สวัสดีค่ะ
หลังจากที่สิงสถิตย์ อยู่ใน Pantip มาหลายปีดีดัก ตั้งกระทู้มาประปราย ส่วนใหญ่จะไร้สาระ
อายุก็ล่วงเลยมาหลายปี จนจะเบญจเพศ อยู่มะรอมมะร่อ ด้วยความที่เป็นคนชอบเขียน ชอบเล่า เลยเริ่มคิดอยากทำกระทู้ดีๆมีสาระกับเค้าบ้าง ให้พ่อแม่และผู้ปกครองได้ภาคภูมิใจ เริ่มมองหาหัวข้อและห้องที่จะทำกระทู้ ตัดสินใจอยู่นาน...
สยามสแควร์ > เอ้...อายุมันเลยแล้ว เด็กจะไล่ตะเพิดออกมาเอารึ...??? "ป้าๆ คนชรารบกวนป้ายหน้าเลยครัช...!!!" แค่คิดก็ปวดตับ ไม่อยากไปนั่งให้เด็กถอนหงอกเล่น
ห้องแป้ง > รีวิวเครื่องสำอางเหรอ ? กลัวจะได้ชื่อกระทู้ประมาณว่า "สวยสยองนองฉ่ำรับวันสงกราน....~!!!" เบ้าหน้าอิชั้นมันไม่อำนวยจริงๆ
ศุภชลาศัย > ก็ดันเป็นคนรักกีฬาเอามากๆ ...อะไรนะ กีฬาที่เล่นล่าสุด...อ่ออออออ กระโดดยางตอน ป.4 ค่ะ (o,O) อะไรนะ อันนั้นไม่นับว่าเป็นกีฬาหรอกเหรอ...?!?!
สีลม > หืมมมมมมมมม...ไม่อยากจะคุย เล่นหุ้นนี่งานถนัด 83 บนล่าง กลับด้วย รีบช้อนไว้ก่อนเลขดัง เดี๋ยวเจ้ามือเบี้ยว ไม่จ่ายตังค์นะคะ...!!!
คิดไปคิดมา...
คิดดีแล้วว่า...
ทำรีวิวร้านอาหารดีที่สุด...!!!
ด้วยประสบการ์ณการกิน ที่มีมากมายเท่าอายุ และยังมีห่วงยางน้อยๆรอบพุงพองามเป็นการันตี (การันตีว่าใครหลงมาเป็นสามีรับรองไม่อดตาย)
ร้านอะไร ? : เสรีไทยซีฟู๊ด
อยู่แถวไหน ? : เสรีไทยซอย 25 เลยแยกนิด้ามุ่งหน้ามีนบุรีมา 4 ป้ายรถเมล์ (อร๊ายยยยยยยยยย เค้าเลยรู้กันทั่ว ว่าหล่อนนั่งรถเมล์มากินข้าว...!!! แต่อย่าบอกใครนะคะ วันนี้วันพิเศษ นั่งรถเมลล์ ปกติสองแถวย่ะ...!!!) อ่อ...!!! อิชั้นแนบละติจูด ลองติจูด มาด้วยนะคะ 13.794455, 100.670286 เดี๋ยวนี้คุยกันเป็นชื่อถนนไม่ค่อยรู้เรื่องเอะอะ "เอาลิงค์ Google map" เอะอะ "Share locate"
เพลงประกอบเนื้อความช่วงนี้ (โลกมันหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ฉันตามไม่ทันนะ...พี่บัวลอยยยยย)
ร้านเปิดกี่โมง ? : ก็เปิดตั้งแต่เย็นย่ำไปยันค่ำมืดนั่นแหละ...!!!
ทำไมต้องรีวิวร้านนี้ > เจ้าของบริษัทพามาเลี้ยงวันเกิด แล้วถูกใจกับอาหาร และถูกจริตกับเจ้าของร้านเป็นพิเศษ เหตุผลสำคัญ...ชอบร้านนี้...!!! แม่สอนมาว่าทำอะไรด้วยความรัก ความชอบจะเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ
ห๊ะ...!!!
อะไรนะ...???
2 หน้ากระดาษ A4 แล้ว ยังไม่ได้สาระอะไรเลย...???
เข้าใจคำว่าเกริ่นมะ...???
นำเรื่อง...???
นี่แค่น้ำจิ้ม....!!!
แค่นี้ก็รู้แล้วว่ารีวิวนี้จะถึงพริก ถึงขิงขนาดไหน...?!?!?
ไปลุยกันเล๊ยยยยยยย...!!!
