By... " ใบตองแห้ง "
https://www.facebook.com/baitongpost
การที่พรรคการเมืองดัดจริต ช่างทาสี เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น "เราเชื่อมั่นระบอบรัฐสภา" แต่แพ้เลือกตั้งก็ไม่เอาเลือกตั้ง ฯลฯ ยังถูกจริตคนกรุงคนชั้นกลางข้างมาก เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะคนกรุงผู้มีการศึกษาเอาเข้าจริงไม่ได้มีสติปัญญาซักเท่าไหร่
แต่ที่เข้าใจได้ยากยิ่งคือ นักข่าวที่ชื่นชอบ ปชป. ชื่นชมมาร์ค-ชวน (ผมเคยไปงานแต่งนักข่าว โห เวลาชวนมา มาร์คมา ยังกะดารา แทบจะกรี๊ด)
มันน่าประหลาดใจ เป็นนักข่าว ทำข่าวกันนับสิบๆปี ไม่รู้ธาตุแท้นักการเมืองหรือ ว่าพรรคไหนก็ทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะ พรรคไหนได้โอกาสโกงก็ทำเหมือนกัน เพียงแต่ ปชป.รู้วิธีเล่นกับกฎระเบียบ ระบบราชการ และทำได้เนียนกว่า
ปชป.อาจโกงน้อยกว่าเหมือนเสรี วงศ์มณฑา พูด แต่สิ่งที่ ปชป.โกงมากที่สุดคือโกงเวลาและอนาคตของประเทศ คนอย่างชวน มาร์ค ไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาเชิงระบบ เชิงโครงสร้างอะไรเลย เมื่อได้อำนาจก็ตวัดลิ้นอยู่ไปวันๆ จนได้ชื่อว่าปลัดประเทศ
ท้ายที่สุด ก็ยังมาโกงอำนาจอีก
ผมทำข่าว+สัมภาษณ์นักการเมืองมาเยอะ กลับพบว่านักการเมืองรุ่นเก๋า เช่น บรรหาร, เสธหนั่น, เสนาะ เป็นนักการเมืองที่ "น่ารัก" ที่สุด เพราะคนพวกนี้ไม่ดัดจริต ไม่อวดอ้างเป็นคนดี ยอมรับกันตรงๆ (แม้พูดเปิดเผยไม่ได้) ว่าการเมืองต้องใช้เงิน ต้องหาเงิน ต้องหาพวก ต้องจัดสรรผลประโยชน์
นักการเมืองรุ่นนี้ยังมีความเป็น "นักเลงโบราณ" แบบ Godfather มีวาจาสัตย์ รับปากใคร คำไหนคำนั้น ไม่เคยเบี้ยว จึงมีเครดิตมีบารมีทางการเมือง นักการเมืองรุ่นต่อๆ มา ที่พยายามตามรอยเท้า เช่น สุเทพ, เนวิน, สุวัจน์ ยังไงก็เทียบไม่ติด
รัฐบาลชวนมีเสาหลักคือเสธหนั่น ชวนมีหน้าที่ลอยหน้าลอยตาสร้างภาพไป คนเจรจาต่อรอง จัดสรรอำนาจ ผลประโยชน์ คือเสธหนั่น ไม่ใช่คนใจนักเลงอย่างเสธหนั่น พรรคนี้ไม่มีทางเป็นใหญ่ได้
ผมเคยคุยกับสถาปนิกรายหนึ่ง อย่าให้เอ่ยชื่อ ก็ขึ้นเวทีนกหวีดนั่นแหละ คุยกันหลังไมค์ (ตอนนั้นด่าทักษิณ) เล่าว่าเอาเข้าจริง ยุคสมัยที่คอรัปชั่นน้อยที่สุดกลายเป็นยุคบรรหาร ผู้รับเหมาเป็นนายกฯ เอง มีการควบคุมอย่างดีที่สุด เป็นระบบ ผู้รับเหมาโคตรสบายใจ จ่าย 10% แล้วไม่มีตุกติกไม่มีจู้จี้จุกจิกเบี้ยบ้ายรายทางไถเล็กไถน้อย
