เข้าสู่ช่วงเทศกาลจับคนไปเกณฑ์ทหารแล้วนะคะ เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดความเป็นไพร่มาได้ร้อยกว่าปีแล้วค่ะ
ที่ทุกคนต้องถูก "เกณฑ์" ไปรับใช้อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ดิฉันไม่เห็นถึง
ความสมเหตุสมผล ใดที่จะคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารค่ะ
ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหารที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ค่ะ
เมื่อมีฝั่งที่ไม่เห็นด้วย แน่นอนก็ต้องมีฟังที่เห็นแย้งขึ้นมา และในบรรดาเหล่าผู้สนับสนุนการเกณฑ์ทหารมักใช้เหตุผลข้างล่างนี้
มาเพื่อสนับสนุน ซึ่งดิฉันอ่านแล้วก็รู้สึกเพลียค่ะ เอาเป็นว่าความเพลียของดิฉันก็มีความคิดเห็นรองรับดังนี้ค่ะ
1. เป็นทหารแล้วได้ระเบียบวินัย ได้ประสบการณ์
- ดิฉันก็เห็นฝึกระเบียบวินัยมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมกอกาแล้วนะคะ จนอยู่มหาวิทยาลัยก็ยังบังคับให้แต่งกายตามระเบียบ
แถมยังมีโซตัสฝึกวินัยกันอยู่เลยนิคะ สรุปประเทศนี้จะฝึกวินัยกันอีกแค่ไหนถึงจะพอคะ
ดิฉันมองว่าการอ้างแบบนี้มัน "เผือก" ค่ะ คือเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไม่ใช่หรือคะที่จะอยากจะฝึก
หรืออยากจะได้รับประสบการณ์อะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไปยัดเยียดหรือยกให้ ทำไมต้องฝึกคะ?
ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร สังคมก็มีวินัยค่ะ ถ้าคุณเคารพกฏหมาย
อีกอย่างนะคะถ้าแบบนั้นควรเป็นผู้หญิงเอย สตรีข้ามเพศเอย
ควรไปฝึกด้วยค่ะ เรื่องวินัยเป็นเรื่องปัจเจกโอเคนะคะ
2. ในค่ายทหารไม่มีละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่มีการลดทอนความเป็นมนุษย์
- เรื่องการปฏิบัติตามคำสั่งดิฉันพอรับได้นะคะในขอบเขตหนึ่ง เข้าใจว่าคือ "ทหาร" ที่ต้องทำตามผู้บังคับบัญชา
แต่การฝึกที่
ละเมิดสิทธิและเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ มันมีอยู่ค่ะเรื่องเกิดกับญาติดิฉันใกล้ตัวเลยค่ะ
ไปเกณฑ์ทหารเพราะพ่อบังคับไป ไปฝึกอยู่ในค่ายทนความลำบาก เจอเพื่อนต่างฐานะต่างวัฒนธรรม โอเคอยู่ร่วมกันได้ค่ะ
แต่ที่เขารับไม่ได้มากๆคือ การฝึกที่ทุเรศเช่น
ให้ช่วยตัวเองและผลัดกันดมสเปิร์มบ้าง หรือการลงโทษที่ทุเรศเช่น ให้ทำท่ามีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนพลทหาร
ไม่รู้สนองตัณหาเซ็กซ์ของครูฝึกหรืออย่างไร? หรือจะเผื่อไว้โดนข้าศึกเวลาถูกจับเป็นเชลย
ไหนจะอาหารการกินก็แสนจะรันทด กับข้าวน้อยนิดทุกมื้อ
คือเลี้ยงดีๆบ้างก็ได้ค่ะ ทำงานเพื่อชาตินิคะ ไอ้อดก็เอาไว้ฝึกชั่วครั้งชั่วคราวเถอะค่ะ
3. เป็นเรื่องของความมั่นคง ไม่มีทหารเกณฑ์ชาติไม่ล่มหรือ
- สมัยนี้ยังขี่ช้าง ถือหอก แกว่งดาบรบอยู่หรือคะ คุณก็เปลี่ยนทหารเกณฑ์ให้เป็น "ทหารอาชีพ" สิคะ
ใครอยากเป็นทหารก็มาเลยมาสมัคร พร้อมกับ "เงินเดือน" ที่สูงขึ้น อาจจะได้จำนวนทหารที่น้อยลงแต่ก็ไม่น้อยมากอย่างมีนัยสำคัญหรอกค่ะ
อีกอย่างเราจะได้ทหารอาชีพที่มีคุณภาพจริงๆ มาใช้งาน ไม่ใช่มีแต่ปริมาณ