ร้านอยู่หน้าปากซอยเสรีไทย 25 ช่วงซอย 23-29 ของถนนเสรีไทย จะเป็นคล้ายๆเวิ้งอาหาร มีร้านอาหารเรียงๆกันอยู่พอสมควรค่ะ
นี่ๆตรงนี้เลย เลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดในซอยได้เลยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆจะเป็นปั๊มเชลล์ เผื่อใครมาจากฝั่งมีนบุรีพอเจอปั๊มก็ชิดขวาเตรียมกลับรถได้เลยค่ะ
เดินมาทางเข้าด้านหน้าร้าน จะเจอป้ายแบบนี้ ไฟสีฟ้าสดใส บนแผ่นป้ายไม้ทาสีขาว
เพลงประกอบเนื้อความช่วงนี้ (คือ...ผืนทรายโอบกอดทะเลไว้...จักวันใด...มั่นคงเหมือนดังที่เป็น...)
เดินเข้ามาอีกนิดนึง เป็นสวนหย่อม เอ๊ะ ? สวนดอกไม้ ? หรือสวนน้ำ ?
ช่างเถอะ เอาเป็นว่า มุมนี้เอาไว้ถ่ายรูปสวยๆ แต่ที่พิเศษคือ เป็นต้นไม้และดอกไม้จริงทั้งสิ้น และได้รับการดูแลอย่างดี ดอกไม้ออกดอกสีสด แน่นเป็นพุ่ม ต้นไม้ที่ใบเป็นสีๆก็สีสันชัดเจน และสุขภาพแข็งแรงทุกต้น ได้อารมณ์ประหนึ่งว่าอยู่ในงานพืชสวนโลก
ถามว่า...???
ทำไมอิเจ้าของกระทู้ถึงได้ Inner เรื่องต้นไม้มาแรงขนาดนี้
คำตอบคือ...!!!
เป็นคนมือร้อน ใจร้อนค่ะ ปลูกถั่วเขียว ดันขึ้นเป็นถั่วงอก ปลูกต้นกระบองเพร็ชยังแห้งตาย จึงตื่นตาตื่นใจ กับสวนที่ดูสุขภาพดีเอามากๆ
เข้าใจตรงกันนะ...!!!
เข้าร้านกันเถอะค่ะ...!!!
หิวแล้ว...!!!
ร้านมี 2 โซน เป็นโซนมืด กับ โซนสว่าง
โซนมืด ไว้สำหรับหนุ่มๆสาวๆ มานั่งชิลเอาท์ ดูบอล จิบเบียร์เย็นๆ
โซนสว่าง ไว้สำหรับครอบครัว สว่างจริงๆค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัวมานั่งกินอาหาร
ปกติอิชั้นจะไม่ค่อยอยู่ในที่สว่างนะคะ เพราะเป็นสาวงามประเภท "สวยไม่สร่าง สว่างไม่สวย"
แต่วันนี้จำใจค่ะ กลัวจะโฟกัสมันกุ้งมารีวิวได้ไม่เต็มที่...
ตอนแรกมากันแค่ 2 คน นั่งไปนั่งมา ชักจะเร่ิมยาว เล่นสั่งกันประหนึ่งว่าบ้านอยู่ในพื้นที่อันไกลโพ้นที่ไม่มีชายแดนฝั่งใด อยู่ติดทะเล
มาเริ่มกันที่...
"ยำพิโรธ"
สั่งไปไม่นานค่ะ ยำมาก่อนเครื่องดื่มประมาณ 38.56 วินาที
ยำสีสันจัดจ้านถึงใจ คนชอบทานอาหารรสจัดคงต้องกรี๊ดกันสลบ แต่เพื่อนสาวอิชั้นนางถึงกับหน้าเบ้ เพราะนางทานเผ็ดไม่ได้
แต่ปรากฏว่า...
