ลูกเมฆ

ในบ่ายวันหนึ่งที่ฝนตกปรอยๆ เด็กชายน้อยๆคนหนึ่งกำลังกางร่มคันเล็กสีสันสดใส. . . รองเท้าบู๊ทลุยน้ำคู่ใหม่ ถูกย่ำไปมาบนแอ่งน้ำ ที่เจิ่งนองเต็มท้องถนน
ครู่หนึ่ง . . . เด็กชายก็หยุดเดิน และหันมายิ้มหวาน ทอดสายตาเปี่ยมฝันมายังคุณแม่ที่เดินอยู่ข้างๆ
“แม่ครับ ผมชอบฝนจังเลย ผมมีความสุข ม้ากมาก”เสียงสดใสของเด็กชายดังชัดเจนท่ามกลางสายฝน
“แล้ว.  . . อยากรู้มั้ยละจ๊ะว่าทำไม ฝนถึงทำให้หนูมีความสุขได้” แม่ยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้นช้าๆ
เด็กชายพยักหน้ารับ
“เพราะ ฝนเกิดจากความรักไงลูก . . . . มา แม่จะเล่าให้ฟัง . . .”
คนเป็นแม่กล่าวขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือลูกชายไว้  . . .
. . . สายฝนที่โปรยปราย ทำให้หัวใจของทุกๆสิ่งชุ่มชื้นและ อิ่มเอมไปด้วยความสุข . .  .


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคที่ ท้องฟ้ายังพูดคุยกับสายลม . . . ใบไม้ใบหญ้ายังทักทายกับ ผีเสื้อแสนสวย ที่แวะเยี่ยมเยียนดอกไม้ ผู้ร่าเริง . . . . รอยยิ้ม และความสุข ปลิวฝุ้งในอากาศ . . .

ฟิ้ว เสียงวัตถุทรงกลมชนิดหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า

ฟิ้ว มันเฉี่ยวหัวของนกอินทรีตัวหนึ่ง ไป

ฟิ้ว มันผ่ากลางวงของ ไอแดดที่เหน็ดเหนื่อยกลุ่มหนึ่ง ที่เพิ่งเดินทางมาถึงโลก

ฟิ้ว มันเฉี่ยวใบไม้ใบที่สูงที่สุดของต้นส้ม

ฟิ้ว ฟิ้ว และ ตุ้บ

มันเป็นเสียงตุ้บที่หนักแน่น และนุ่มนวล มันตกลงบนดอกเห็ดดอกหนึ่ง ใต้โคนต้นส้มนั่นเอง
“แหม คุณต้นส้มคะ ทำลูกตกแต่เช้าเลยนะ” เห็ดอวบอ้วน ดอกนั้นพูดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักของวัตถุทรงกลมที่ตกลงบนดอกของตนเอง
“เปล่าจ้ะ ไม่ใช่ลูกของฉันหรอก” ต้นส้มกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
วัตถุทรงกลมนั้นเป็น สีขาว กลม เนื้อเนียนนุ่ม จนสามารถรับรู้ได้ด้วยสายตา มันมีปากเล็กที่ปิดสนิท. . .  มันมี ตาเล็กๆที่ปิดสนิท ลูกสีขาวกลมๆนั้น ดูเหมือนกำลังหลับอย่างเป็นสุข

เพียงครู่เดียว สัตว์ทั้งหลาย  ก็มารวมตัวกันทุกตัวต่างพูดคุยส่งเสียงดัง จ้อกแจ้ก คาดเดากันไปต่างๆนาๆ