และถ้าเกิดสงครามมันจะกระชั้นชิดจริง ยังไงก็มีเวลาเตรียมตัวค่ะ ยุคนานาชาติมีส่วนร่วม ยุคสงครามเงินตราแบบนี้
ไม่เกิดแบบหงสาวดียกทัพบุกอโยธยาอหรอกค่ะ คุณคะ
จะบอกให้นะคะว่างบทหารบ้านเราสูงมากค่ะ ไม่ใช่น้อยเลยๆ อันดับ 20 กว่าของโลกด้วยซ้ำ
และถ้าไปเปิดดูงบทหารย้อนหลังก็มีอัตราพุ่งสูงขึ้นอย่างมากหลังจาก รปห. 49
(และจากเว็บหนึ่งดิฉันจำไม่ได้มีการใช้งบทหารถึง 1.1 ล้านล้านบาท ภายในสิบปี)
และอีกอย่างนะคะชาติเรา
ไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามหรือใกล้เคียงสงครามค่ะ ที่ต้องใช้ทหารแบบนี้
4. ไม่เคยเป็นทหารมาก่อน อย่าพูด ไม่รู้จริง
- ค่ะ อนาคตดิฉันต้องลงไปเตะบอลด้วย ไม่งั้นจะวิจารณ์บอลไม่ได้นะคะ เอาจริงแล้วดิฉันคิดว่าคนที่ไปเป็นทหารมาจริงๆ
อาจมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
น้อยกว่าด้วยค่ะ เพราะคุณเข้าไปอยู่ในระบบโดน
"ล้างสมอง"
ถูกใส่ข้อมูลให้มีสำนึกแบบทหาร ย่อมที่จะเชื่อถือในสิ่งนั้นเป็นสำคัญอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นไม่ว่าจะเคยเป็นทหารหรือไม่เคยเป็น
การพูดคุย ถกเถียงจะให้ข้อมูลที่แน่นอนกว่าค่ะ
อีกอย่างนะคะ ญาติดิฉันที่อ้างถึงข้างต้น ออกมาก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างนอกจากผิวที่ดำเกรียมและหุ่นที่เพรียวขึ้น
ประหยัดค่าฟิตเนสได้หลายหมื่นเลยค่ะ
5. เป็นแล้วสนุกออก
- ค่ะ ใครอยากเป็นไปก็เป็นค่ะ ไม่ใช่คุณสนุกแล้วคนอื่นจะสนุก หรือต่อให้ไม่สนุกคุณก็ต้องปรับตัวไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้และมีปัญหาสภาพจิตอีก
6. คนไม่อยากเกณฑ์เป็นพวกรักสบาย
- คนไม่อยากเกณฑ์เยอะนะคะ รด. นี่ก็กี่แสนนายทั่วประเทศแล้วคะ อย่างที่บอกข้างต้น
คนจะรักสบายหรือไม่ ไม่ได้หมายความว่าเขา "ขาดวินัย" หรือ "ใช้ชีวิตไม่เป็น"
ดิฉันเป็นคนรักสบายค่ะ แต่ก็มีความสามารถ มีระเบียบวินัย(บ้าง) กฏหมายก็ให้ความเคารพ ช่วยพัฒนาชาติได้เท่าที่ช่วยไม่ว่าจะจ่ายภาษี
บริจาคเงิน แต่ไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหาร ถ้าดิฉันเป็นผู้ชายดิฉันจะถูกกล่าวหาว่ารักสบายไม่รักชาติไหมคะ
7. เป็นหน้าที่ตามกฏหมาย
- กฏหมายที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสม ตามยุคสมัย สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้ค่ะ โดยผ่านการถกเถียงจากสังคมนี่แหล่ะ
จากนั้นก็เป็นขั้นตอนต่อไปไม่ว่าจะประชาชนส่วนใหญ่ออกมาเรียกร้องหรือผ่านทางระบบรัฐสภาค่ะ
---
ส่วนเหตุผลของดิฉันที่
คัดค้านการเกณฑ์ทหารเลย มีดังนี้คะ
1.
บ้านเมืองเราไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม อย่าง เกาหลี ที่ต้องบังคับทุกคนไปรับใช้ชาติ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปเกณฑ์ทหาร
หรือต่อให้มีขึ้นก็สามารถระดมพลได้ทัน ไหนจะความช่วยเหลือจากนานาชาติ และที่สำคัญก็เปลี่ยนการเกณฑ์เป็น "ทหารอาชีพ" ค่ะ
2. สำคัญที่สุดคือมัน
ละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างร้ายแรง เมื่อเหตุผลเป็นไปตามข้อที่ 1 แล้วข้อที่ 2 ย่อมสำคัญมากๆค่ะ
บางคนอาจจะอ้างว่า เรียกร้องสิทธิ แต่ไม่รู้จักหน้าที่ ขยายความด้วยค่ะว่า หน้าที่นี้คืออะไรคะ?
