(3 เม.ย.) จากกรณีมีผู้โพสต์รูปอนาจารและคลิปฉาวผ่านทางสังคมออนไลน์ พร้อมทั้งอ้างว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง และถูกฝ่ายชายหลอกลวง ล่าสุด นายกนก นำเอกสารหลักฐานอาทิ ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เข้าแจ้งความกับพันตำรวจเอกสมพร แดงดี รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.
ทั้งนี้นายกนก ได้เล่าว่าภาพนิ่งดังกล่าวเป็นภาพมีผู้ไม่หวังตัดต่อและนำมาเผยแพร่กว่า 2 เดือนแล้ว ก่อนที่จะมีการส่งต่อกันอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนคลิปวีดีโอนั้นไม่แน่ใจว่าเป็นตนเองหรือไม่ เพราะมีลักษณะคล้ายตนเองมาก ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากมีผู้ต้องการดิสเครดิตตนเอง จากการที่ตนได้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร และเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ วิชาชีพสื่อมวลชนที่ทำอยู่ จึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการหยุดทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่การยอมรับผิด ส่วนทางต้นสังกัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
นอกจากนี้นายกนก ฝากไปถึงคนที่โพสต์ภาพและคลิปให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว และยืนยันว่าหากมีผู้ใดมีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองใช้วิชาชีพสื่อมวลชน ไปหลอกหรือทำมิดีมิร้ายผู้หญิง จะขอลาออกจากการเป็นสื่อมวลชนตลอดชีวิต
ขณะที่พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำนายกนก อย่างละเอียด ก่อนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด ส่วนกรณีที่มีผู้ใช้ไอดีโปรแกรมแชทไลน์ ชื่อและภาพเดียวกันกับของนายกนก พิมพ์ข้อความโต้ตอบกับผู้หญิงด้วยถ้อยคำหยาบคายนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบต่อไป
“กนก รัตน์วงศ์สกุล“ แจ้งความถูกตัดต่อ ประกาศหยุดทำหน้าที่สื่อ 1 เดือน
ทั้งนี้นายกนก ได้เล่าว่าภาพนิ่งดังกล่าวเป็นภาพมีผู้ไม่หวังตัดต่อและนำมาเผยแพร่กว่า 2 เดือนแล้ว ก่อนที่จะมีการส่งต่อกันอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนคลิปวีดีโอนั้นไม่แน่ใจว่าเป็นตนเองหรือไม่ เพราะมีลักษณะคล้ายตนเองมาก ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากมีผู้ต้องการดิสเครดิตตนเอง จากการที่ตนได้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร และเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ วิชาชีพสื่อมวลชนที่ทำอยู่ จึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการหยุดทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่การยอมรับผิด ส่วนทางต้นสังกัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
นอกจากนี้นายกนก ฝากไปถึงคนที่โพสต์ภาพและคลิปให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว และยืนยันว่าหากมีผู้ใดมีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองใช้วิชาชีพสื่อมวลชน ไปหลอกหรือทำมิดีมิร้ายผู้หญิง จะขอลาออกจากการเป็นสื่อมวลชนตลอดชีวิต
ขณะที่พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำนายกนก อย่างละเอียด ก่อนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด ส่วนกรณีที่มีผู้ใช้ไอดีโปรแกรมแชทไลน์ ชื่อและภาพเดียวกันกับของนายกนก พิมพ์ข้อความโต้ตอบกับผู้หญิงด้วยถ้อยคำหยาบคายนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบต่อไป