อ้อ อันนี้วกกลับมาเปรียบเทียบก็ได้ มีคนดังอีกรายซึ่งด่าทั้งสองฝ่าย ตั้งข้อสังเกตให้ฟังว่า ปัญหาทุจริตในเพื่อไทยที่บานปลาย สาเหตุหนึ่งเพราะ "เจ๊" แม่-โง่ ทำมาหากินไม่เป็น นักการเมืองที่ฉลาดเขาเอา 10% แล้วยังไล่จี้ว่าห้ามไปเซ็งลี้ต่อจนเกินลิมิต ยังไงคุณภาพต้องออกมา 60-70% ไม่ใช่ตัวเองเอาแล้ว ไม่ใส่ใจ ที่เหลือใครปู้ยี่ปู้ยำยังไงก็ช่าง ทำแบบนั้นสุดท้ายก็
เข้าเนื้อ
ผมเคยโดนเถ้าแก่เปลวส่งไปเดินตามบรรหารที่บึงฉวาก ตอนก่อสร้างปรับปรุงใหญ่ เอามาเขียนรายงานลงไทยโพสต์ พบว่าบรรหารโคตรน่ารักเลย มองมุมหนึ่งอาจเป็นนิสัยเถ้าแก่ จู้จี้จุกจิก แต่บรรหารรู้ทุกรายละเอียด จำแทบทุกตารางนิ้ว ไล่จี้ ตรงนั้นตรงนี้ ทุกอย่างในเมืองสุพรรณ บรรหารทำตัวเป็นเจ้าของจริงๆ ใส่ใจทุกอย่าง ไล่ตรวจข้าราชการทุกคน เราอาจนินทาว่าบรรหารผันงบเข้าสุพรรณ แต่บรรหารก็ทำให้งบทุกบาททุกสตางค์ได้ผลอย่างที่เห็น
คนเป็นนักข่าวที่อยู่กับนักการเมืองนานๆ ควรจะเห็นและเข้าใจทั้งสองด้าน ไม่ใช่มองเป็นขาวดำ ดีชั่ว ซึ่งมันไม่ใช่ธรรมชาติของนักการเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
68 ปีพรรคแมลงสาบ !!!!
https://www.facebook.com/baitongpost
การที่พรรคการเมืองดัดจริต ช่างทาสี เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น "เราเชื่อมั่นระบอบรัฐสภา" แต่แพ้เลือกตั้งก็ไม่เอาเลือกตั้ง ฯลฯ ยังถูกจริตคนกรุงคนชั้นกลางข้างมาก เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะคนกรุงผู้มีการศึกษาเอาเข้าจริงไม่ได้มีสติปัญญาซักเท่าไหร่
แต่ที่เข้าใจได้ยากยิ่งคือ นักข่าวที่ชื่นชอบ ปชป. ชื่นชมมาร์ค-ชวน (ผมเคยไปงานแต่งนักข่าว โห เวลาชวนมา มาร์คมา ยังกะดารา แทบจะกรี๊ด)
มันน่าประหลาดใจ เป็นนักข่าว ทำข่าวกันนับสิบๆปี ไม่รู้ธาตุแท้นักการเมืองหรือ ว่าพรรคไหนก็ทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะ พรรคไหนได้โอกาสโกงก็ทำเหมือนกัน เพียงแต่ ปชป.รู้วิธีเล่นกับกฎระเบียบ ระบบราชการ และทำได้เนียนกว่า
ปชป.อาจโกงน้อยกว่าเหมือนเสรี วงศ์มณฑา พูด แต่สิ่งที่ ปชป.โกงมากที่สุดคือโกงเวลาและอนาคตของประเทศ คนอย่างชวน มาร์ค ไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาเชิงระบบ เชิงโครงสร้างอะไรเลย เมื่อได้อำนาจก็ตวัดลิ้นอยู่ไปวันๆ จนได้ชื่อว่าปลัดประเทศ