ถ้าประเทศชาติจะ

วายป่วงตอนนี้ ดิฉันเชื่อว่าคนเป็นล้านพร้อมออกไปสู้รบค่ะ
แต่หน้าที่นี้ยังไม่เกิดค่ะ และสามารถป้องกันได้ตามข้อ 1
3. การเกณฑ์ทหารสร้างความลำบากให้กับคนหลายคน ซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังสร้างตัวและเลี้ยงดูพ่อแม่
4. การรับใช้ชาติไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเกณฑ์ทหารค่ะ
ยังมีอีกหลายข้อค่ะ แต่ที่สำคัญจริงๆคือข้อ 1 และ ข้อ 2
---
ข้อเสนอจากดิฉัน
1. ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร (แต่ไม่ได้ยกเลิกอาชีพทหาร ให้เปลี่ยนวิธีให้สอดคล้องกับยุคสมัยและความจำเป็น)
2. อาจเปลี่ยนให้ "ทุกคน" ไปรับใช้สาธารณะประโยชน์ เป็นระยะเวลา 2 ปี ปีละ 50 ชั่วโมง (เวลาสมมติ) เช่น การทำงานมูลนิธิ การไปสอนหนังสือโรงเรียนกันดาร เป็นต้น (แต่ข้อนี้ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยนักหรอกค่ะ)
3. เปิดรับสมัครทหารอาชีพ เพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้น มีสวัสดิการที่ดี เพื่อดึงดูดคนให้เข้ารับใช้ชาติ และทหารอาชีพไม่ควรตันที่แค่ทหารชั้นประทวน สามารถไปเป็นชั้นสัญญาบัตรได้ (เอาจริงแล้วอยากให้ยุบโรงเรียนเตรียมทหารค่ะ แล้วมาเริ่มตรงนี้กันทุกคน)
---
แต่ก็คงยากล่ะมั้งคะ ที่จะเลิก เพราะ งบประมาณเยอะ
ดิฉันรู้สึกเพลียกับการเกณฑ์ทหารและบางเหตุผลที่สนับสนุนมากๆค่ะ
ที่ทุกคนต้องถูก "เกณฑ์" ไปรับใช้อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ดิฉันไม่เห็นถึง ความสมเหตุสมผล ใดที่จะคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารค่ะ
ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหารที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ค่ะ
เมื่อมีฝั่งที่ไม่เห็นด้วย แน่นอนก็ต้องมีฟังที่เห็นแย้งขึ้นมา และในบรรดาเหล่าผู้สนับสนุนการเกณฑ์ทหารมักใช้เหตุผลข้างล่างนี้
มาเพื่อสนับสนุน ซึ่งดิฉันอ่านแล้วก็รู้สึกเพลียค่ะ เอาเป็นว่าความเพลียของดิฉันก็มีความคิดเห็นรองรับดังนี้ค่ะ
1. เป็นทหารแล้วได้ระเบียบวินัย ได้ประสบการณ์
- ดิฉันก็เห็นฝึกระเบียบวินัยมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมกอกาแล้วนะคะ จนอยู่มหาวิทยาลัยก็ยังบังคับให้แต่งกายตามระเบียบ
แถมยังมีโซตัสฝึกวินัยกันอยู่เลยนิคะ สรุปประเทศนี้จะฝึกวินัยกันอีกแค่ไหนถึงจะพอคะ
ดิฉันมองว่าการอ้างแบบนี้มัน "เผือก" ค่ะ คือเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไม่ใช่หรือคะที่จะอยากจะฝึก
หรืออยากจะได้รับประสบการณ์อะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไปยัดเยียดหรือยกให้ ทำไมต้องฝึกคะ?
ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร สังคมก็มีวินัยค่ะ ถ้าคุณเคารพกฏหมาย
อีกอย่างนะคะถ้าแบบนั้นควรเป็นผู้หญิงเอย สตรีข้ามเพศเอย
ควรไปฝึกด้วยค่ะ เรื่องวินัยเป็นเรื่องปัจเจกโอเคนะคะ
2. ในค่ายทหารไม่มีละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่มีการลดทอนความเป็นมนุษย์
- เรื่องการปฏิบัติตามคำสั่งดิฉันพอรับได้นะคะในขอบเขตหนึ่ง เข้าใจว่าคือ "ทหาร" ที่ต้องทำตามผู้บังคับบัญชา
แต่การฝึกที่ ละเมิดสิทธิและเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ มันมีอยู่ค่ะเรื่องเกิดกับญาติดิฉันใกล้ตัวเลยค่ะ
ไปเกณฑ์ทหารเพราะพ่อบังคับไป ไปฝึกอยู่ในค่ายทนความลำบาก เจอเพื่อนต่างฐานะต่างวัฒนธรรม โอเคอยู่ร่วมกันได้ค่ะ
แต่ที่เขารับไม่ได้มากๆคือ การฝึกที่ทุเรศเช่น
ให้ช่วยตัวเองและผลัดกันดมสเปิร์มบ้าง หรือการลงโทษที่ทุเรศเช่น ให้ทำท่ามีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนพลทหาร
ไม่รู้สนองตัณหาเซ็กซ์ของครูฝึกหรืออย่างไร? หรือจะเผื่อไว้โดนข้าศึกเวลาถูกจับเป็นเชลย
ไหนจะอาหารการกินก็แสนจะรันทด กับข้าวน้อยนิดทุกมื้อ
คือเลี้ยงดีๆบ้างก็ได้ค่ะ ทำงานเพื่อชาตินิคะ ไอ้อดก็เอาไว้ฝึกชั่วครั้งชั่วคราวเถอะค่ะ
3. เป็นเรื่องของความมั่นคง ไม่มีทหารเกณฑ์ชาติไม่ล่มหรือ
- สมัยนี้ยังขี่ช้าง ถือหอก แกว่งดาบรบอยู่หรือคะ คุณก็เปลี่ยนทหารเกณฑ์ให้เป็น "ทหารอาชีพ" สิคะ
ใครอยากเป็นทหารก็มาเลยมาสมัคร พร้อมกับ "เงินเดือน" ที่สูงขึ้น อาจจะได้จำนวนทหารที่น้อยลงแต่ก็ไม่น้อยมากอย่างมีนัยสำคัญหรอกค่ะ
อีกอย่างเราจะได้ทหารอาชีพที่มีคุณภาพจริงๆ มาใช้งาน ไม่ใช่มีแต่ปริมาณ
และถ้าเกิดสงครามมันจะกระชั้นชิดจริง ยังไงก็มีเวลาเตรียมตัวค่ะ ยุคนานาชาติมีส่วนร่วม ยุคสงครามเงินตราแบบนี้
ไม่เกิดแบบหงสาวดียกทัพบุกอโยธยาอหรอกค่ะ คุณคะ
จะบอกให้นะคะว่างบทหารบ้านเราสูงมากค่ะ ไม่ใช่น้อยเลยๆ อันดับ 20 กว่าของโลกด้วยซ้ำ
และถ้าไปเปิดดูงบทหารย้อนหลังก็มีอัตราพุ่งสูงขึ้นอย่างมากหลังจาก รปห. 49
(และจากเว็บหนึ่งดิฉันจำไม่ได้มีการใช้งบทหารถึง 1.1 ล้านล้านบาท ภายในสิบปี)
และอีกอย่างนะคะชาติเรา ไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามหรือใกล้เคียงสงครามค่ะ ที่ต้องใช้ทหารแบบนี้
4. ไม่เคยเป็นทหารมาก่อน อย่าพูด ไม่รู้จริง
- ค่ะ อนาคตดิฉันต้องลงไปเตะบอลด้วย ไม่งั้นจะวิจารณ์บอลไม่ได้นะคะ เอาจริงแล้วดิฉันคิดว่าคนที่ไปเป็นทหารมาจริงๆ
อาจมีน้ำหนักน่าเชื่อถือน้อยกว่าด้วยค่ะ เพราะคุณเข้าไปอยู่ในระบบโดน "ล้างสมอง"
ถูกใส่ข้อมูลให้มีสำนึกแบบทหาร ย่อมที่จะเชื่อถือในสิ่งนั้นเป็นสำคัญอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นไม่ว่าจะเคยเป็นทหารหรือไม่เคยเป็น
การพูดคุย ถกเถียงจะให้ข้อมูลที่แน่นอนกว่าค่ะ
อีกอย่างนะคะ ญาติดิฉันที่อ้างถึงข้างต้น ออกมาก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างนอกจากผิวที่ดำเกรียมและหุ่นที่เพรียวขึ้น
ประหยัดค่าฟิตเนสได้หลายหมื่นเลยค่ะ
5. เป็นแล้วสนุกออก
