สืบเนื่องจากเมื่อวานเข้าไปหาเพลงอกหักฟังใน youtube แล้วก็บังเอิญไปเจอ
เพลงชื่อประหลาดๆ เหมือนภาษาอินเดีย พอกดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นเพลงใหม่
ของ Bodyslam (เป็นวงร็อคไม่กี่วงที่ชอบมากมาตั้งนานแล้วจนยอมควักเงินซื้อ CD)
ฟังเพลง (ดัม-มะ-ชา-ติ) รอบแรก ไม่เข้าใจเลย (คิดว่าน่าจะมีคนอื่นเป็นเหมือนกัน)
แต่ก็พยายามคิดในแง่บวกว่า อื้ม.. วงร็อคอันดับ 1 แถมยังแต่งเพลงแนวให้กำลังใจ
มาตลอด เขาต้องมีดีสิ ก็เลยลองพยายามตั้งใจฟังเพลงนี้ดูใหม่อีกรอบ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
ฟังรอบสามก็ยังไม่เข้าใจ
'ความจริงจากฟ้า ขีดไว้ให้โลกสวยงาม' อะไรวะ ??
โดยเฉพาะท่อน 'กระต่ายบนฟ้าแสนไกล' อารมณ์ฟังครั้งแรกรู้สึกประมาณว่า
อื้ม.. พี่ตูนเขียนท่อนนี้ตอนกำลังโด๊บอะไรสักอย่างจนเห็นภาพหลอนอยู่รึเปล่านะ
ถึงฟังไม่เข้าใจแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เนื่องจากเชื่อมั่นในมาตรฐานของ Bodyslam
แต่งเพลงเนื้อหาดีมาตลอด เพลงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพลงมั่วๆ ก็เลยลองตั้งใจ
อ่านเนื้อหาดู ถึงเริ่มเข้าใจ..
จขกท. ตีความออกมาได้ประมาณข้างล่างค่ะ อยากทราบความเห็นของท่านอื่นใน pantip ว่า รู้สึกเหมือนหรือต่างกันยังไง
ท่อนแรก
'แกร่งดังเช่นภูผา ใหญ่และสูงเสียดฟ้า หนึ่งชีวิตคือธรรมดา'
เข้าใจว่าเป็นปรัชญา หมายถึงคนไม่ว่าจะมีอำนาจ มีอิทธิพล ร่ำรวย หรือมีชื่อเสียงสูงส่งแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วก็แค่คนๆ นึงที่เหมือนกับคนอื่นๆ
ส่วนท่อนต่อมา
'กี่รอยแผลยินดีรับมา ในคราที่โลกโหดร้าย ไม่หลีกหนีไปไหน ไม่เคยคิดหวั่นไหว ตระหง่านไว้ให้ใครได้ชื่นชม หนึ่งชีวิตท่ามกลางคลื่นลม มีปะปนดีร้าย'
เข้าใจว่าเป็นการพยายามให้กำลังใจตัวเองว่าถึงดวงจะตก เจอคราวเคราะห์ก็จะสู้ เผชิญหน้ากับมัน ไม่สิ้นหวังหรือยอมแพ้ง่ายๆ ให้คนอื่นเขาได้ชื่นชมในความเป็นคนสู้ชีวิตของเรา
ท่อนต่อมา
'แต่งเติมสีและสัน ด้วยห่าฝนจากฟ้า แต่งขอบผาด้วยไฟของเมฆดำ เปรียบพายุที่โหมกระหน่ำ ดังปลายพู่กันสั่นไหว'
น่าจะหมายถึงเก็บประสบการณ์ความผิดหวัง ความล้มเหลว ยามเคราะห์ร้ายในชีวิตมาเป็นบทเรียนเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกหรือสังคมมั้ง -- น่าจะทำนองเดียวกับนักวาดภาพบางคนที่เขียนภาพโดยอาศัยความหดหู่สิ้นหวังในใจตัวเองเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือนักแต่งเพลงที่เอาประสบการณ์อกหักหรือเคยถูกทิ้งมาเขียนเพลงรัก หรือนักเขียนที่เอาชีวิตที่เคยผ่านความทุกข์ยากหรือความขมขื่นในอดีตของตัวเองมาเขียนหนังสือ
เข้าใจว่า 'ห่าฝนจากฟ้า' น่าจะหมายถึงอุปสรรคหรือโชคชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วน 'ไฟของเมฆดำ' เข้าใจว่าหมายถึงฟ้าผ่า ซึ่งก็ถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน
'ความโหดร้ายวันนี้ เจ็บและช้ำคราวนี้
กอดเก็บไว้และจำให้ขึ้นใจ
