอสมควร ผมก็มองว่าเขาไปไหนในเมื่อป้ายรถเมล์อยู่นี่ ปรากฎว่าเขาเดินไปทิ้งขยะ ผมมองไกลๆ ไม่รู้ว่าถังขยะเพราะทำสองถังติดกันเหมือนจุดพักตำรวจ ผมก็เลยต้องเดินเอาไปทิ้งบ้าง ประเด็นอยู่ที่ว่าอาเหมยเดินไปตั้งไกลเพื่อทิ้งขยะลงถัง อันที่จริงน่าจะทิ้งโคนต้นไม้ใหญ่ที่มีต้นไม้ปลูกรอบอยู่โคนต้น ถือว่าคนรุ่นใหม่ของเขามีระเบียบใช้ได้เลย
คราวนี้ถึงคราวเดินทางกลับ เคาน์เตอร์เชคอินของแอร์เอเซียที่คุนหมิงช้ามาก ยืนดูตั้งนานแถวไม่เคยขยับ
ผมก็ยังไม่เข้าแถว ยืนดูสถานการณ์อยู่ด้านนอกห่างๆ ระหว่าง 2 แถว เล็งดูว่าจะเข้าแถวไหนดีเพราะช้าด้วยกันทั้งสองแถว ส่วนแถวสามนั้นสำหรับกรุ๊ปเชคอิน
ระหว่างยืนดูสถานการณ์อยู่นั้นก็มีคนจีนมาเข้ามาต่อแถวที่ 2 ส่วนตัวผมยังไม่เข้าแถว อยู่ห่างๆ ช่วงกลางๆ ระหว่างแถว 1 และแถว 2 ผู้หญิงที่มีอายุกว่าเข้าแถว เจ้าหนุ่มที่อายุน้อยกว่าที่มาด้วยกันสะกิดบอกให้ผู้หญิงออกมาก่อนแล้วก็มองมาที่ผม ประมาณว่าคนนี้เขามาก่อน ผมก็แบมือผายไปข้างหน้าประมาณว่าต่อแถวเลย ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมต่อแถวแต่ทำมือให้เราเข้าแถวก่อน ผมก็เลยตั้งเขาไปยืนในแถว แล้วเขาก็ยืนต่อหลังผม พอเข้าแถวแล้วเขาพูดกับผมว่า แบ๊งค๊อก ผมก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วบอก แบ๊งค๊อก แล้วก็ยิ้มให้ ผมก็พูดภาษาจีนไม่เป็นจะบอกว่า ใช่ ก็ไม่รู้ว่าพูดยังไง ก็เลยได้แค่ยิ้มๆ
ระหว่างรอการเชคอินที่เชื่องช้าของแถว 2 ปรากฎว่าแถว 1 ขยับแล้ว คนจีนที่ต่อแถวผมก็ย้ายไปแถว1
แป๊บเดียวแถว2 ของผมก็ขยับบ้างจนเหลือแค่ 5 คนรวมทั้งผม ปรากฏว่าสองคนข้างหน้าผมคงมาด้วยกันคงจะลืมเอกสารไรบางอย่าง เห็นคุยกันแล้วผู้ชายก็เดินออกมาจากแถว ตอนเขาหันจะเดินออกมาเขาเอามือซ้ายยันมาทางผม ยันมาก็ไม่โดนผมหรอก แต่การกระทำเป็นการบอกว่าอย่าเพิ่งขยับมา หรือไรสักอย่าง อันที่จริงแค่เดินออกมา หยิบเอกสารเสร็จก็เดินกลับเข้าไปก็ได้ใครจะไปว่า สักพักเขาก็เดินกลับเข้ามาในแถวเหมือนเดิม ทั้งจีนและไทยพาสปอร์ตสีเดียวกันคือสีน้ำตาลก็คิดว่าคนจีนนี่หว่า พอเห็นพาสปอร์ตชัดๆ อ้าวตราครุฑนี่นา พอกลับมาก็เห็นรูปคนนี้อยู่ในเวบบอร์ดแห่งหนึ่ง ทำให้ได้เห็นความแตกต่างระหว่างคนไทยกับคนจีนในช่วงระยะเวลาห่างกันเพียงไม่ถึง 10 นาที
ตอนเที่ยว ผมนั่งอยู่ริมทะเลสาบ ถ่ายรูปไปเรื่อย ก็มีคนจีนที่นั่งข้างๆ ทักเป็นภาษาจีน คุยมาหลายคำเพราะคิดว่าเราคนจีน ผมไม่รู้เรื่องสักคำ บอกว่าเป็นคนไทย ทำมือบ๋อแบ๋ฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็พูดภาษาอังกฤษคุยกับผม สุดท้ายเขาให้ทั้งไลน์ทั้งเบอร์โทรไว้ เขาบอกว่าระหว่างเดินทางถ้ามีปัญหาไรให้โทรมา ก็คือถ้าเราสื่อสารกับคนจีนไม่รู้เรื่องก็โทรแล้วให้เขาคุยให้ ผมเที่ยวจีน ไม่รู้ภาษาจีนแต่ประทับใจมากเที่ยวได้แบบสบายใจมากๆ ไม่กังวลไรเลย ถ้าเป็นอินเดียนะ แทบตาย
