อยากจะแชร์ประสบการณ์ในการเลี้ยงแมวไฮโซค่ะ (เคยเลี้ยงแต่แมวไทยไม่ต้องใส่ใจอะไรมาก)
ได้น้องแมวมาตอนอายุได้ 2 เดือนค่ะ น้องแมวมาอยู่กับเราได้ 1 อาทิตย์เราก้พาไปวัคซีนรวมค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่า ภายใน 24 ชั่วโมงถ้าน้องป่วยคือปกติแต่ถ้า 2- 3 วันไปแล้วน้องยังป่วยอยู่ก็ให้รีบพามาหาหมอ โอเคค่ะ รับวัคซีนเสร็จพาน้องกลับบ้าน อาการน้องปกติดีค่ะ ร่าเริง เล่น กินอาหาร (อาหารเม็ดสำหรับลูกแมว) ขับถ่าย ทุกอย่างปกติ
แต่หลังจากรับวัคซีนได้ 2 วัน น้องเริ่มไอ เราก็ให้น้องกิน เฟรมเม็กซ์ ยาแก้ไอของเด็ก ค่ะ (ซึ่งมีเพื่อนที่เลี้ยงแมวเปอร์เซียเหมือนกันแนะนำยาสำหรับเด็กให้มีติดบ้านไว้ เราก้เตรียมติดบ้านไว้เลยค่ะทุกอย่างตั้งแต่ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสีย) ก้ป้อนยาน้อง 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งในระยะเวลา 3 วันที่น้องไอ น้องยังคง กินอาหาร ขับถ่ายปกติ ตาไม่แฉะ ขี้ตาไม่มี เราก้ไม่คิดว่าน้องจะเป็นอะไรมาก
แต่พอวันที่ 4 ที่น้องป่วย คือน้องไม่กินอาหาร และน้องก้ซึม เราก้เลยรีบพาน้องหาหมอค่ะ พอไปถึงหมอถามอาการ วัดไข้ ปรากฏว่า น้องมีไข้ สูงถึง 104 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งคุณหมออธิบายว่า ปกติ จะอยู่ที่ อุณหภูมิ 100 องศาฟาเรนไฮต์ และคุณหมอก็จับน้องฉีดยาเลยค่ะ 2 เข็มด้วยกัน มียาลดไข้ กับ ยาแก้อักเสบ เราก้พาน้องกลับบ้าน น้องก้นอนทั้งวัน จนเย็นน้องลุกขึ้นมากินอาหารเองได้ เราก้ดีจัย ที่น้องกินได้แล้ว เราก้ป้อนยาตามที่หมอสั่ง พอตอนกลางคืนเวลาน้องนอนเราสังเกตว่าน้องหายใจแรงมาก (คือประมาณว่าเวลาหายใจเข้าออกพุงน้องจะขยับจนตัวโยนเลยค่ะ) เราก้รอดูอาการอีก
พอวันรุ่งขึ้น น้องก็ยังคงซึม นอนทั้งวันไม่กินอาหาร เราก้พาหาหมอที่เดิมค่ะ หมอจับเจาะให้น้ำเกลือเลยค่ะ หมอบอกการที่น้องไม่กินอาหารอาจทำให้น้องช้อกได้ เราก้อธิบายอาการหายใจของน้องกับคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า เราก้รักษาตามอาการครับ ซึ่งคุณหมออธิบายให้เรารับรู้แค่นี้ เราก้คิดว่าน้องไม่เป็นอะไรมาก ก้ให้น้องนอให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล 4 ชม.และเราก้มารับ สภาพที่เห็นน้องหลังจากได้รับน้ำเกลือ เราเข่าแทบทรุด สภาพน้องแย่ลงกว่าตอนที่เราพามาเมื่อเช้าเสียอีก สภาพน้องคือ ไม่มีแรง ตัวอ่อนมาก จับสภาพไหนก้คืออยู่สภาพนั้น ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนอง แต่น้องยังคงลืมตาอยู่และหายใจ หมอก็ไม่พูดอะไรสักคำ หมอบอกแค่เพียงว่า หมอจะคาเข็มอ่อนไว้ก่อนนะครับเผื่อน้องยังไม่กินอาหารเราจะได้ให้น้ำเกลืออีก จะได้ไม่ต้องเจาะใหม่ เราก้ช้อก เพราะเราไปคนเดียวคิดอะไรไม่ออก พูดอะไรไม่ออก หน้าเสีย รีบพาน้องกลับบ้าน พอมาถึงบ้านน้องก้นอนตลอดเรย เรานอนไม่หลับเลย เรานอนเฝ้าข้างๆน้องตลอด ทั้งคืนเลย