หมาป่ากล่าวว่า “มันต้องเป็นไข่ของพญาพญา นกอินทรี แน่ๆ” แต่ไม่มีสัตว์ตัวไหนเชื่อ เพราะพวกมันรู้ว่าหมาป่านั้นบินไม่ได้ และชอบ โม้เป็นประจำ
ลิงกล่าวขึ้นต่อว่า “มันต้องเป็นผลไม้สุกของต้นอะไรสักอย่าง” แต่ทุกตัวก็ยังไม่มีใครเชื่อเพราะ พวกมันรู้ว่า ลิงนั้นชอบกินผลไม้
สัตว์อื่นๆต่างคาดเดาไปต่างๆนาๆ บ้างว่านู่นบ้างว่านี่ ในที่สุดเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่มาประชุมกัน ต่างคิดอะไรไม่ออก อีกต่อไป . . . . ในความเงียบนั้น ผีเสื้อ น้อยตัวหนึ่งก็พูดเบาๆขึ้นว่า
“มันต้องเป็นไข่ของผีเสื้อสีรุ้งแน่ๆ ถึงได้สวยงามถึงเพียงนี้” เมื่อผีเสื้อกล่าวจบ ก็บังเกิดความคิดเห็นมากมายตามมา บ้างเห็นด้วย และบ้างไม่เห็นด้วย
และท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้น ลูกทรงกลมสีขาวนั้นก็เริ่มขยับตัว มันอ้าปากเล็กๆที่น่ารักให้กว้างขึ้นก่อนจะ หาวขึ้นอย่าง ช้าๆ เมื่อสายตาของบรรดาสรรพสัตว์ จับจ้องรูปปากที่เปลี่ยนไปนั้น ก็บังเกิดความเงียบขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย . . .
“ชู่ววววส์ ” เสียงต้นส้ม ดุ พวกสัตว์ต่างๆ โดยไม่วางตาไปจากมัน
“มันเรียกว่า ลูกเมฆ” นกฮูกชราปรากฎตัวแหวกฝูงชนพร้อมกับกล่าวช้าๆ
“คงจะตกลงมาจากเมฆสักก้อนบนฟ้านี่แหละ”
  สัตว์ทุกตัว ในป่าแห่งนี้เชื่อถือ นกฮูกชรามาก รวมทั้งต้นส้ม มัน เคยได้ยินมาว่า นกฮูกชราเป็นผู้ให้กำเนิดต้นไม้ต้นแรกในป่าแห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคัดค้าน
“ลูกเมฆของฉัน” เห็ดพูดขึ้น
“ลูกเมฆของฉัน” หมีพูดขึ้นบ้าง
ไม่นาน เสียงลูกเมฆของฉันๆ ก็ดังระงมไปทั่วบริเวณ. . .
เมื่อเสียงดังขึ้น . . . ลูกเมฆที่น่ารักก็ตื่น . . . มันกระพริบตา เล็กๆที่น่ารักของมัน สองสามครั้ง แล้วมันก็ยิ้มออกมา . . . รอยยิ้มนั้นทำให้เหล่าสัตว์ ต่างหลงรักมันมากขึ้นกว่าเดิม . . . .เมื่อตกลงกันไม่ได้ . . . .ลูกเมฆจึงไม่ใช่ของใคร แต่ลูกเมฆจะเป็นของสัตว์ทุกๆตัว ที่รักมัน

แน่นอน ข้อกำหนดนี้มิได้มีใครพูดออกมา
. . . หากแต่ เป็น รอยยิ้มของลูกเมฆต่างหาก ที่เป็นผู้กล่าว ออกมา . . .  

ลูกเมฆเป็นที่รักของสัตว์ทุกๆตัวในป่า . . .  ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักเพียงอย่างเดียว แต่ทว่า ลูกเมฆนั้นมีนิสัยโอบอ้อมอารี มีสัมมาคารวะ สุภาพ และ อ่อนโยน . . .  ลูกเมฆไม่กินอาหาร . . . แต่ลูกเมฆกินความสุข และแบ่งปันความสุขนั้นให้กับทุกๆสิ่งรอบข้าง

ยิ่งเวลาผ่านไป ความสุขในตัวลูกเมฆก็พองตัวขึ้นๆ ลูกเมฆอ้วนขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ ลูกเมฆกลับหนักน้อยลงเรื่อยๆ จนทำให้สัตว์หลายๆตัวกลัวว่า สายลมที่ซุกซน อาจจะพัดพาลูกเมฆไปจากพวกมันสักวันหนึ่ง . . . .

หลายปีผ่านไป ลูกเมฆเติบโตขึ้น แต่มีน้ำหนักเบาลง ลูกเมฆเริ่มนึกถึงหน้าที่ของตัวเอง . . . ลูกเมฆไม่กินน้ำหวาน ไม่สามารถช่วยคุณดอกไม้ผสมเกสรเหมือนคุณผีเสื้อ . . . ลูกเมฆไม่สามารถพรวนดินเหมือนคุณไส้เดือน . . .ลูกเมฆไม่สามารถให้ผลส้ม เหมือนคุณแม่ต้นส้มได้ . . . พูดง่ายๆคือลูกเมฆไม่สามารถทำอะไรได้เลย สิ่งที่มันทำได้ก้คืออยู่เป็นเพื่อนคุยและให้ความสุขแก่สัตว์ต่างๆ  เพียงเท่านั้น