นางซัดไม่ติดเบรคเลยค่ะ สีสันที่จัดจ้าน ด้วยเครื่อง แถมยังโรยพริกแห้ง แต่จริงๆรสชาติกำลังดี ไม่จืดจนคนกินเผ็ดอยากอิชั้นกร่อย และไม่เผ็ดจนคนลิ้นอ่อนทานไม่ได้
กุ้งตัวโตที่สด เนื้อแน่น ขนาดที่ว่ายำมาแล้วยังได้รับรสหวานของเนื้อกุ้ง ปลากระพงแล่เป็นชิ้น ลวกสุกกำลังดี อดไม่ได้ที่จะแอบดมเพวาะเข็ดกับกลิ่นของปลาจากบางที่ ที่คาวจัด แต่ปลากระพงที่นี่ไม่คาวค่ะ เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย เรียกได้ว่าสดและสุดกำลังดี ปลาหมึกหั่นเป็นแว่น แต่ปลาหมึกสุกน้อยไปนิดนึง เลยยังไม่กรุบกรอบเท่าที่ควร ทั้งหมดคลุกเคล้ากับเครื่องอย่างเข้าเนื้อ และยังมีเม็ดมะม่วงหิมะพานต์ กับใบสะระแหน่ที่ยังแทบจะไม่ช้ำเลย ถือว่าลงตัวมากๆกับยำพิโรธจานนี้
เพราะว่าดันไปใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องเครื่องดื่มนานไปนิด วันนี้กะจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ทางร้านดัน Recommend เบียร์ว่าเบียร์ที่นี่ วุ้นสุดๆ แต่จะดื่มเบียร์ก็แอบกลัวลงพุง (จริงๆ อิชั้นว่า ควรจะกลัวลงพุงตั้งแต่สั่งอาหาร แบบยัดทะนาน เพื่ออนาคตแล้ว) ก็เลยจัดมานั่งจิบ ให้มันลื่นคอ
ปรากฏว่า...
ตามภาพค่ะ
~มัน~ฟิน~มาก~ เบียร์วุ้นจริงๆ เสิร์ฟในแก้วแช่เย็น ที่มีน้ำแข็งก้นแก้ว
จิบแล้วเปล่งเสียง อาห์...~!!! ออกมาอย่างลืมตัว
จิบๆเบียร์ยังไม่ทันหายเคลิ้มจากฤทธิ์เบียร์วุ้น เมนูต่อไปก็ยกมาเสิร์ฟแบบควันฉุยกันเลยทีเดียว
ปลาหมึกตัวโต เค้าเรียกปลาหมึกอะไรไม่แน่ใจ แต่ตัวใหญ่เนื้อขาว เชียว ปลาหมึกกล้วย มั้งคะ แหะๆ ถนัดกินอย่างเดียว ไม่สันทัดเรื่องวัดถุดิบ เมนูนี้ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปค่ะ ไม่เปรี้ยวโดดจนซดลำบาก พอดีวันที่เราไปทาน เพิ่งไปทำฟันมา เลยไม่กล้าเคี้ยวปลาหมึกมาก ก็หันไปเล่นทางฝ่ายน้ำซุปแทน เล่นเอาเกือบหมดหม้อเหมือนกัน เพราะปกติเป็นคนชอบซด น้ำซุป น้ำแกงอะไรพวกนี้อยู่แล้ว รสชาติกลมกล่อม เปรี้ยวอมหวาน และมีรสเผ็ดน้อยๆให้พอเหงื่อซึมตามไรผมแบบสวยๆ เคยไปทานบางที่ รสชาติสะใจมากค่ะ เผ็ดกันเหงื่อกระจาย คิ้วไหลเยิ้ม แต่สำหรับที่นี่ ขออนุญาติให้นิยามว่า"เผ็ดพองาม"ค่ะ ที่งามนี่คือหน้าคนทานนะคะ คือไม่เผ็ดจนต้องแลบลิ้น เหงื่อไหลซ่ก...!!! แบบนั้น...มันไม่งาม...!!!
จานถัดมา
ปลากระพงทอดน้ำปลา เมนูนี้เหมือนเป็น Signature ของการทานอาหารนอกบ้าน พอเมนูนี้มา ชะนีสองนางเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะมันใหญ่ ประกอบกับอาหารที่ยังไม่เสิร์ฟอีก อิชั้นเลยโทรเรียกน้องชาย น้องชายบอกจะชวนเพื่อนไปดูบอล อิชั้นเลยบอกว่า ที่นี่ก็มี ขนเพื่อนมาเลย (แอบยิ้มกรุ้มกริ่มในใจ น้องชายอายุ 20 เพื่อนน้องก็ต้องรุ่นราวคราวเดียวกัน ดีๆ จะได้มีหญ้าอ่อนมาแกล้มเบียร์กรุบกริบๆ)
อ้าว...?!?!?!?
ถึงไหนแล้วนะ...?!?!?