- ค่ะ ใครอยากเป็นไปก็เป็นค่ะ ไม่ใช่คุณสนุกแล้วคนอื่นจะสนุก หรือต่อให้ไม่สนุกคุณก็ต้องปรับตัวไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้และมีปัญหาสภาพจิตอีก
6. คนไม่อยากเกณฑ์เป็นพวกรักสบาย
- คนไม่อยากเกณฑ์เยอะนะคะ รด. นี่ก็กี่แสนนายทั่วประเทศแล้วคะ อย่างที่บอกข้างต้น
คนจะรักสบายหรือไม่ ไม่ได้หมายความว่าเขา "ขาดวินัย" หรือ "ใช้ชีวิตไม่เป็น"
ดิฉันเป็นคนรักสบายค่ะ แต่ก็มีความสามารถ มีระเบียบวินัย(บ้าง) กฏหมายก็ให้ความเคารพ ช่วยพัฒนาชาติได้เท่าที่ช่วยไม่ว่าจะจ่ายภาษี
บริจาคเงิน แต่ไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหาร ถ้าดิฉันเป็นผู้ชายดิฉันจะถูกกล่าวหาว่ารักสบายไม่รักชาติไหมคะ
7. เป็นหน้าที่ตามกฏหมาย
- กฏหมายที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสม ตามยุคสมัย สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้ค่ะ โดยผ่านการถกเถียงจากสังคมนี่แหล่ะ
จากนั้นก็เป็นขั้นตอนต่อไปไม่ว่าจะประชาชนส่วนใหญ่ออกมาเรียกร้องหรือผ่านทางระบบรัฐสภาค่ะ
---
ส่วนเหตุผลของดิฉันที่คัดค้านการเกณฑ์ทหารเลย มีดังนี้คะ
1. บ้านเมืองเราไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม อย่าง เกาหลี ที่ต้องบังคับทุกคนไปรับใช้ชาติ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปเกณฑ์ทหาร
หรือต่อให้มีขึ้นก็สามารถระดมพลได้ทัน ไหนจะความช่วยเหลือจากนานาชาติ และที่สำคัญก็เปลี่ยนการเกณฑ์เป็น "ทหารอาชีพ" ค่ะ
2. สำคัญที่สุดคือมัน ละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างร้ายแรง เมื่อเหตุผลเป็นไปตามข้อที่ 1 แล้วข้อที่ 2 ย่อมสำคัญมากๆค่ะ
บางคนอาจจะอ้างว่า เรียกร้องสิทธิ แต่ไม่รู้จักหน้าที่ ขยายความด้วยค่ะว่า หน้าที่นี้คืออะไรคะ?
ถ้าประเทศชาติจะ
แต่หน้าที่นี้ยังไม่เกิดค่ะ และสามารถป้องกันได้ตามข้อ 1
3. การเกณฑ์ทหารสร้างความลำบากให้กับคนหลายคน ซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังสร้างตัวและเลี้ยงดูพ่อแม่
4. การรับใช้ชาติไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเกณฑ์ทหารค่ะ
ยังมีอีกหลายข้อค่ะ แต่ที่สำคัญจริงๆคือข้อ 1 และ ข้อ 2
---
ข้อเสนอจากดิฉัน
1. ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร (แต่ไม่ได้ยกเลิกอาชีพทหาร ให้เปลี่ยนวิธีให้สอดคล้องกับยุคสมัยและความจำเป็น)
2. อาจเปลี่ยนให้ "ทุกคน" ไปรับใช้สาธารณะประโยชน์ เป็นระยะเวลา 2 ปี ปีละ 50 ชั่วโมง (เวลาสมมติ) เช่น การทำงานมูลนิธิ การไปสอนหนังสือโรงเรียนกันดาร เป็นต้น (แต่ข้อนี้ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยนักหรอกค่ะ)
3. เปิดรับสมัครทหารอาชีพ เพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้น มีสวัสดิการที่ดี เพื่อดึงดูดคนให้เข้ารับใช้ชาติ และทหารอาชีพไม่ควรตันที่แค่ทหารชั้นประทวน สามารถไปเป็นชั้นสัญญาบัตรได้ (เอาจริงแล้วอยากให้ยุบโรงเรียนเตรียมทหารค่ะ แล้วมาเริ่มตรงนี้กันทุกคน)
---
แต่ก็คงยากล่ะมั้งคะ ที่จะเลิก เพราะ งบประมาณเยอะ