พอเข้าตัวเมืองหาโรงแรมไม่เจอแผนที่มันหลอก ไปถามเขา เขาอธิบายให้เราฟัง เราก็ไม่รู้เรื่อง เขาก็พาเดินข้ามถนนเข้าซอยไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย
เมืองจีนเขาอากาศดีมาก ดอกไม้ก็สวยทั้งบ้านทั้งเมือง วิวก็สวย อากาศก็เย็นสบายมากๆ พอกลับมาถึงเมืองไทยร้อนสุดๆ แต่ปรากฎว่าเที่ยวบินที่มาหรือไปมีแต่พวกคนจีน ตอนผ่าน ตม ที่ดอนเมือง คนจีนต่อแถวเต็มไปหมด แถวคนไทยมีไม่กี่คน เห็นแล้วเป็นที่น่าดีใจถึงแม้ช่วงนี้อากาศบ้านเราจะร้อนแต่พวกเขาก็มาเที่ยวบ้านเราเยอะมาก บางครั้งเขาอาจจะดูขัดหูขัดตาแต่ในฐานะเจ้าบ้านเราต้องมีน้ำใจกับเขาให้เขารู้ว่าคนไทยเป็นมิตรที่ดีเหมือนที่คนไทยเราไปเที่ยวจีนแล้วรู้สึกที่ดีกลับมา
แต่ผมก็ยังคิดว่า ถ้าคนจีนมาเที่ยวกรุงเทพฯ ได้มานั่งรถเมล์บ้านเรา เขาจะรู้สึกยังไง
บ้านเมืองของเขาก็พัฒนาไปมาก บางสิ่งบางอย่างถือได้ว่าดีกว่าญี่ปุ่นอีก
นิสัยคนจีนเห็นแล้วทึ่งมากว่าเขาพัฒนาไปมากจริงๆ ส่วนพวกที่ชอบแซงคิวพบเห็นแต่พวกนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ เป็นไปได้ว่าแต่ละเมืองมีลักษณะนิสัยต่างกัน ส่วนที่เท่าสัมผัสมาทางมณฑลยูนนาน คุนหมิง ดีมากเลย
อย่างการขึ้นรถเมล์ ป้ายรถเมล์ใหญ่มากคนก็เยอะมาก พอรถมาจอดเขาก็จะทยอยกันขึ้นคนมาทีหลังก็รอต่อคนที่มาก่อนไม่ถึงกับยืนต่อแถวเหมือนญี่ปุ่นแต่ก็ทยอยขึ้นคนอยู่หลังรอคนหน้าขึ้นก่อน บางครั้งผมยืนรอขึ้นกะให้คนอื่นขึ้นให้หมดค่อยขึ้นปรากฏว่าคนที่เดินมาทีหลังไม่ยอมขึ้นต้องให้เราขึ้นก่อน ทำมือบอกให้เขาขึ้นก็ไม่ยอมขึ้น เจอแบบนี้ประจำ
รถเมล์ของเขาไม่มีกระเป๋ารถมาเก็บเงิน ใช้วิธีเดียวกับญี่ปุ่นคือรูดบัตรและหยอดเหรียญ บางครั้งขึ้นรถที่ต้นสาย รถจอดรอผู้โดยสาร คนขับไม่อยู่รถ ผู้โดยสารที่ขึ้นมาก็หยอดเงินกันตามปกติ อย่าง 1.5 หยวนนี่แอบหยอดไม่ครบก็ได้ หรือขึ้นมาแล้วไม่หยอดก็ได้เพราะคนขับไม่เห็น
กรณีขึ้นรถตามป้ายปกติเมื่อเขาขึ้นไปแล้วที่นั่งเต็มทุกเบาะ พวกเขาก็จะไปยืนอัดกันอยู่ช่วงท้ายรถ ตอนนี้ ขสมก ได้ซื้อรถเมล์จากจีนมาใช้ที่เห็นรถเมล์ใหม่สีเเหลืองแนบนั้นแหล่ะ จะเห็นว่าประตูอยู่ตรงกลาง เมื่อขึ้นแล้วเขาก็จะไปยืนกันด้านหลังจนเต็ม ด้านหน้าก็ว่าง