เหมือนดั่งวันไหน ที่เคยสวมกอด วันที่แสนงดงาม'
ท่อนนี้ดูจะตีความไม่ยากเท่าไหร่
คราวเคราะห์ร้ายดวงตกก็ยินดีอ้าแขนรับมัน เผชิญหน้ากับมันเช่นเดียวกับวันดีๆ หรือคราวโชคเข้าข้าง
'ความจริงจากฟ้า ขีดไว้ให้โลกสวยงาม'
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะทำยังไงก็มองเป็นความ 'สวยงาม' ไม่ได้
สงสัยตัวเองจะอายุน้อยอยู่ ยังผ่านความทุกข์ยากหรือประสบการณ์ชีวิตมาไม่เยอะ
'เศษส่วนภูผาที่โดนกัดกร่อน มันยังคงสอนใจ'
ประสบการณ์เลวร้ายในอดีต ปัจจุบันก็ยังใช้เป็นบทเรียนสอนใจตัวเราได้อยู่
'ยามค่ำคืนท้องฟ้ามีดวงจันทรางดงามสดใส
กี่รอยแผลที่เคย ถูกก้อนหินทำลาย
บาดรอยลึกเกิดเป็นทางกว้างใหญ่ให้เห็น
กระต่ายบนฟ้าแสนไกล'
เป็นท่อนที่ต้องใช้จินตนาการในการตีความสูงมากกก 55
เข้าใจว่าดวงจันทร์น่าจะเป็นการเปรียบถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่างดารา ศิลปิน หรือคนที่ประสบความสำเร็จจนได้ขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าของสังคม (ซึ่งสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป) พวกเขาเองก็เคยผ่านความทุกข์ยาก ความล้มเหลว เคยเผชิญหน้ากับชะตาชีวิตที่โหดร้ายมาแล้ว และสิ่งเหล่านี้เราเอามาเป็นบทเรียนให้แก่ชีวิตตัวเองได้
การนั่งอ่านหนังสือหรือฟังประวัติชีวิตของบุคคลที่เคยผ่านการสู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จแล้วก็เหมือนกับการแหงนหน้าขึ้นมองกระต่ายบนดวงจันทร์ ซึ่งเราได้แต่ดูและทำความเข้าใจอยู่ห่างๆ ไม่อาจเอื้อมเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ ได้
หมายเหตุ** กระต่ายบนดวงจันทร์ เกิดจากดวงจันทร์มีพื้นผิวที่ 'ขรุขระ' มาก พอแสงจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวดวงจันทร์แล้วสะท้อนเข้าตาคนที่อยู่บนโลกก็ทำให้เกิดภาพต่างๆ
พื้นผิวที่ขรุขระ เกิดขึ้นได้ด้วยพายุ ฝนฟ้า ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว ถ้าเปรียบกับชีวิตคนก็คือโชคชะตาเลวร้ายที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนท่อนหลังๆ เป็นท่อนที่เข้าใจง่ายสุด ฟังครั้งแรกก็เข้าใจเลย
อื้ม.. รู้สึกเหมือนกำลังตีความงานศิลปะอยู่เลยแฮะ
ท่านอื่นเข้าใจว่ายังไงกันบ้างคะ
เพลง (ดัม-มะ-ชา-ติ) dharmajāti ของ Bodyslam ทุกท่านในนี้เข้าใจเนื้อหาว่ายังไงคะ
เพลงชื่อประหลาดๆ เหมือนภาษาอินเดีย พอกดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นเพลงใหม่
ของ Bodyslam (เป็นวงร็อคไม่กี่วงที่ชอบมากมาตั้งนานแล้วจนยอมควักเงินซื้อ CD)
ฟังเพลง (ดัม-มะ-ชา-ติ) รอบแรก ไม่เข้าใจเลย (คิดว่าน่าจะมีคนอื่นเป็นเหมือนกัน)
แต่ก็พยายามคิดในแง่บวกว่า อื้ม.. วงร็อคอันดับ 1 แถมยังแต่งเพลงแนวให้กำลังใจ
มาตลอด เขาต้องมีดีสิ ก็เลยลองพยายามตั้งใจฟังเพลงนี้ดูใหม่อีกรอบ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
ฟังรอบสามก็ยังไม่เข้าใจ
'ความจริงจากฟ้า ขีดไว้ให้โลกสวยงาม' อะไรวะ ??