น้ำชักเยอะกว่าเนื้อ
ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลากระพงตัวหย่ายยยยยยยยยย ทอดจนด้านนอกเหลืองกรอบ เสิร์ฟคู่กับ น้ำยำมะม่วงเครื่องเคราครบ ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง หอมแดง เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ และเติมสีสันให้น่าทานด้วยแครอท เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดอีกถ้วย เผื่อแซ่บไม่ถึงขีด
มาดูน้ำยำมะม่วงกัน ~,~
ไม่รอช้า แหกตา เอ้ย...!!! แหวกเนื้อปลากันเลย
ทั้งขาว ทั้งอวบ เลยนะยะหล่อน...!!!
ระหว่างที่กินกรุบกริบๆกันไป ก็มีเมนูสุขภาพ ที่ทางร้าน Recommend (อีกแล้ว) นี่ก็บ้ายุ เค้าแนะนำอะไรก็สั่งหมด >\\\<
ผัดเห็ด 3 อย่าง มาแล้วค่ะ...!!!
น่าจะเป็นเห็ดผัดน้ำมันหอยแล้วปรุงรส ประมาณนี้ ส่วนตัวเราชอบแบบแฉะมากกว่า แต่จานนี้มีดีตรงที่เห็ดสด ค่ะ…!!! เคยไปทานราเมงที่ร้านชื่อดังในห้าง ใส่เห็ดฟาง เห็ดนี่เหี่ยวเป็นเกี๊ยวแช่น้ำก๋วยเตี๋ยวเลยทีเดียว
เค้าว่ากันว่า การทานเห็ดวันละ 3 ชนิด ทำให้สุขภาพดี คุ้นๆแบบนี้ แต่นึกไม่ออกว่าอ่านมาจากไหน แนะนำเป็นเมนูสุขภาพค่ะ
มาถึงเมนูต่อไป ที่ต้องเริ่มต่อโต๊ะกันบ้าง เนื่องจากอาหารเริ่มจะเกินเลย ประกอบกับน้องชายและเพื่อนๆ ที่เดินทางมาถึง
กุ้งแม่น้ำเผา
ที่นี่ขายเป็นกิโลค่ะ ประมาณ 12 ตัวโลเห็นจะได้ อันนี้อิชั้นสั่งมาแค่ครึ่งกิโล เนื่องจากว่า อาหารอย่างอื่น ก็สั่งมาถล่มทลาย หันไปหันมาเริ่มจะหวั่นใจ ว่าทานยังไงให้หมด
ว้าววววววววววววววววววววว อิชั้นเป็นคนชอบอาหารสีสันสดใสเป็นพิเศษ อะไรสีส้มๆ อย่างแครอท กุ้ง ปู สีจัดๆนี่จะชอบมาก
กุ้งเผา เสิร์ฟกับน้ำจิ้มสีฟู๊ด สีเขียวจัด แต่ไม่เผ็ดมาก แอบกระซิบถามเจ้าของร้านว่า ที่เขียวๆนี่พริกทั้งหมดเลยรึเปล่าคะ ได้เคล็ดลับมาว่า เป็นใบผักชีค่ะ นอกจากจะทำให้สีสันสดใสดูน่ากินแล้ว ยังเพิ่มความหอมให้น้ำจิ้มซีฟู๊ดอีกด้วย
น้องชายมาพอดี มีคนแกะกุ้งให้ แหะๆ แต่....ตัดเล็บมั่งนะแก ชั้นกินไปชั้นจะตายมั้ยเนี่ย
มันกุ้งสีส้มๆ จับราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ด สีเขียวสด แหม่... การไม่แพ้อาหารทะเลนี่เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ คนแพ้กุ้งนั่งมองกันตาขวาง แต่ไม่เป็นไรค่ะ อิชั้นเสนอตัวกินแทนทุกคนที่แพ้กุ้งเอง
กุ้งมาแล้วไซร้ จะขาดปูไปได้อย่างไรกัน
ปูผัดผงกระหรี่ เป็นปูม้า ผัดยกมากันทั้งตัว สีส้มสดใส กรรเชียงมากันกันทั้งตัวเลยทีเดียว จานนี้มา 2 ตัวค่ะ ปูตัวใหญ่ใช้ได้เลยนะคะ
น้ำที่มันขลุกขลิกๆสีส้มๆนั่น คลุกขาวอร่อย อย่าบอกใครเชียวน้า
แอบลำบากนิดนึงตอนแทะกรรเชียงปู แต่ไม่เป็นไร อร่อยแบบนี้พอให้อภัยกันได้ค่ะ
อร๊ายยยยยยยย ตัวอักษรเกิน เดี๋ยวมาต่อนะคะ
[CR] Review อาหารทะเลรสชาติสบายใจ ราคาสบายกระเป๋า ที่ เสรีไทยซีฟู๊ด
หลังจากที่สิงสถิตย์ อยู่ใน Pantip มาหลายปีดีดัก ตั้งกระทู้มาประปราย ส่วนใหญ่จะไร้สาระ
อายุก็ล่วงเลยมาหลายปี จนจะเบญจเพศ อยู่มะรอมมะร่อ ด้วยความที่เป็นคนชอบเขียน ชอบเล่า เลยเริ่มคิดอยากทำกระทู้ดีๆมีสาระกับเค้าบ้าง ให้พ่อแม่และผู้ปกครองได้ภาคภูมิใจ เริ่มมองหาหัวข้อและห้องที่จะทำกระทู้ ตัดสินใจอยู่นาน...