บ้านเรานี่ผมเคยแต่ลุกให้พวกป้าๆ นั่ง ไม่เคยมีป้าๆ หรือสาวๆ ลุกให้ผมนั่ง แต่ที่จีนป้าลุกให้ผมนั่ง คือรถเมล์มันว่างด้านหลังแต่ผมขึ้นไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไม่สามารถไปนั่งด้านหลังได้เพราะมันต่างระดับ ก็เลยหาที่เหมาะยืนเพื่อคุมกระเป๋าไม่ให้มันวิ่งไปวิ่งมา คุณป้าที่นั่งอยู่ตรงที่ผมยืนก็ลุก แล้วก็เดินไปนั่งด้านหลัง ผมก็เลยได้นั่ง ก็เลยหันไปยิ้มก้มศรีษะนิดๆ เป็นการขอบคุณ ป้าก็ยิ้มแล้วก้มศรีษะนิดนึง
ที่ป้ายรถเมล์ชานเมือง ผมกินขนมปังเสร็จจะทิ้งขยะมองหาถังขยะไม่เจอก็เลยพับใส่กระเป๋าไว้กะเอาไปทิ้งเมื่อเจอถังขยะ สักเดี๋ยวเห็นอาหมวยยืนแทะน่องไก่อยู่ป้ายรถเมล์ สักเดี๋ยวเห็นเดินไปหัวถนนก็ห่างพอสมควร ผมก็มองว่าเขาไปไหนในเมื่อป้ายรถเมล์อยู่นี่ ปรากฎว่าเขาเดินไปทิ้งขยะ ผมมองไกลๆ ไม่รู้ว่าถังขยะเพราะทำสองถังติดกันเหมือนจุดพักตำรวจ ผมก็เลยต้องเดินเอาไปทิ้งบ้าง ประเด็นอยู่ที่ว่าอาเหมยเดินไปตั้งไกลเพื่อทิ้งขยะลงถัง อันที่จริงน่าจะทิ้งโคนต้นไม้ใหญ่ที่มีต้นไม้ปลูกรอบอยู่โคนต้น ถือว่าคนรุ่นใหม่ของเขามีระเบียบใช้ได้เลย
คราวนี้ถึงคราวเดินทางกลับ เคาน์เตอร์เชคอินของแอร์เอเซียที่คุนหมิงช้ามาก ยืนดูตั้งนานแถวไม่เคยขยับ
ผมก็ยังไม่เข้าแถว ยืนดูสถานการณ์อยู่ด้านนอกห่างๆ ระหว่าง 2 แถว เล็งดูว่าจะเข้าแถวไหนดีเพราะช้าด้วยกันทั้งสองแถว ส่วนแถวสามนั้นสำหรับกรุ๊ปเชคอิน
ระหว่างยืนดูสถานการณ์อยู่นั้นก็มีคนจีนมาเข้ามาต่อแถวที่ 2 ส่วนตัวผมยังไม่เข้าแถว อยู่ห่างๆ ช่วงกลางๆ ระหว่างแถว 1 และแถว 2 ผู้หญิงที่มีอายุกว่าเข้าแถว เจ้าหนุ่มที่อายุน้อยกว่าที่มาด้วยกันสะกิดบอกให้ผู้หญิงออกมาก่อนแล้วก็มองมาที่ผม ประมาณว่าคนนี้เขามาก่อน ผมก็แบมือผายไปข้างหน้าประมาณว่าต่อแถวเลย ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมต่อแถวแต่ทำมือให้เราเข้าแถวก่อน ผมก็เลยตั้งเขาไปยืนในแถว แล้วเขาก็ยืนต่อหลังผม พอเข้าแถวแล้วเขาพูดกับผมว่า แบ๊งค๊อก ผมก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วบอก แบ๊งค๊อก แล้วก็ยิ้มให้ ผมก็พูดภาษาจีนไม่เป็นจะบอกว่า ใช่ ก็ไม่รู้ว่าพูดยังไง ก็เลยได้แค่ยิ้มๆ
ระหว่างรอการเชคอินที่เชื่องช้าของแถว 2 ปรากฎว่าแถว 1 ขยับแล้ว คนจีนที่ต่อแถวผมก็ย้ายไปแถว1
แป๊บเดียวแถว2 ของผมก็ขยับบ้างจนเหลือแค่ 5 คนรวมทั้งผม ปรากฏว่าสองคนข้างหน้าผมคงมาด้วยกันคงจะลืมเอกสารไรบางอย่าง เห็นคุยกันแล้วผู้ชายก็เดินออกมาจากแถว ตอนเขาหันจะเดินออกมาเขาเอามือซ้ายยันมาทางผม ยันมาก็ไม่โดนผมหรอก แต่การกระทำเป็นการบอกว่าอย่าเพิ่งขยับมา หรือไรสักอย่าง อันที่จริงแค่เดินออกมา หยิบเอกสารเสร็จก็เดินกลับเข้าไปก็ได้ใครจะไปว่า สักพักเขาก็เดินกลับเข้ามาในแถวเหมือนเดิม ทั้งจีนและไทยพาสปอร์ตสีเดียวกันคือสีน้ำตาลก็คิดว่าคนจีนนี่หว่า พอเห็นพาสปอร์ตชัดๆ อ้าวตราครุฑนี่นา พอกลับมาก็เห็นรูปคนนี้อยู่ในเวบบอร์ดแห่งหนึ่ง ทำให้ได้เห็นความแตกต่างระหว่างคนไทยกับคนจีนในช่วงระยะเวลาห่างกันเพียงไม่ถึง 10 นาที