โดยเฉพาะท่อน 'กระต่ายบนฟ้าแสนไกล' อารมณ์ฟังครั้งแรกรู้สึกประมาณว่า
อื้ม.. พี่ตูนเขียนท่อนนี้ตอนกำลังโด๊บอะไรสักอย่างจนเห็นภาพหลอนอยู่รึเปล่านะ
ถึงฟังไม่เข้าใจแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เนื่องจากเชื่อมั่นในมาตรฐานของ Bodyslam
แต่งเพลงเนื้อหาดีมาตลอด เพลงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพลงมั่วๆ ก็เลยลองตั้งใจ
อ่านเนื้อหาดู ถึงเริ่มเข้าใจ..
จขกท. ตีความออกมาได้ประมาณข้างล่างค่ะ อยากทราบความเห็นของท่านอื่นใน pantip ว่า รู้สึกเหมือนหรือต่างกันยังไง
ท่อนแรก
'แกร่งดังเช่นภูผา ใหญ่และสูงเสียดฟ้า หนึ่งชีวิตคือธรรมดา'
เข้าใจว่าเป็นปรัชญา หมายถึงคนไม่ว่าจะมีอำนาจ มีอิทธิพล ร่ำรวย หรือมีชื่อเสียงสูงส่งแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วก็แค่คนๆ นึงที่เหมือนกับคนอื่นๆ
ส่วนท่อนต่อมา
'กี่รอยแผลยินดีรับมา ในคราที่โลกโหดร้าย ไม่หลีกหนีไปไหน ไม่เคยคิดหวั่นไหว ตระหง่านไว้ให้ใครได้ชื่นชม หนึ่งชีวิตท่ามกลางคลื่นลม มีปะปนดีร้าย'
เข้าใจว่าเป็นการพยายามให้กำลังใจตัวเองว่าถึงดวงจะตก เจอคราวเคราะห์ก็จะสู้ เผชิญหน้ากับมัน ไม่สิ้นหวังหรือยอมแพ้ง่ายๆ ให้คนอื่นเขาได้ชื่นชมในความเป็นคนสู้ชีวิตของเรา
ท่อนต่อมา
'แต่งเติมสีและสัน ด้วยห่าฝนจากฟ้า แต่งขอบผาด้วยไฟของเมฆดำ เปรียบพายุที่โหมกระหน่ำ ดังปลายพู่กันสั่นไหว'
น่าจะหมายถึงเก็บประสบการณ์ความผิดหวัง ความล้มเหลว ยามเคราะห์ร้ายในชีวิตมาเป็นบทเรียนเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกหรือสังคมมั้ง -- น่าจะทำนองเดียวกับนักวาดภาพบางคนที่เขียนภาพโดยอาศัยความหดหู่สิ้นหวังในใจตัวเองเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือนักแต่งเพลงที่เอาประสบการณ์อกหักหรือเคยถูกทิ้งมาเขียนเพลงรัก หรือนักเขียนที่เอาชีวิตที่เคยผ่านความทุกข์ยากหรือความขมขื่นในอดีตของตัวเองมาเขียนหนังสือ
เข้าใจว่า 'ห่าฝนจากฟ้า' น่าจะหมายถึงอุปสรรคหรือโชคชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วน 'ไฟของเมฆดำ' เข้าใจว่าหมายถึงฟ้าผ่า ซึ่งก็ถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน
'ความโหดร้ายวันนี้ เจ็บและช้ำคราวนี้
กอดเก็บไว้และจำให้ขึ้นใจ