สยามสแควร์ > เอ้...อายุมันเลยแล้ว เด็กจะไล่ตะเพิดออกมาเอารึ...??? "ป้าๆ คนชรารบกวนป้ายหน้าเลยครัช...!!!" แค่คิดก็ปวดตับ ไม่อยากไปนั่งให้เด็กถอนหงอกเล่น
ห้องแป้ง > รีวิวเครื่องสำอางเหรอ ? กลัวจะได้ชื่อกระทู้ประมาณว่า "สวยสยองนองฉ่ำรับวันสงกราน....~!!!" เบ้าหน้าอิชั้นมันไม่อำนวยจริงๆ
ศุภชลาศัย > ก็ดันเป็นคนรักกีฬาเอามากๆ ...อะไรนะ กีฬาที่เล่นล่าสุด...อ่ออออออ กระโดดยางตอน ป.4 ค่ะ (o,O) อะไรนะ อันนั้นไม่นับว่าเป็นกีฬาหรอกเหรอ...?!?!
สีลม > หืมมมมมมมมม...ไม่อยากจะคุย เล่นหุ้นนี่งานถนัด 83 บนล่าง กลับด้วย รีบช้อนไว้ก่อนเลขดัง เดี๋ยวเจ้ามือเบี้ยว ไม่จ่ายตังค์นะคะ...!!!
คิดไปคิดมา...
คิดดีแล้วว่า...
ทำรีวิวร้านอาหารดีที่สุด...!!!
ด้วยประสบการ์ณการกิน ที่มีมากมายเท่าอายุ และยังมีห่วงยางน้อยๆรอบพุงพองามเป็นการันตี (การันตีว่าใครหลงมาเป็นสามีรับรองไม่อดตาย)
ร้านอะไร ? : เสรีไทยซีฟู๊ด
อยู่แถวไหน ? : เสรีไทยซอย 25 เลยแยกนิด้ามุ่งหน้ามีนบุรีมา 4 ป้ายรถเมล์ (อร๊ายยยยยยยยยย เค้าเลยรู้กันทั่ว ว่าหล่อนนั่งรถเมล์มากินข้าว...!!! แต่อย่าบอกใครนะคะ วันนี้วันพิเศษ นั่งรถเมลล์ ปกติสองแถวย่ะ...!!!) อ่อ...!!! อิชั้นแนบละติจูด ลองติจูด มาด้วยนะคะ 13.794455, 100.670286 เดี๋ยวนี้คุยกันเป็นชื่อถนนไม่ค่อยรู้เรื่องเอะอะ "เอาลิงค์ Google map" เอะอะ "Share locate"
เพลงประกอบเนื้อความช่วงนี้ (โลกมันหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ฉันตามไม่ทันนะ...พี่บัวลอยยยยย)
ร้านเปิดกี่โมง ? : ก็เปิดตั้งแต่เย็นย่ำไปยันค่ำมืดนั่นแหละ...!!!
ทำไมต้องรีวิวร้านนี้ > เจ้าของบริษัทพามาเลี้ยงวันเกิด แล้วถูกใจกับอาหาร และถูกจริตกับเจ้าของร้านเป็นพิเศษ เหตุผลสำคัญ...ชอบร้านนี้...!!! แม่สอนมาว่าทำอะไรด้วยความรัก ความชอบจะเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ
ห๊ะ...!!!
อะไรนะ...???
2 หน้ากระดาษ A4 แล้ว ยังไม่ได้สาระอะไรเลย...???
เข้าใจคำว่าเกริ่นมะ...???
นำเรื่อง...???
นี่แค่น้ำจิ้ม....!!!
แค่นี้ก็รู้แล้วว่ารีวิวนี้จะถึงพริก ถึงขิงขนาดไหน...?!?!?