ตอนเที่ยว ผมนั่งอยู่ริมทะเลสาบ ถ่ายรูปไปเรื่อย ก็มีคนจีนที่นั่งข้างๆ ทักเป็นภาษาจีน คุยมาหลายคำเพราะคิดว่าเราคนจีน ผมไม่รู้เรื่องสักคำ บอกว่าเป็นคนไทย ทำมือบ๋อแบ๋ฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็พูดภาษาอังกฤษคุยกับผม สุดท้ายเขาให้ทั้งไลน์ทั้งเบอร์โทรไว้ เขาบอกว่าระหว่างเดินทางถ้ามีปัญหาไรให้โทรมา ก็คือถ้าเราสื่อสารกับคนจีนไม่รู้เรื่องก็โทรแล้วให้เขาคุยให้ ผมเที่ยวจีน ไม่รู้ภาษาจีนแต่ประทับใจมากเที่ยวได้แบบสบายใจมากๆ ไม่กังวลไรเลย ถ้าเป็นอินเดียนะ แทบตาย
พอเข้าตัวเมืองหาโรงแรมไม่เจอแผนที่มันหลอก ไปถามเขา เขาอธิบายให้เราฟัง เราก็ไม่รู้เรื่อง เขาก็พาเดินข้ามถนนเข้าซอยไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย
เมืองจีนเขาอากาศดีมาก ดอกไม้ก็สวยทั้งบ้านทั้งเมือง วิวก็สวย อากาศก็เย็นสบายมากๆ พอกลับมาถึงเมืองไทยร้อนสุดๆ แต่ปรากฎว่าเที่ยวบินที่มาหรือไปมีแต่พวกคนจีน ตอนผ่าน ตม ที่ดอนเมือง คนจีนต่อแถวเต็มไปหมด แถวคนไทยมีไม่กี่คน เห็นแล้วเป็นที่น่าดีใจถึงแม้ช่วงนี้อากาศบ้านเราจะร้อนแต่พวกเขาก็มาเที่ยวบ้านเราเยอะมาก บางครั้งเขาอาจจะดูขัดหูขัดตาแต่ในฐานะเจ้าบ้านเราต้องมีน้ำใจกับเขาให้เขารู้ว่าคนไทยเป็นมิตรที่ดีเหมือนที่คนไทยเราไปเที่ยวจีนแล้วรู้สึกที่ดีกลับมา
แต่ผมก็ยังคิดว่า ถ้าคนจีนมาเที่ยวกรุงเทพฯ ได้มานั่งรถเมล์บ้านเรา เขาจะรู้สึกยังไง
ความคิดเห็นที่ 1
คิดว่าคนจีนชอบคนไทยเหมือนกันครับ
ตอนไปเที่ยวจีน คนจีนมาทัก คุยกันไม่รู้เรื่อง พอบอกว่าเป็นคนไทยเขาก็ขอถ่ายรูปด้วย คุยด้วยยิ้มแย้มแจ่มใสแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง
อยู่บนเขาหิมะมังกรหยก คนจีนเข้ามาคุยด้วย คุยกันไม่รู้เรื่อง พอบอกว่าเป็นคนไทยเขากรูกันเข้ามาขอถ่ายรูปใหญ่เลย
อีกคนพอบอกว่าเป็นคนไทยเขาพูดว่า สวัสดีค่ะ ได้คำเดียว
อีกคนพอรู้ว่าเราเป็นคนไทย เขาปลดกระดุมเสื้อแบะชายเสื้อออกเปิดให้ดูพระที่เขาห้อยคอ เขาได้มาจากแบ๊งค๊อก
เจ้าหน้าที่บนรถไฟพูดไรไม่รู้คุยกันไม่รู้เรื่อง พอบอกว่าเป็นคนไทยเขามาคุยด้วยใหญ่เลย คุยไปยิ้มไปเราก็ฟังอย่างเดียวไม่รู้เรื่องไรเลย
หลายสิ่งหลายอย่างที่พบเห็นรับรู้ได้ว่าคนจีนเขามีทัศนคติที่ดีกับคนไทย
แต่ในสายเราในจำนวนไม่น้อยมองเขาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่อยากจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขาด้อยกว่าเรามีเพียงสิ่งเดียวคือ ส้วม จริงๆ นะ