เหมือนดั่งวันไหน ที่เคยสวมกอด วันที่แสนงดงาม'
ท่อนนี้ดูจะตีความไม่ยากเท่าไหร่
คราวเคราะห์ร้ายดวงตกก็ยินดีอ้าแขนรับมัน เผชิญหน้ากับมันเช่นเดียวกับวันดีๆ หรือคราวโชคเข้าข้าง
'ความจริงจากฟ้า ขีดไว้ให้โลกสวยงาม'
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะทำยังไงก็มองเป็นความ 'สวยงาม' ไม่ได้
สงสัยตัวเองจะอายุน้อยอยู่ ยังผ่านความทุกข์ยากหรือประสบการณ์ชีวิตมาไม่เยอะ
'เศษส่วนภูผาที่โดนกัดกร่อน มันยังคงสอนใจ'
ประสบการณ์เลวร้ายในอดีต ปัจจุบันก็ยังใช้เป็นบทเรียนสอนใจตัวเราได้อยู่
'ยามค่ำคืนท้องฟ้ามีดวงจันทรางดงามสดใส
กี่รอยแผลที่เคย ถูกก้อนหินทำลาย
บาดรอยลึกเกิดเป็นทางกว้างใหญ่ให้เห็น
กระต่ายบนฟ้าแสนไกล'
เป็นท่อนที่ต้องใช้จินตนาการในการตีความสูงมากกก 55
เข้าใจว่าดวงจันทร์น่าจะเป็นการเปรียบถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่างดารา ศิลปิน หรือคนที่ประสบความสำเร็จจนได้ขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าของสังคม (ซึ่งสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป) พวกเขาเองก็เคยผ่านความทุกข์ยาก ความล้มเหลว เคยเผชิญหน้ากับชะตาชีวิตที่โหดร้ายมาแล้ว และสิ่งเหล่านี้เราเอามาเป็นบทเรียนให้แก่ชีวิตตัวเองได้
การนั่งอ่านหนังสือหรือฟังประวัติชีวิตของบุคคลที่เคยผ่านการสู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จแล้วก็เหมือนกับการแหงนหน้าขึ้นมองกระต่ายบนดวงจันทร์ ซึ่งเราได้แต่ดูและทำความเข้าใจอยู่ห่างๆ ไม่อาจเอื้อมเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ ได้
หมายเหตุ** กระต่ายบนดวงจันทร์ เกิดจากดวงจันทร์มีพื้นผิวที่ 'ขรุขระ' มาก พอแสงจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวดวงจันทร์แล้วสะท้อนเข้าตาคนที่อยู่บนโลกก็ทำให้เกิดภาพต่างๆ
พื้นผิวที่ขรุขระ เกิดขึ้นได้ด้วยพายุ ฝนฟ้า ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว ถ้าเปรียบกับชีวิตคนก็คือโชคชะตาเลวร้ายที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนท่อนหลังๆ เป็นท่อนที่เข้าใจง่ายสุด ฟังครั้งแรกก็เข้าใจเลย
อื้ม.. รู้สึกเหมือนกำลังตีความงานศิลปะอยู่เลยแฮะ
ท่านอื่นเข้าใจว่ายังไงกันบ้างคะ