ไปลุยกันเล๊ยยยยยยย...!!!
ร้านอยู่หน้าปากซอยเสรีไทย 25 ช่วงซอย 23-29 ของถนนเสรีไทย จะเป็นคล้ายๆเวิ้งอาหาร มีร้านอาหารเรียงๆกันอยู่พอสมควรค่ะ
นี่ๆตรงนี้เลย เลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดในซอยได้เลยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆจะเป็นปั๊มเชลล์ เผื่อใครมาจากฝั่งมีนบุรีพอเจอปั๊มก็ชิดขวาเตรียมกลับรถได้เลยค่ะ
เดินมาทางเข้าด้านหน้าร้าน จะเจอป้ายแบบนี้ ไฟสีฟ้าสดใส บนแผ่นป้ายไม้ทาสีขาว
เพลงประกอบเนื้อความช่วงนี้ (คือ...ผืนทรายโอบกอดทะเลไว้...จักวันใด...มั่นคงเหมือนดังที่เป็น...)
เดินเข้ามาอีกนิดนึง เป็นสวนหย่อม เอ๊ะ ? สวนดอกไม้ ? หรือสวนน้ำ ?
ช่างเถอะ เอาเป็นว่า มุมนี้เอาไว้ถ่ายรูปสวยๆ แต่ที่พิเศษคือ เป็นต้นไม้และดอกไม้จริงทั้งสิ้น และได้รับการดูแลอย่างดี ดอกไม้ออกดอกสีสด แน่นเป็นพุ่ม ต้นไม้ที่ใบเป็นสีๆก็สีสันชัดเจน และสุขภาพแข็งแรงทุกต้น ได้อารมณ์ประหนึ่งว่าอยู่ในงานพืชสวนโลก
ถามว่า...???
ทำไมอิเจ้าของกระทู้ถึงได้ Inner เรื่องต้นไม้มาแรงขนาดนี้
คำตอบคือ...!!!
เป็นคนมือร้อน ใจร้อนค่ะ ปลูกถั่วเขียว ดันขึ้นเป็นถั่วงอก ปลูกต้นกระบองเพร็ชยังแห้งตาย จึงตื่นตาตื่นใจ กับสวนที่ดูสุขภาพดีเอามากๆ
เข้าใจตรงกันนะ...!!!
เข้าร้านกันเถอะค่ะ...!!!
หิวแล้ว...!!!
ร้านมี 2 โซน เป็นโซนมืด กับ โซนสว่าง
โซนมืด ไว้สำหรับหนุ่มๆสาวๆ มานั่งชิลเอาท์ ดูบอล จิบเบียร์เย็นๆ
โซนสว่าง ไว้สำหรับครอบครัว สว่างจริงๆค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัวมานั่งกินอาหาร
ปกติอิชั้นจะไม่ค่อยอยู่ในที่สว่างนะคะ เพราะเป็นสาวงามประเภท "สวยไม่สร่าง สว่างไม่สวย"
แต่วันนี้จำใจค่ะ กลัวจะโฟกัสมันกุ้งมารีวิวได้ไม่เต็มที่...
ตอนแรกมากันแค่ 2 คน นั่งไปนั่งมา ชักจะเร่ิมยาว เล่นสั่งกันประหนึ่งว่าบ้านอยู่ในพื้นที่อันไกลโพ้นที่ไม่มีชายแดนฝั่งใด อยู่ติดทะเล
มาเริ่มกันที่...
"ยำพิโรธ"
สั่งไปไม่นานค่ะ ยำมาก่อนเครื่องดื่มประมาณ 38.56 วินาที
ยำสีสันจัดจ้านถึงใจ คนชอบทานอาหารรสจัดคงต้องกรี๊ดกันสลบ แต่เพื่อนสาวอิชั้นนางถึงกับหน้าเบ้ เพราะนางทานเผ็ดไม่ได้
แต่ปรากฏว่า...