ตอนไปเที่ยวจีน คนจีนมาทัก คุยกันไม่รู้เรื่อง พอบอกว่าเป็นคนไทยเขาก็ขอถ่ายรูปด้วย คุยด้วยยิ้มแย้มแจ่มใสแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง
อยู่บนเขาหิมะมังกรหยก คนจีนเข้ามาคุยด้วย คุยกันไม่รู้เรื่อง พอบอกว่าเป็นคนไทยเขากรูกันเข้ามาขอถ่ายรูปใหญ่เลย
อีกคนพอบอกว่าเป็นคนไทยเขาพูดว่า สวัสดีค่ะ ได้คำเดียว
อีกคนพอรู้ว่าเราเป็นคนไทย เขาปลดกระดุมเสื้อแบะชายเสื้อออกเปิดให้ดูพระที่เขาห้อยคอ เขาได้มาจากแบ๊งค๊อก
เจ้าหน้าที่บนรถไฟพูดไรไม่รู้คุยกันไม่รู้เรื่อง พอบอกว่าเป็นคนไทยเขามาคุยด้วยใหญ่เลย คุยไปยิ้มไปเราก็ฟังอย่างเดียวไม่รู้เรื่องไรเลย
หลายสิ่งหลายอย่างที่พบเห็นรับรู้ได้ว่าคนจีนเขามีทัศนคติที่ดีกับคนไทย
แต่ในสายเราในจำนวนไม่น้อยมองเขาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่อยากจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขาด้อยกว่าเรามีเพียงสิ่งเดียวคือ ส้วม จริงๆ นะ
ความคิดเห็นที่ 18
ไปเที่ยวเมืองจีนมาค่ะ เป็นแบบนี้จริงๆ ขนาดตอนนั้นไปเมืองไกลๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยไม่ค่อยไปแล้วนะคะ
- มีวันหนึ่ง ไปเที่ยวน้ำตก huangguoshu เมืองอันชุน แล้วเดินผ่านกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นสาวจีน เค้าคุยกันแล้วมองเรา พอเดินผ่านเค้าเอียงๆ หน้ามาแล้วพูดว่าสวัสดีค่ะ เราเลยสวัสดีค่ะกลับ แล้วเค้าก็ยิ้มแย้มหัวเราะร่วนกันเลย เพื่อนคนจีนที่ไปด้วยกันแปลให้ฟังว่า สาวๆ กลุ่มนั้นเค้าเดินทายกันมาว่าเราใช่คนไทยรึปล่าว แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย ก็ขำๆ สนุกดีค่ะ
- อีกทริปหนึ่งเดินทางไปทำงาน ที่เมืองเหรินฮวย โรงงานเหล้าจีนดังๆ ไปกับกลุ่มชาติอาเซียนอื่นๆ อีก ชาติละ 2 คน คนที่โรงงานเค้าฮือฮามากที่เราเป็นคนไทย เค้าบอกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่เราจะมา สมเด็จพระเทพฯ ก็เพิ่งเสด็จฯมาที่โรงงานเหมือนกัน เค้าดีใจมากเลยที่มีคนไทยมาอีก เค้าบอกว่าคนไทยเป็นเพื่อนที่ดี ที่โรงงานมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเทพฯด้วย พอมื้อค่ำมีงานเลี้ยง แล้วตามทำเนียม มาโรงเหล้าก็ต้องชนแก้วจอกเล็กๆ ปกติเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย นี่ครั้งแรกในชีวิต ใครมาชนก็ต้องดื่ม คืนนั้นคนไทยฮ็อตสุด โดนขอชนแก้วไป 20 กว่าจอก ผลคือต้องปลีกตัวออกไปนอนสลบในรถตู้
- ที่สนามบินท้องถิ่นเล็กๆ เล็กจริงๆ ค่ะ ในเมืองถงเหริน มีเจ้าหน้าที่สนามบินมาทักว่าคนไทยหรอ ไท่กั๋วหรอ พอบอกว่าใช่ เค้าก็พูดสวัสดีใหญ่เลย
