ตัว จขกท เอง เป็น นศ. ภาคพิเศษของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีศูนย์ใหญ่อยู่ที่ฉะเชิงเทรา เรียนในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ค่ะ
แต่เดิมก็มีอาจารย์บางท่านที่เอาการเมืองมาพูด แต่ก็ไม่แรงค่ะ พูดแบบอ้อมๆ แต่ก็รู้ว่าท่านเป็นฝ่ายไหน
แต่วันนี้ จขกท. ทนไม่ไหวค่ะ ในชั่วโมงภาษาอังกฤษ ซึ่งท่านอธิบายว่า ท่านกำลังสอนให้เห็นถึงคุณธรรมจริยธรรม
ในชั่วโมงภาษาอังกฤษ
อาจารย์ : ถ้าพวกคุณมีเงินอย่างนายก จะเป็นนายกไหม ถ้าเป็นอาจารย์นะไม่เป็นหรอกนั่งกินนอนกินอยู่บ้านใช้เงินดีกว่า
ดิฉัน (คิดในใจ) : อีกละ เอาเหอะคงไม่ยาวเบื่อการเมืองชะมัด
อาจารย์ : มีนายกก็โง่ ภาษาอังกฤษอ่านโพย บลาๆ ดูสิคำว่า thank you 3 time ยังอ่านออกเสียงมาเลยว่า thank you 3 time
(ความเป็นจริงมันต้องพูด thank you thank you thank you )
ดิฉัน : เงียบ ตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี นับ 1-10 ในใจ
อาจารย์ : ไม่เคยเห็นนายกที่ไหนโง่แบบนี้มาก่อน ขึ้นรถก็ให้ตก จนขาหัก ไม่รู้จะโง่ไปถึงไหน (จขกท.ฟังจำไม่ได้เท่าไรแต่ในหัวมีแต่คำว่า นายกโง่ๆ)
พูดไปถึงเรื่องการเมืองอีกต่างๆนาๆ
ดิฉัน (ตะบะแตกแล้ว) : อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตนะค่ะ ดิฉันคิดว่าการพูดเกี่ยวกับการเมืองในห้องเรียนมันไม่เหมาะสมค่ะ เพราะการเมืองมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในสังคมตอนนี้
อาจารย์ : ครูพยายามสอดแทรกจริยธรรม แล้วก็ยกตัวอย่างสิ่งใกล้ตัว เพื่อไม่ให้นักศึกษาเบื่อ
ดิฉัน : เงียบด้วยขี้เกียจสาวความยาว (ในห้อง กปปส. เยอะด้วยสิ เดี๋ยวคิดว่าตรูเป็นแดงละแย่เลยยิ่งสนับสนุนอาจารย์พูดอยู่)
สรุปคือ
1. จขกท. มีความเห็นว่า คุณจะยกตัวอย่างการใช้ภาษา คุณก็สามารถยกได้โดยไม่ต้องพาดพึงการเมือง เรียนกับอาจารย์สอนภาษาหลายท่านก็ไม่เคยเห็นยกการเมืองมาพูด
2. ถ้าจะสอดแทรกจริยธรรม ก็สามารถสอดแทรกเรื่องอื่นได้ที่ไม่ใช่การเมือง
3. ถ้าคุณอยากแสดงจุดยืนทางการเมือง คุณจะไปม๊อบก็เรื่องของคุณ แต่ในฐานะที่คุณเป็นอาจารย์ดิฉันเห็นว่าคุณควรเก็บจุดยืนส่วนตัวของคุณไว้จะดีกว่า
ดิฉันเขียนไม่ค่อยเก่งค่ะ แต่คิดว่ามันไม่สมควรจริงๆ
ครูอาจารย์ อย่าเอาเรื่องการเมือง มาผสมในการเรียนการสอนได้ไหมค่ะ
แต่เดิมก็มีอาจารย์บางท่านที่เอาการเมืองมาพูด แต่ก็ไม่แรงค่ะ พูดแบบอ้อมๆ แต่ก็รู้ว่าท่านเป็นฝ่ายไหน
แต่วันนี้ จขกท. ทนไม่ไหวค่ะ ในชั่วโมงภาษาอังกฤษ ซึ่งท่านอธิบายว่า ท่านกำลังสอนให้เห็นถึงคุณธรรมจริยธรรม
ในชั่วโมงภาษาอังกฤษ
อาจารย์ : ถ้าพวกคุณมีเงินอย่างนายก จะเป็นนายกไหม ถ้าเป็นอาจารย์นะไม่เป็นหรอกนั่งกินนอนกินอยู่บ้านใช้เงินดีกว่า
ดิฉัน (คิดในใจ) : อีกละ เอาเหอะคงไม่ยาวเบื่อการเมืองชะมัด
อาจารย์ : มีนายกก็โง่ ภาษาอังกฤษอ่านโพย บลาๆ ดูสิคำว่า thank you 3 time ยังอ่านออกเสียงมาเลยว่า thank you 3 time
(ความเป็นจริงมันต้องพูด thank you thank you thank you )
ดิฉัน : เงียบ ตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี นับ 1-10 ในใจ
อาจารย์ : ไม่เคยเห็นนายกที่ไหนโง่แบบนี้มาก่อน ขึ้นรถก็ให้ตก จนขาหัก ไม่รู้จะโง่ไปถึงไหน (จขกท.ฟังจำไม่ได้เท่าไรแต่ในหัวมีแต่คำว่า นายกโง่ๆ)
พูดไปถึงเรื่องการเมืองอีกต่างๆนาๆ
ดิฉัน (ตะบะแตกแล้ว) : อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตนะค่ะ ดิฉันคิดว่าการพูดเกี่ยวกับการเมืองในห้องเรียนมันไม่เหมาะสมค่ะ เพราะการเมืองมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในสังคมตอนนี้
อาจารย์ : ครูพยายามสอดแทรกจริยธรรม แล้วก็ยกตัวอย่างสิ่งใกล้ตัว เพื่อไม่ให้นักศึกษาเบื่อ
ดิฉัน : เงียบด้วยขี้เกียจสาวความยาว (ในห้อง กปปส. เยอะด้วยสิ เดี๋ยวคิดว่าตรูเป็นแดงละแย่เลยยิ่งสนับสนุนอาจารย์พูดอยู่)
สรุปคือ
1. จขกท. มีความเห็นว่า คุณจะยกตัวอย่างการใช้ภาษา คุณก็สามารถยกได้โดยไม่ต้องพาดพึงการเมือง เรียนกับอาจารย์สอนภาษาหลายท่านก็ไม่เคยเห็นยกการเมืองมาพูด
2. ถ้าจะสอดแทรกจริยธรรม ก็สามารถสอดแทรกเรื่องอื่นได้ที่ไม่ใช่การเมือง
3. ถ้าคุณอยากแสดงจุดยืนทางการเมือง คุณจะไปม๊อบก็เรื่องของคุณ แต่ในฐานะที่คุณเป็นอาจารย์ดิฉันเห็นว่าคุณควรเก็บจุดยืนส่วนตัวของคุณไว้จะดีกว่า
ดิฉันเขียนไม่ค่อยเก่งค่ะ แต่คิดว่ามันไม่สมควรจริงๆ