นางซัดไม่ติดเบรคเลยค่ะ สีสันที่จัดจ้าน ด้วยเครื่อง แถมยังโรยพริกแห้ง แต่จริงๆรสชาติกำลังดี ไม่จืดจนคนกินเผ็ดอยากอิชั้นกร่อย และไม่เผ็ดจนคนลิ้นอ่อนทานไม่ได้
กุ้งตัวโตที่สด เนื้อแน่น ขนาดที่ว่ายำมาแล้วยังได้รับรสหวานของเนื้อกุ้ง ปลากระพงแล่เป็นชิ้น ลวกสุกกำลังดี อดไม่ได้ที่จะแอบดมเพวาะเข็ดกับกลิ่นของปลาจากบางที่ ที่คาวจัด แต่ปลากระพงที่นี่ไม่คาวค่ะ เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย เรียกได้ว่าสดและสุดกำลังดี ปลาหมึกหั่นเป็นแว่น แต่ปลาหมึกสุกน้อยไปนิดนึง เลยยังไม่กรุบกรอบเท่าที่ควร ทั้งหมดคลุกเคล้ากับเครื่องอย่างเข้าเนื้อ และยังมีเม็ดมะม่วงหิมะพานต์ กับใบสะระแหน่ที่ยังแทบจะไม่ช้ำเลย ถือว่าลงตัวมากๆกับยำพิโรธจานนี้
เพราะว่าดันไปใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องเครื่องดื่มนานไปนิด วันนี้กะจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ทางร้านดัน Recommend เบียร์ว่าเบียร์ที่นี่ วุ้นสุดๆ แต่จะดื่มเบียร์ก็แอบกลัวลงพุง (จริงๆ อิชั้นว่า ควรจะกลัวลงพุงตั้งแต่สั่งอาหาร แบบยัดทะนาน เพื่ออนาคตแล้ว) ก็เลยจัดมานั่งจิบ ให้มันลื่นคอ
ปรากฏว่า...
ตามภาพค่ะ
~มัน~ฟิน~มาก~ เบียร์วุ้นจริงๆ เสิร์ฟในแก้วแช่เย็น ที่มีน้ำแข็งก้นแก้ว
จิบแล้วเปล่งเสียง อาห์...~!!! ออกมาอย่างลืมตัว
จิบๆเบียร์ยังไม่ทันหายเคลิ้มจากฤทธิ์เบียร์วุ้น เมนูต่อไปก็ยกมาเสิร์ฟแบบควันฉุยกันเลยทีเดียว
ปลาหมึกตัวโต เค้าเรียกปลาหมึกอะไรไม่แน่ใจ แต่ตัวใหญ่เนื้อขาว เชียว ปลาหมึกกล้วย มั้งคะ แหะๆ ถนัดกินอย่างเดียว ไม่สันทัดเรื่องวัดถุดิบ เมนูนี้ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปค่ะ ไม่เปรี้ยวโดดจนซดลำบาก พอดีวันที่เราไปทาน เพิ่งไปทำฟันมา เลยไม่กล้าเคี้ยวปลาหมึกมาก ก็หันไปเล่นทางฝ่ายน้ำซุปแทน เล่นเอาเกือบหมดหม้อเหมือนกัน เพราะปกติเป็นคนชอบซด น้ำซุป น้ำแกงอะไรพวกนี้อยู่แล้ว รสชาติกลมกล่อม เปรี้ยวอมหวาน และมีรสเผ็ดน้อยๆให้พอเหงื่อซึมตามไรผมแบบสวยๆ เคยไปทานบางที่ รสชาติสะใจมากค่ะ เผ็ดกันเหงื่อกระจาย คิ้วไหลเยิ้ม แต่สำหรับที่นี่ ขออนุญาติให้นิยามว่า"เผ็ดพองาม"ค่ะ ที่งามนี่คือหน้าคนทานนะคะ คือไม่เผ็ดจนต้องแลบลิ้น เหงื่อไหลซ่ก...!!! แบบนั้น...มันไม่งาม...!!!
จานถัดมา
ปลากระพงทอดน้ำปลา เมนูนี้เหมือนเป็น Signature ของการทานอาหารนอกบ้าน พอเมนูนี้มา ชะนีสองนางเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะมันใหญ่ ประกอบกับอาหารที่ยังไม่เสิร์ฟอีก อิชั้นเลยโทรเรียกน้องชาย น้องชายบอกจะชวนเพื่อนไปดูบอล อิชั้นเลยบอกว่า ที่นี่ก็มี ขนเพื่อนมาเลย (แอบยิ้มกรุ้มกริ่มในใจ น้องชายอายุ 20 เพื่อนน้องก็ต้องรุ่นราวคราวเดียวกัน ดีๆ จะได้มีหญ้าอ่อนมาแกล้มเบียร์กรุบกริบๆ)
อ้าว...?!?!?!?
ถึงไหนแล้วนะ...?!?!?