- บนเครื่องบิน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน หรืออ่อนกว่าเล็กน้อย ระหว่างเปลี่ยนเครื่อง คนยังไม่เยอะ เค้าเข้ามาถามเป็นคนไทยหรอ จะไปไหนหรอ เค้าพูดภาษาไทยได้ด้วยนิดหน่อย บอกว่าเค้ามีชื่อไทยด้วยนะ ชื่อปานวาด ^^ เค้าก็แนะนำมาว่า ถ้าจะไปที่นี่มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง พอถึงสนามบิน อันที่จริงต้องมีคนมารับเรา แต่ไม่มีใครมาเลย เบอร์ติดต่อก็ไม่มี เคว้งสุดๆ ดึกแล้วด้วยราวๆ 5 ทุ่ม ภาษาจีนก็พูดไม่ได้ โชคดีเจอผู้หญิงคนเดิม เค้าก็ช่วยพาเดินหา ช่วยถามโน่นนี่ให้ สุดท้ายเค้านึกได้ว่าที่นี่มีอีกอาคารนะ เป็นอาคารใหม่ คนมารับอาจรออยู่ที่นั่น สุดท้ายเค้าก็พาเดินตามหาจนพบ ได้ไปนอนโรงแรมซักที ประทับใจคนจีนน่ารักค่ะ
ส่วนใหญ่ที่รู้จักคนจีนเค้าบอกว่า คนไทยสวยคม มีครบตาสองชั้น จมูก ไม่ต้องทำเลย เค้าชอบ ก็ก็พูดถึงหนังนี่แหละค่ะ เจอใครเค้าก็ถามเป็นคนไทยหรอ รู้จักมั้ยหนังเรื่อง Lost in Thailand แล้วเค้าก็ชอบดู สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักกันด้วยค่ะ ชอบอาหารทะเลเมืองไทย ชอบทุเรียน สาวประเภทสอง
คนจีนรุ่นใหม่ๆ มารยาทโอเคดีนะคะ ปรับเข้ากับยุคดีแล้ว จะเป็นรุ่นเก่าๆ อายุเยอะๆ มากกว่า ที่คงความเป็นจีนจริงๆ ไปเข้าห้องน้ำที่นู่นมา ตกใจมาก คนแก่ๆ นั่งส้วมแล้วแบบไม่ปิดประตู แถมเป็นแบบยองๆ ด้วย จะเป็นลม ออกไปรีบไปเล่าให้เพื่อนที่เป็นคนจีนฟัง เค้าก็หัวเราะ เค้าบอกว่าคนแก่ๆ จะเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะมีประตู แต่ก็ไม่ปิดกัน เค้าชินแบบเดิมๆ คงเปลี่ยนยาก
(เพิ่มเติมข้อความค่ะ)
- มีวันหนึ่ง ไปเที่ยวน้ำตก huangguoshu เมืองอันชุน แล้วเดินผ่านกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นสาวจีน เค้าคุยกันแล้วมองเรา พอเดินผ่านเค้าเอียงๆ หน้ามาแล้วพูดว่าสวัสดีค่ะ เราเลยสวัสดีค่ะกลับ แล้วเค้าก็ยิ้มแย้มหัวเราะร่วนกันเลย เพื่อนคนจีนที่ไปด้วยกันแปลให้ฟังว่า สาวๆ กลุ่มนั้นเค้าเดินทายกันมาว่าเราใช่คนไทยรึปล่าว แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย ก็ขำๆ สนุกดีค่ะ
- อีกทริปหนึ่งเดินทางไปทำงาน ที่เมืองเหรินฮวย โรงงานเหล้าจีนดังๆ ไปกับกลุ่มชาติอาเซียนอื่นๆ อีก ชาติละ 2 คน คนที่โรงงานเค้าฮือฮามากที่เราเป็นคนไทย เค้าบอกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่เราจะมา สมเด็จพระเทพฯ ก็เพิ่งเสด็จฯมาที่โรงงานเหมือนกัน เค้าดีใจมากเลยที่มีคนไทยมาอีก เค้าบอกว่าคนไทยเป็นเพื่อนที่ดี ที่โรงงานมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเทพฯด้วย พอมื้อค่ำมีงานเลี้ยง แล้วตามทำเนียม มาโรงเหล้าก็ต้องชนแก้วจอกเล็กๆ ปกติเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย นี่ครั้งแรกในชีวิต ใครมาชนก็ต้องดื่ม คืนนั้นคนไทยฮ็อตสุด โดนขอชนแก้วไป 20 กว่าจอก ผลคือต้องปลีกตัวออกไปนอนสลบในรถตู้