พอตอนเช้าน้องยังไม่หาย อาการน้องไม่ดีขึ้นเลย เราตัดสินจัยเปลี่ยนโรงพยาบาล ซึ่งพอเปลี่ยนโรงพยาบาลเราได้มาเจอคุณหมอที่นี่ พูดจาดีมาก หมายถึงว่าอธิบายเกี่ยวกับอาการของน้องให้เราเข้าใจได้ดีกว่าที่แรกมาก ที่แรกพูดแค่เพียงว่า รักษาตามอาการ .... ที่นี่คุณหมอพอฟังเสียงปอดของน้องคุณหมออธิบายอารการของน้องว่า น้องหายใจติดขัดแบบนี้อาจเป็นเพราะปอดของน้องติดเชื้อ ซึ่งได้ให้ยาปฏิชีวนะแล้ว (แรกเริ่มพอมาถึงที่โรงพยาบาลแห่งที่ 2 เราก้ต่อสายตรงให้คุณหมอได้คุยกะ ที่แรก เพื่อที่คุณหมอจะได้ทราบประวัติการรักษา และ การให้ยากับน้อง)
คุณหมอแนะนำว่าต้องให้น้องอยู่ในตู้ซึ่งเราจะพ่นยาเพื่อช่วยให้การหายใจของน้องดีขึ้น และก้ให้ออกซิเจนกับน้องด้วย จริงๆคุณหมอแนะนำให้เจาะเลือดเพื่อตรวจแต่ไม่สามารถเจาะเลือดน้องได้เนื่องจากน้องมีความดันเลือดน้อย เจาะแล้วเลือดไม่ออก เราก้ใจเสียแล้วค่ะ น้องจะรอดไหม น้องยังเด็กมาก ก็ทำทุกอย่างที่คุณหมอแนะนำเพื่อช่วยน้องให้เต็มที่ที่สุด ก้ให้น้องอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนเราก้ไปทำงานพอตอนเย็นเลิกงานก็ไปหาน้องที่โรงพยาบาล คือลุ้นว่าอาการน้องจะเป็นยังไง จะดีขึ้น แย่ลง หรือยังไงบ้าง แต่พอไปถึง พอน้องเห็นเราน้องก้ร้อง ส่งเสียงแต่อาการน้องก้คือยังไม่ดีขึ้นเลย นอนซม เดินได้บ้างเล็กน้อย เราสงสารน้องมาก คุณหมอ อธิบายอาการน้องให้ฟังว่าน้องจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนตลอด 24 ชม. เพราะน้องหายใจเองลำบากมาก และเราก้ถามคุณหมอไปเลยตรงๆค่ะว่าน้องมีโอกาสรอดน้อยมากใช่ไหมคะ คุณหมอก็พยักหน้าแล้วบอกให้ทำใจค่ะ เพราะน้องเด็กมาก ไม่มีภูมิต้านทานใดๆทั้งสิ้น แต่โรงพยาบาลนี้ปิดเที่ยงคืน นั่นคือเราต้องย้ายน้องไปอีกโรงพยาบาลนึงซึ่งอยู่ไม่ไกล เราก้จัดการย้ายน้องตอน 2 ทุ่ม เฝ้าดูอาการน้องถึง 5 ทุ่ม เราก้กลับบ้านค่ะ กระสับกระส่ายมาก เป็นห่วงน้อง นอนไม่หลับเลยค่ะ
จนกระทั่ง 6 โมงเช้า ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าน้องหยุดหาใจแล้วเดี๋ยวคุณหมอจะทำการฉีดยากระตุ้นหัวใจ ให้นะคะ แต่เราบอกกับคุณหมอว่า "คุณหมอคะ ถ้าคุณหมอคิดแล้วว่ายังไงน้องก้ไม่ไหว ถึงจะฉีดยากระตุ้นหายใจแล้วน้องไม่ดีขึ้นก้ปล่อยน้องไปเถอะค่ะ หนูไม่อยากทรมานน้องค่ะ" พูดไปน้ำตาก้ไหลพราก เสียใจ แต่เราก้ทำดีที่สุดแล้วค่ะ และเราก้ไปรับศพน้องกลับบ้านค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปค่ะ
สิ่งที่เราทำพลาดและอยากจะเตือนผู้ที่กำลังเลี้ยงแมวไฮโซและไม่รู้วิธีการเลี้ยงดีพอเช่นเรา นั่นคือ สาเหตุที่ทำให้น้องไอคือเราให้น้องนอนบนเตียงกับเรา ซึ่งเราเปิดพัดลมนอน แบบ จ่อ !!!! (ซึ่งนี่เป็นคำถามแรกที่คุณหมอแห่งโรงพยาบาลที่ 2 ได้ถามเราว่า น้องนอนกะเรามั๊ย นอนยังไง พัดลม หรือ แอร์ เราตอบว่าพัดลม คุณหมอก็ถามต่อว่า จ่อมั๊ย เราพยักหน้าแบบรู้สึกผิดมาก) น้องยังเด็กมากค่ะ ต้องเลี้ยงแบบเด็กทารกเลยไม่ว่าจะพัดลมหรือแอร์ก็ตาม อย่าให้น้องรับโดยตรง หรือหาเสื้ออุ่นๆให้เค้าใส่อีกชั้นนึงก็ได้ค่ะ พัดลมก้ให้เปิดส่ายนะคะ เพราะเราเคบเลี้ยงแต่แมวไทย ก้ไม่เป็นนะคะแมวไทยแข็งแรง คะ เลยเป็นสิ่งที่เราทำพลาดไปจริงๆ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกอดขึ้นมากๆค่ะ สาเหตุการป่วยของน้องคือเริ่มจากการไอ และอาการก็หนักขึ้นและบางอาการก็มีลักษณะคล้ายกับโรคไข้หัดแมวค่ะ
