เพราะคิดน้อย "ภัทรธิดา"พ้อทำไรก็ผิด! ต้องติดแฮชแท็ก "แตงโมผู้คอมเม้นต์ใครไม่ได้"


แม้ในช่วงหลายเดือนมานี้ จะมีข่าวค(ร)าว ของ  แตงโม -ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ให้เห็นตามสื่อสังคมออนไลน์ แทบจะรายวัน ทั้งยังเป็นไปในด้านลบๆ เกี่ยวกับ วาจา กิริยา  และ ภาษา  ที่ดูไม่ค่อยจะโอเค กับหลายคนสักเท่าไหร่ ล่าสุด ก็กรณี ที่ไปแสดงความเห็นในอินสตาแกรมส่วนตัวของ โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล เกี่ยวกับชุดและสีผิว จนทำให้ถูกรุมจวกยับจากบรรดาแฟนคลังของโปอล์ หรือก่อนหน้านั้นก็กรณีที่ไปตำหนิ  เออาร์ คนที่ดูแล "โตโน่ -ภาคิน คำวิลัยศักดิ์" ผ่านไอจี  ทำให้ศิลปินในค่ายเอ็กแซคท์ และเดอะสตาร์หลายคนแสดงความไม่พอใจต่งขึ้นรูป ปกป้องเอาร์คนนั้น และอีกหลายๆกรณี ที่รุมเร้า ราวกับราหูแทรก


เมื่อนานๆทีออกงานอีเว้นท์อย่างเป็นจริงเป็นจัง บรรดาเหยี่ยวข่าว ก็คงต้องเข้าไปสอบถาม "แตงโม" เสียหน่อย เพราะไม่ไหวตามติดแค่แต่คำชี้แจงผ่านไอจี  โดยที่งาน “RICHDOG POOR DOG Season 4"  สยามเซ็นเตอร์ แตงโมก็เปิดประเด็นเคลียร์คำถาม เกี่ยวกับเรื่องอินสตาแกรมว่า   ถ้าในเรื่องของ เออาร์ คนที่ชื่อ "นิ"  ก็จบไปนานแล้ว   ไม่มีอะไร


" จริงๆ โมอาจจะคิดน้อยไปนิดนึง อันนี้ก็ต้องขอประทานอภัยจริงๆ บางทีโมมีความคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ยอมรับความจริงและขอโทษเป็น แต่บางทีสำหรับบางคนอาจจะไม่ได้คิดแบบโมก็ได้ คนเราไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะถนัดคุยแบบส่วนตัว บางคนถนัดคุยที่ไหนก็ได้ โมก็ดันใช้มาตรฐานของตัวเองไปคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง  ฉะนั้นเลยเกิดความผิดพลาดขึ้นมา โมจึงต้องขอโทษที่มันเป็นเรื่องราวที่ไม่ดีเกิดขึ้นมา"  นักแสดงสาว ฉายาฝีปากไร้ตะกร้อว่า  



ส่วนเมื่อเกิดเรื่องแล้ว มีผลกระทบกับงานของ โตโน่ หรือไม่ "แตงโม" ก็ตอบแบบมั่นๆ ว่า   ถ้าคนที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วรู้เรื่องราวจริงๆ จะรู้ว่ามันไม่มีอะไร  เคลียร์ทุกอย่างและจบไปแล้ว   และคนที่หาว่า  สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะดึงโตโน่ออกจากสังกัดจริงๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่มีการพูดว่า มีกระแสที่บอกว่าโมทำเพื่อสร้างกระแสเพื่อตัวเอง   ก็อยากจะบอกว่า   ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตก็ถูกจับให้ไปอยู่ในกระแสเองโดยอัตโนมัติ


แล้วเรื่องนี้มีผลกระทบทำให้แตงโมกับโตโน่ระหองระแหงกันมั้ย ?   นักแสดงสาว ก็ว่า   เรื่องที่งอนกัน มันคนละเรื่องกัน  แต่ฝ่ายชายไม่รู้ว่า ถูกงอนเรื่องอะไร   เรื่องอันฟอลโล่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ไม่ว่าจะงอนกับใครโมก็จะอันฟอลโล่   แต่ว่ามันจะมีหน่วยจับผิดอยู่แล้ว แต่พอเวลาดีกันก็มาฟอลโล่เหมือนเดิม


"ตอนนี้เราไม่ได้เลิกกันค่ะ ในเมื่อเราสองคนช่วยกันสร้างครอบครัวแล้ว การที่จะเลิกกันหรือแยกออกจากกันมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นพี่โน่ก็ได้ติติงโมแล้วว่าอย่าเอามาตรฐานของตัวเองไปเป็นตัววัดว่า เวลาจะทำอะไรบนไอจีแล้วจะต้องเป็นอย่างที่คิด เพราะคนอื่นอาจจะไม่ได้คิดเหมือนเราก็ได้ แล้วมันจะส่งกระทบที่ตามมาเป็นลูกโซ่ เพราะฉะนั้นก็อยากให้โมพิจารณาหลายๆ รอบก่อนที่จะลงอะไรในไอจี โมก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่หลายครั้งโมอาจจะคิดน้อย หลังจากนั้นโมก็ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาอย่างเร็วมาก”


ข้ามมาที่เรื่องของโอปอล์  จนเป็นประเด็นร้อน จากข้อความที่ไปเม้นท์ ว่า   “คนขาวใส่สีแดงยังไงก็ขึ้น”  ในอินสตาแกราของเขา จนมีคนเข้าไปต่อว่าจำนวนมากล่ะ?  