- ที่สนามบินท้องถิ่นเล็กๆ เล็กจริงๆ ค่ะ ในเมืองถงเหริน มีเจ้าหน้าที่สนามบินมาทักว่าคนไทยหรอ ไท่กั๋วหรอ พอบอกว่าใช่ เค้าก็พูดสวัสดีใหญ่เลย
- บนเครื่องบิน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน หรืออ่อนกว่าเล็กน้อย ระหว่างเปลี่ยนเครื่อง คนยังไม่เยอะ เค้าเข้ามาถามเป็นคนไทยหรอ จะไปไหนหรอ เค้าพูดภาษาไทยได้ด้วยนิดหน่อย บอกว่าเค้ามีชื่อไทยด้วยนะ ชื่อปานวาด ^^ เค้าก็แนะนำมาว่า ถ้าจะไปที่นี่มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง พอถึงสนามบิน อันที่จริงต้องมีคนมารับเรา แต่ไม่มีใครมาเลย เบอร์ติดต่อก็ไม่มี เคว้งสุดๆ ดึกแล้วด้วยราวๆ 5 ทุ่ม ภาษาจีนก็พูดไม่ได้ โชคดีเจอผู้หญิงคนเดิม เค้าก็ช่วยพาเดินหา ช่วยถามโน่นนี่ให้ สุดท้ายเค้านึกได้ว่าที่นี่มีอีกอาคารนะ เป็นอาคารใหม่ คนมารับอาจรออยู่ที่นั่น สุดท้ายเค้าก็พาเดินตามหาจนพบ ได้ไปนอนโรงแรมซักที ประทับใจคนจีนน่ารักค่ะ
ส่วนใหญ่ที่รู้จักคนจีนเค้าบอกว่า คนไทยสวยคม มีครบตาสองชั้น จมูก ไม่ต้องทำเลย เค้าชอบ ก็ก็พูดถึงหนังนี่แหละค่ะ เจอใครเค้าก็ถามเป็นคนไทยหรอ รู้จักมั้ยหนังเรื่อง Lost in Thailand แล้วเค้าก็ชอบดู สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักกันด้วยค่ะ ชอบอาหารทะเลเมืองไทย ชอบทุเรียน สาวประเภทสอง
คนจีนรุ่นใหม่ๆ มารยาทโอเคดีนะคะ ปรับเข้ากับยุคดีแล้ว จะเป็นรุ่นเก่าๆ อายุเยอะๆ มากกว่า ที่คงความเป็นจีนจริงๆ ไปเข้าห้องน้ำที่นู่นมา ตกใจมาก คนแก่ๆ นั่งส้วมแล้วแบบไม่ปิดประตู แถมเป็นแบบยองๆ ด้วย จะเป็นลม ออกไปรีบไปเล่าให้เพื่อนที่เป็นคนจีนฟัง เค้าก็หัวเราะ เค้าบอกว่าคนแก่ๆ จะเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะมีประตู แต่ก็ไม่ปิดกัน เค้าชินแบบเดิมๆ คงเปลี่ยนยาก
(เพิ่มเติมข้อความค่ะ)
ความคิดเห็นที่ 39
ละครหรือภาพยนต์เรื่อง lost in thailand มีผลเรื่องการท่องเที่ยว
แต่ลองย้อนกลับไปดู ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
มีบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ที่เป็นเหมือนทูตสันถวไมตรี
เดินทางไปประเทศจีนเพื่อศึกษาภาษาจีน วัฒนธรรมของจึน และนำมาถ่ายทอดเป็นหนังสือ
และด้วยความจริงใจ ด้วยมิตรไมตรี ทำให้บุคคลท่านนี้ได้รับการโหวตจากประฃาฃนจีน
