2 มิตซูบิชิ จะเป็นยี่ห้อที่ขึ้นต้นด้วยมิตซูบิชิเหมือนกัน เดิมเลยเกิดมาจากที่เดียวกัน เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นทั้งคู่ ปัจจุบันได้แตกแบรนด์ แตกธุรกิจ ทุกวันนี้คือคนละเจ้าของ คนละแบรนด์กันค่ะ ของ Mitsubishi Electric Mr.Slim คือของบริษัทฯกันยังวัฒนา เจ้าเดียวกับที่ทำพวกตู้เย็น พัดลม ปั๊มน้ำ พัดลมระบายอากาศ รุ่นท็อปจะเน้นดีไซน์ ที่มี3สี แดงดำขาว เหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนึง รุ่นนี้จะมีการปล่อยประจุไอออนสร้างอากาศบริสุทธิ์เหมือนธรรมชาติ ส่วนของ Mitsubishi Heavy Duty จะเป็นของบริษัทฯมหาจักรดีเวลอปเมนท์ เจ้าเดียวกับที่นำเข้าลำโพง JBL Denon หูฟัง Sure และอื่นๆค่ะ หลักๆ Heavy Duty จะทำแอร์อย่างเดียว แบรนด์นี้มีชื่อเรื่องเน้นส่งลมไกล เพราะมีใบพัดลมคอยล์เย็นที่ใหญ่ค่ะ มีปล่อยประจุไอออนสร้างอากาศบริสุทธิ์เหมือนธรรมชาติ ฟีเจอร์นี้มีเกือบทุกรุ่น บีทียูได้เต็ม และบางรุ่นได้เกิน เย็นฉ่ำ ถ้าเทียบคุณภาพ 2 แบรนด์นี้ พอๆกัน เรื่องวัสดุคอยล์ ของ Heavy Duty จะเป็นทองแดงทุกรุ่น ของ Electric Mr.Slim จะมีทั้งอลูมิเนียมและทองแดงค่ะ ถ้าเทียบเรื่องการรับประกัน ของ Heavy Duty จะประกันยาว 5 ปี ของ Electric Mr.Slim จะอยู่ที่ 1 ปี ค่ะ ส่วนคอมเพรสเซอร์ ประกัน 5 ปีเท่ากัน อยู่ที่ว่าชอบแบรนด์ไหน ถ้าเน้นทนๆอึดๆ Heavy Duty ก็ตอบโจทย์ค่ะ เพราะแบรนด์นี้กล้าเคลมว่าเปิด 24 ชม. 3ปี ไม่ปิด ก็ไม่มีปัญหาค่ะ (แต่อาจจะต้องมีการล้างแอร์ด้วยนะคะ) ที่มีชื่อเสียงในไทยรุ่นคุณพ่อคุณแม่ รุ่นผู้ใหญ่ก็นิยมของ Electric Mr.Slim ค่ะ เพราะเค้ามีหลายหมวดหมู่สินค้าและทนทานดีเกือบทุกหมวดหมู่ค่ะ มิตซูฯ2แบรนด์ดีทั้งคู่ค่ะ อะไหล่หาง่าย ศูนย์บริการดีพอๆกันค่ะ เรื่องดีไซน์ปัจจุบันก็ทันสมัยพอกัน ถ้าเป็นแอร์แบบติดผนัง ก็เป็นน้ำยารักษ์โลก R32 ทุกรุ่นค่ะ ถ้าเปรียบกับรถ เหมือนรถ Mercedez Benz และ BMW อยู่ที่ความชอบส่วนตัวค่ะ และนอกเหนือจาก2แบรนด์นี้ ก็มีแบรนด์อื่นๆอีกหลายแบรนด์ ที่คุณภาพสามารถเทียบได้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นสัญชาติเดียวกัน แบรนด์อเมริกา แบรนด์เกาหลี แบรนด์ไทย และแบรนด์มาแรงราคาไม่สูงสเป็คดีอย่างพี่จีนอีกด้วยนะคะ
.
ส่วนเรื่องคอยล์ทองแดง จะมีข้อดีเรื่อง เป็นวัสดุโลหะที่ทนทานต่อการกัดกร่อน ทนต่อพวกกรดเกลือ ไอเค็ม น้ำเน่า ดีต่อสถานที่ที่ติดริมทะเล เกาะต่างๆ เช่นพัทยา ภูเก็ต หรือพื้นที่ริมคลอง ส่วนคอยล์อลูมิเนียม จะมีข้อดีในแง่ของการระบายความร้อนได้ดี เดี๋ยวนี้ในยุโรปหรือต่างประเทศส่วนใหญ่ในโลก ประมาณ 90% จะนิยมใช้คอยล์อลูมิเนียมกันค่ะ คือถ้าผู้ใช้งานไม่ได้ใกล้กรดเกลือ ไอเค็ม น้ำเน่า ก็ใช้ได้ทั้ง 2 แบบ แต่ถ้าใกล้ ก็แนะนำเป็นแบบคอยล์ทองแดงค่ะ โอกาสรั่วจะน้อยกว่า แต่จริงๆแล้วทุกวันนี้ คอยล์อลูมิเนียมถูกพัฒนาขึ้น ให้คุณสมบัติสู้ทองแดงได้แล้วค่ะ เพราะมีการเคลือบสารต่างๆเพิ่มความทนทานมากขึ้นค่ะ ต้องลองพิจารณาดูว่าชอบรุ่นไหนที่เหมาะสมกับบ้านเรานะคะ
.
TeddyAir