แตงโมก็เคลียร์ชัด ว่า   “เรื่องพี่โอปอล์เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ เหมือนอย่างโมกับพี่แซวกันเล่นๆ แต่อย่างที่บอกว่ามันจะมีหน่วยจับผิดหน่วยเหยียบย่ำอยู่แล้ว แต่ตัวโมกับพี่โอปอล์ไม่มีอะไรเลย คนที่เป็นเอามากและรู้สึกไม่เป็นสุขคือแฟนคลับของเราสองคน ซึ่งโมอยากจะบอกว่าไม่ต้องเป็นอะไร โมกับพี่โอปอล์รู้จักกันมาเป็นสิบปี โมเข้าวงการมาได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้จักพี่โอปอล์แล้ว ครั้งแรกที่รู้จักกันโมแซวกันแรงกว่านี้อีก ซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ถูกเกลียดมากขนาดนี้ แต่พอวันนี้โมมีครอบครัวโดยที่มีพื้นฐานจากคนที่ไม่เห็นด้วยเยอะ ฉะนั้นก็จะถูกจับตามองว่าอะไรๆ ก็จะผิดไปซะหมด อย่างที่พี่โอปอล์บอกว่าถ้าเป็นคนอื่นไปแซวพี่เขามันก็ไม่เป็นอะไร แต่พอเป็นโมก็จะผิดทุกเรื่อง โมคงต้องเป็นคนที่มีแฮชแท็กเป็นของตัวเองว่า "แตงโมผู้คอมเม้นต์ใครไม่ได้"


"ส่วนถ้าคนจะมองว่าแตงโมเป็นคนชอบคอมเม้นต์ระรานคนอื่น คำว่า "ระราน" คือคนที่ทะเลาะกันมีปัญหากันแล้วไม่จบ แต่โมไม่เคยมีปัญหากับใครเลย ฉะนั้นคำว่า "ระราน" ใช้กับกรณีแบบนี้ไม่ได้  โมเสียใจมากที่ทุกวันนี้ทำอะไรก็ผิดไปหมด เพราะรู้สึกว่าพอโมปรับปรุงให้ดีขึ้น แล้วก็ดีขึ้นในหลายๆ ด้านที่เห็นได้ชัดคือไอจีโมละเว้นเรื่องอื่นๆ ไปได้เยอะมาก เช่น เรื่องการเมือง โมเก็บมันเป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว รวมถึงเรื่องการใช้คำพูดที่สุภาพ แต่การที่โมโพสต์คุยกับเพื่อนของตัวเองมันเป็นเรื่องปกติ แต่คนกลับมองว่าโมเป็นจำเลยของสังคม โมก็ค่อนข้างเสียใจว่า ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่มีอะไร แต่ทำไมพอเป็นโมแล้วถึงได้ผิดไปทุกเรื่อง หรือว่าโมไม่ค่อยได้ออกงานเลยต้องมีข่าวเป็นกระแสออกมา เพื่อให้รู้สึกว่าโมทำอะไรไม่ได้ แต่ทั้งนี้เมื่อโมเริ่มใกล้ชิดกับศาสนามากขึ้น พอโมเป็นคริสเตียนที่ดี มารจะเริ่มทำงาน เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการถูกยัดเยียดให้เป็นจำเลยของสังคมหรืออะไรก็ตามถือว่าเป็นบททดสอบจากพระเจ้า"




ดาราสาว บอกอีกว่า    หลังจากมีข่าว โมพิมพ์ไปบอก โอปอล์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ดูสิเราสองคนทะเลาะกันโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย พี่ปอล์ก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากมันไม่อะไรเลย แกเอาเวลาไปเตรียมตัดชุดมางานแต่งงานชั้นดีกว่า อย่าคิดมาก เพราะชั้นรักแกเหมือนเดิม มันไม่มีอะไร งานแต่งของพี่โอปอล์ โมก็ต้องไปสิ ไม่ไปได้ยังไงคนรักกัน”


อีกเรื่องที่  ที่หลายคนสงสัย ที่แตงโมเขียนในไอจี ว่า "สามี" ทั้งที่บอกว่า คแหมั้นกับ"โตโน่"     อันนี้ เจ้าตัวก็ยืนยันว่า   " จริงๆ แล้วตั้งแต่มอบชีวิตเราให้พระเจ้าดูแล นั่นคือการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่แล้ว ส่วนว่าจะเรียกพี่โน่ว่าสามีได้เลยไหม แล้วแต่ใครจะเรียกค่ะ เพราะมันก็มีข้อที่ขัดแย้งกันอยู่คือประเพณีของชาวคริสเตียนเราใช้ได้ แต่คนไทยถ้ายังไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ใช้ไม่ได้ ฉะนั้นใครอยากเรียกอะไรก็เรียกเลยค่ะ แล้วแต่ หลังจากนี้ก็ลองติดตามโมดูเรื่องการโพสต์ไอจี  แล้วก็ย้อนไปอีกสักระยะหนึ่งประมาณหนึ่งเดือน  ลองดูได้เลยว่าตอนนี้โมเป็นคนใหม่แล้ว”


เคลียร์ชัดทุกคำถาม มีใครสงสัยประเด็นอะไรอีกไหม ???


ข่าวจาก  :  มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1396675822&grpid=&catid=08&subcatid=0801
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่