ให้เป็นบุคคลสำคัญต่างชาติที่เยือนจีน และคนจีนนิยมชมชอบ เป็นขวัญใจของคนจีนมากทึ่สุด
ส่งผลให้ ภาพลักษณ์ของคนไทยโดยรวม ในสายตาคนจีนดีไปด้วย
แต่อยู่ที่เราจะรักษามิตรภาพดีๆเหล่านี้ไว้ได้หรือไม่
เพราะหมายถึงประโยชย์ต่อประเทศของเราเองด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศจีน เป็นมหาอำนาจ ที่คานอำนาจของอเมริกา
แต่จีนต่างจากอเมริกันตรงที่ จีนจะจริงใจและให้เกียรติประเทศที่เป็นมิตร
และจีนจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องภายในของมิตรประเทศ
ต่างจากอเมริกา ที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลก
แต่ลองย้อนกลับไปดู ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
มีบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ที่เป็นเหมือนทูตสันถวไมตรี
เดินทางไปประเทศจีนเพื่อศึกษาภาษาจีน วัฒนธรรมของจึน และนำมาถ่ายทอดเป็นหนังสือ
และด้วยความจริงใจ ด้วยมิตรไมตรี ทำให้บุคคลท่านนี้ได้รับการโหวตจากประฃาฃนจีน
ให้เป็นบุคคลสำคัญต่างชาติที่เยือนจีน และคนจีนนิยมชมชอบ เป็นขวัญใจของคนจีนมากทึ่สุด
ส่งผลให้ ภาพลักษณ์ของคนไทยโดยรวม ในสายตาคนจีนดีไปด้วย
แต่อยู่ที่เราจะรักษามิตรภาพดีๆเหล่านี้ไว้ได้หรือไม่
เพราะหมายถึงประโยชย์ต่อประเทศของเราเองด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศจีน เป็นมหาอำนาจ ที่คานอำนาจของอเมริกา
แต่จีนต่างจากอเมริกันตรงที่ จีนจะจริงใจและให้เกียรติประเทศที่เป็นมิตร
และจีนจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องภายในของมิตรประเทศ
ต่างจากอเมริกา ที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนจีนแผ่นดินใหญ่ ชอบคนไทย (สงกรานต์นี้ ยกทัพมาแน่) ต้อนรับดีๆเด้อ
อาหมวย ในร้านอาหารที่ปักกิ่ง เสิร์ฟเสร็จ ก็มักจะมายืนนิ่งๆ ข้างโต๊ะผม
พอจ่ายค่าอาหารเสร็จ อาหมวยร้อง Bangkok หง่ะ แกชอบ Thailand ล่ะซี
ทานอาหารเช้า ในโรงแรม เดินคุยกันประสาพ่อ-แม่-ลูก
เท่านั้นหละ แขก ที่กินข้าวอยู่ด้วย หันขวับมาเพราะได้ยินภาษาไทย
ร้องว่า You are Thai.....Wow , I think your daughter is Chinese.
แถมบอกอีก ลูกฉัน คลอดที่ สมิทธิเวช หง่ะ เขาชอบคนไทยอีกละ
เดินไปซื้อของ ร้านโชห่วยเล็กๆในปักกิ่ง ควักแบงค์ออกมา มีเงินไทย 20 บาท
คนขายบอก นี่ตังค์ไทยอ่า....
ลูกพี่อยู่ข้างใน วิ่งออกมาดูแบงค์ไทย แล้วพูด Thailand และยิ้มให้
โดนภาพรวม เขาก็ชอบอะไรที่มันไทยๆ อยู่นะ
สวัสดีครับ
-เครดิต- หนุ่มสันกำแพง
http://www.cm108.com/bbb/index.php/topic/2181-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%9A/