น้ำชักเยอะกว่าเนื้อ
ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลากระพงตัวหย่ายยยยยยยยยย ทอดจนด้านนอกเหลืองกรอบ เสิร์ฟคู่กับ น้ำยำมะม่วงเครื่องเคราครบ ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง หอมแดง เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ และเติมสีสันให้น่าทานด้วยแครอท เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดอีกถ้วย เผื่อแซ่บไม่ถึงขีด
มาดูน้ำยำมะม่วงกัน ~,~
ไม่รอช้า แหกตา เอ้ย...!!! แหวกเนื้อปลากันเลย
ทั้งขาว ทั้งอวบ เลยนะยะหล่อน...!!!
ระหว่างที่กินกรุบกริบๆกันไป ก็มีเมนูสุขภาพ ที่ทางร้าน Recommend (อีกแล้ว) นี่ก็บ้ายุ เค้าแนะนำอะไรก็สั่งหมด >\\\<
ผัดเห็ด 3 อย่าง มาแล้วค่ะ...!!!
น่าจะเป็นเห็ดผัดน้ำมันหอยแล้วปรุงรส ประมาณนี้ ส่วนตัวเราชอบแบบแฉะมากกว่า แต่จานนี้มีดีตรงที่เห็ดสด ค่ะ…!!! เคยไปทานราเมงที่ร้านชื่อดังในห้าง ใส่เห็ดฟาง เห็ดนี่เหี่ยวเป็นเกี๊ยวแช่น้ำก๋วยเตี๋ยวเลยทีเดียว
เค้าว่ากันว่า การทานเห็ดวันละ 3 ชนิด ทำให้สุขภาพดี คุ้นๆแบบนี้ แต่นึกไม่ออกว่าอ่านมาจากไหน แนะนำเป็นเมนูสุขภาพค่ะ
มาถึงเมนูต่อไป ที่ต้องเริ่มต่อโต๊ะกันบ้าง เนื่องจากอาหารเริ่มจะเกินเลย ประกอบกับน้องชายและเพื่อนๆ ที่เดินทางมาถึง
กุ้งแม่น้ำเผา
ที่นี่ขายเป็นกิโลค่ะ ประมาณ 12 ตัวโลเห็นจะได้ อันนี้อิชั้นสั่งมาแค่ครึ่งกิโล เนื่องจากว่า อาหารอย่างอื่น ก็สั่งมาถล่มทลาย หันไปหันมาเริ่มจะหวั่นใจ ว่าทานยังไงให้หมด
ว้าววววววววววววววววววววว อิชั้นเป็นคนชอบอาหารสีสันสดใสเป็นพิเศษ อะไรสีส้มๆ อย่างแครอท กุ้ง ปู สีจัดๆนี่จะชอบมาก
กุ้งเผา เสิร์ฟกับน้ำจิ้มสีฟู๊ด สีเขียวจัด แต่ไม่เผ็ดมาก แอบกระซิบถามเจ้าของร้านว่า ที่เขียวๆนี่พริกทั้งหมดเลยรึเปล่าคะ ได้เคล็ดลับมาว่า เป็นใบผักชีค่ะ นอกจากจะทำให้สีสันสดใสดูน่ากินแล้ว ยังเพิ่มความหอมให้น้ำจิ้มซีฟู๊ดอีกด้วย
น้องชายมาพอดี มีคนแกะกุ้งให้ แหะๆ แต่....ตัดเล็บมั่งนะแก ชั้นกินไปชั้นจะตายมั้ยเนี่ย
มันกุ้งสีส้มๆ จับราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ด สีเขียวสด แหม่... การไม่แพ้อาหารทะเลนี่เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ คนแพ้กุ้งนั่งมองกันตาขวาง แต่ไม่เป็นไรค่ะ อิชั้นเสนอตัวกินแทนทุกคนที่แพ้กุ้งเอง
กุ้งมาแล้วไซร้ จะขาดปูไปได้อย่างไรกัน
ปูผัดผงกระหรี่ เป็นปูม้า ผัดยกมากันทั้งตัว สีส้มสดใส กรรเชียงมากันกันทั้งตัวเลยทีเดียว จานนี้มา 2 ตัวค่ะ ปูตัวใหญ่ใช้ได้เลยนะคะ
น้ำที่มันขลุกขลิกๆสีส้มๆนั่น คลุกขาวอร่อย อย่าบอกใครเชียวน้า
แอบลำบากนิดนึงตอนแทะกรรเชียงปู แต่ไม่เป็นไร อร่อยแบบนี้พอให้อภัยกันได้ค่ะ
อร๊ายยยยยยยย ตัวอักษรเกิน เดี๋ยวมาต่อนะคะ