มันจึงตัดสินใจไปถามนกฮูกชรา . . .
นกฮูกชราได้เล่าว่า เมื่อแม่เมฆบนท้องฟ้าที่มีหน้าที่คอยดูแล จำนวนเมฆบนฟ้า มีอายุจนได้ระดับหนึ่ง แม่เมฆจะให้กำเนิดลูกเมฆ ลูกเมฆจะตกลงมาจากท้องฟ้าและ ค่อยๆ สะสมความสุขจนพองโต ก่อนจะกลายเป็นก้อนเมฆ กลับขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมตัวกับก้อนเมฆอื่นๆและ โปรยตัวลงมาเป็น หยาดฝน หรือ น้ำแห่งชีวิตให้แก่ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้

และเมื่อมันกลายสถาพเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า “ฝน” หน้าที่ของมันก็จะจบลง รวมถึงตัวของมันเองด้วย ลูกเมฆจะจำอะไรไม่ได้ . . . . และ รอคอยเวลาเพื่อจะกลับไปเป็น ลูกเมฆ ลูกกลมๆสีขาวที่น่ารักอีกครั้งหนึ่ง

“แต่มันมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างนะ ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ ที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นก้อนเมฆได้น่ะ”นกฮูกชรากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะจบบทสนทนาในคืนนั้น . . .

กลางดึกคืนหนึ่ง ลูกแม่ได้คุยกับแม่ต้นส้ม เกี่ยวกับ “ฝน” และได้ฟังว่า ฝน มีประโยชน์มากแค่ไหนต่อป่าแห่งนี้ . . . . ใบหน้าของแม่ต้นส้ม ดูมีความสุขมากเมื่อพูดถึง “ฝน”
. . . รวมถึง
ลิงน้อยก็ดูมีความสุขมากเมื่อพูดถึงฝน
พี่กวางเขาใหญ่ ก็มีความสุขมากเมื่อพูดถึง ฝน ( รวมถึงหญ้าเขียวๆหลังฝนตกด้วย )
คุณน้าสิงโต ก็ บอกว่ามันจะหลับสบายแค่ไหนในคืนที่ฝนตก
. . . .
. . .
. .
หลายวันหลังจากนั้น ลูกเมฆ บอกกล่าวแก่สัตว์ทั้งหลาย ด้วยรอยยิ้ม. . . .ด้วยน้ำตา . . . ถึงการตัดสินใจ
ลูกเมฆบอกกล่าวกับสัตว์ทุกๆตัวว่า . . . ลูกเมฆจะหายไป . . .  แต่จะกลับมาอีก . . .

มันเป็นเช้าวันที่สดใสวันหนึ่ง ที่อากาศเย็นจัด ลูกเมฆบอกลาสัตว์ทุกตัวก่อนจะลอยขึ้นไป . . . และ ลอยขึ้นไป ลูกเมฆ . . . ซึ่งบัดนี้ได้ดูดซับเอาความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นเงื่อนไขข้อสุดท้ายที่จะทำให้มันกลายเป็นก้อนเมฆอย่างสมบูรณ์แบบ. . . ความสุขจาการเสียสละ. . .
  ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ลูกเมฆอีกต่อไป แต่มันกลายเป็น ก้อนเมฆ. . . เมฆก้อนใหญ่ . . . มันหันมายิ้มกว้างให้กับเหล่าสัตว์ทุกตัว ใบไม้ทุกใบ ต้นไม้ทุกต้น รวมทั้งสายลมและแสงแดดเป็นครั้งสุดท้าย มันเป็นยิ้มที่ทรงพลังจนทำให้ การจากลาก็ยังมีแต่ความสุข . . .
เวลาผ่านไป . . . . .
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคที่ ท้องฟ้ายังพูดคุยกับสายลม . . . ใบไม้ใบหญ้ายังทักทายกับ ผีเสื้อแสนสวย ที่แวะเยี่ยมเยียนดอกไม้ ผู้ร่าเริง . . . . รอยยิ้ม และความสุข ปลิวฝุ้งในอากาศ . . .

ฟิ้ว. . . . . .

ฟิ้ว. . . . .

ฟิ้ว. . .  

: )

รบกวนคอมเม้นท์ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ : ))
http://tronutsu.blogspot.com/2013/10/blog-post.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่