ท้ายที่สุด ก็ยังมาโกงอำนาจอีก
ผมทำข่าว+สัมภาษณ์นักการเมืองมาเยอะ กลับพบว่านักการเมืองรุ่นเก๋า เช่น บรรหาร, เสธหนั่น, เสนาะ เป็นนักการเมืองที่ "น่ารัก" ที่สุด เพราะคนพวกนี้ไม่ดัดจริต ไม่อวดอ้างเป็นคนดี ยอมรับกันตรงๆ (แม้พูดเปิดเผยไม่ได้) ว่าการเมืองต้องใช้เงิน ต้องหาเงิน ต้องหาพวก ต้องจัดสรรผลประโยชน์
นักการเมืองรุ่นนี้ยังมีความเป็น "นักเลงโบราณ" แบบ Godfather มีวาจาสัตย์ รับปากใคร คำไหนคำนั้น ไม่เคยเบี้ยว จึงมีเครดิตมีบารมีทางการเมือง นักการเมืองรุ่นต่อๆ มา ที่พยายามตามรอยเท้า เช่น สุเทพ, เนวิน, สุวัจน์ ยังไงก็เทียบไม่ติด
รัฐบาลชวนมีเสาหลักคือเสธหนั่น ชวนมีหน้าที่ลอยหน้าลอยตาสร้างภาพไป คนเจรจาต่อรอง จัดสรรอำนาจ ผลประโยชน์ คือเสธหนั่น ไม่ใช่คนใจนักเลงอย่างเสธหนั่น พรรคนี้ไม่มีทางเป็นใหญ่ได้
ผมเคยคุยกับสถาปนิกรายหนึ่ง อย่าให้เอ่ยชื่อ ก็ขึ้นเวทีนกหวีดนั่นแหละ คุยกันหลังไมค์ (ตอนนั้นด่าทักษิณ) เล่าว่าเอาเข้าจริง ยุคสมัยที่คอรัปชั่นน้อยที่สุดกลายเป็นยุคบรรหาร ผู้รับเหมาเป็นนายกฯ เอง มีการควบคุมอย่างดีที่สุด เป็นระบบ ผู้รับเหมาโคตรสบายใจ จ่าย 10% แล้วไม่มีตุกติกไม่มีจู้จี้จุกจิกเบี้ยบ้ายรายทางไถเล็กไถน้อย
อ้อ อันนี้วกกลับมาเปรียบเทียบก็ได้ มีคนดังอีกรายซึ่งด่าทั้งสองฝ่าย ตั้งข้อสังเกตให้ฟังว่า ปัญหาทุจริตในเพื่อไทยที่บานปลาย สาเหตุหนึ่งเพราะ "เจ๊" แม่-โง่ ทำมาหากินไม่เป็น นักการเมืองที่ฉลาดเขาเอา 10% แล้วยังไล่จี้ว่าห้ามไปเซ็งลี้ต่อจนเกินลิมิต ยังไงคุณภาพต้องออกมา 60-70% ไม่ใช่ตัวเองเอาแล้ว ไม่ใส่ใจ ที่เหลือใครปู้ยี่ปู้ยำยังไงก็ช่าง ทำแบบนั้นสุดท้ายก็เข้าเนื้อ
ผมเคยโดนเถ้าแก่เปลวส่งไปเดินตามบรรหารที่บึงฉวาก ตอนก่อสร้างปรับปรุงใหญ่ เอามาเขียนรายงานลงไทยโพสต์ พบว่าบรรหารโคตรน่ารักเลย มองมุมหนึ่งอาจเป็นนิสัยเถ้าแก่ จู้จี้จุกจิก แต่บรรหารรู้ทุกรายละเอียด จำแทบทุกตารางนิ้ว ไล่จี้ ตรงนั้นตรงนี้ ทุกอย่างในเมืองสุพรรณ บรรหารทำตัวเป็นเจ้าของจริงๆ ใส่ใจทุกอย่าง ไล่ตรวจข้าราชการทุกคน เราอาจนินทาว่าบรรหารผันงบเข้าสุพรรณ แต่บรรหารก็ทำให้งบทุกบาททุกสตางค์ได้ผลอย่างที่เห็น
คนเป็นนักข่าวที่อยู่กับนักการเมืองนานๆ ควรจะเห็นและเข้าใจทั้งสองด้าน ไม่ใช่มองเป็นขาวดำ ดีชั่ว ซึ่งมันไม่ใช่ธรรมชาติของนักการเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้