เราอยากจะทิ้งคำถามไว้ว่า กรณีแบบนี้ คือน้องตายเพราะอาจจะเป็นไข้หัดแมว และทีนี้ถ้าเราจะเลี้ยงแมวตัวต่อไป จะต้องทิ้งระยะเวลานานเท่าไหร่คะ คือเราสงสัยว่าเชื้อหวัดแมวที่อาจจะยังคงมีอยู่ในบริเวณบ้านจะติดแมวตัวใหม่ที่เราจะนำมาเลี้ยงค่ะ หรือจอาจจะไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่คะ ขอบคุณมากค่ะ
ปล.เรามีรูปน้องมาให้ดูด้วยค่ะ ชื่อน้องโมจิ เป็นผู้หญิง ค่ะ
ประสบการณ์ในการเลี้ยงแมวเปอร์เซียอายุ 2 เดือนแล้วเลี้ยงไม่รอดค่ะ น้องตายเสียใจมาก
ได้น้องแมวมาตอนอายุได้ 2 เดือนค่ะ น้องแมวมาอยู่กับเราได้ 1 อาทิตย์เราก้พาไปวัคซีนรวมค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่า ภายใน 24 ชั่วโมงถ้าน้องป่วยคือปกติแต่ถ้า 2- 3 วันไปแล้วน้องยังป่วยอยู่ก็ให้รีบพามาหาหมอ โอเคค่ะ รับวัคซีนเสร็จพาน้องกลับบ้าน อาการน้องปกติดีค่ะ ร่าเริง เล่น กินอาหาร (อาหารเม็ดสำหรับลูกแมว) ขับถ่าย ทุกอย่างปกติ
แต่หลังจากรับวัคซีนได้ 2 วัน น้องเริ่มไอ เราก็ให้น้องกิน เฟรมเม็กซ์ ยาแก้ไอของเด็ก ค่ะ (ซึ่งมีเพื่อนที่เลี้ยงแมวเปอร์เซียเหมือนกันแนะนำยาสำหรับเด็กให้มีติดบ้านไว้ เราก้เตรียมติดบ้านไว้เลยค่ะทุกอย่างตั้งแต่ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสีย) ก้ป้อนยาน้อง 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งในระยะเวลา 3 วันที่น้องไอ น้องยังคง กินอาหาร ขับถ่ายปกติ ตาไม่แฉะ ขี้ตาไม่มี เราก้ไม่คิดว่าน้องจะเป็นอะไรมาก
แต่พอวันที่ 4 ที่น้องป่วย คือน้องไม่กินอาหาร และน้องก้ซึม เราก้เลยรีบพาน้องหาหมอค่ะ พอไปถึงหมอถามอาการ วัดไข้ ปรากฏว่า น้องมีไข้ สูงถึง 104 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งคุณหมออธิบายว่า ปกติ จะอยู่ที่ อุณหภูมิ 100 องศาฟาเรนไฮต์ และคุณหมอก็จับน้องฉีดยาเลยค่ะ 2 เข็มด้วยกัน มียาลดไข้ กับ ยาแก้อักเสบ เราก้พาน้องกลับบ้าน น้องก้นอนทั้งวัน จนเย็นน้องลุกขึ้นมากินอาหารเองได้ เราก้ดีจัย ที่น้องกินได้แล้ว เราก้ป้อนยาตามที่หมอสั่ง พอตอนกลางคืนเวลาน้องนอนเราสังเกตว่าน้องหายใจแรงมาก (คือประมาณว่าเวลาหายใจเข้าออกพุงน้องจะขยับจนตัวโยนเลยค่ะ) เราก้รอดูอาการอีก
พอวันรุ่งขึ้น น้องก็ยังคงซึม นอนทั้งวันไม่กินอาหาร เราก้พาหาหมอที่เดิมค่ะ หมอจับเจาะให้น้ำเกลือเลยค่ะ หมอบอกการที่น้องไม่กินอาหารอาจทำให้น้องช้อกได้ เราก้อธิบายอาการหายใจของน้องกับคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า เราก้รักษาตามอาการครับ ซึ่งคุณหมออธิบายให้เรารับรู้แค่นี้ เราก้คิดว่าน้องไม่เป็นอะไรมาก ก้ให้น้องนอให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล 4 ชม.และเราก้มารับ สภาพที่เห็นน้องหลังจากได้รับน้ำเกลือ เราเข่าแทบทรุด สภาพน้องแย่ลงกว่าตอนที่เราพามาเมื่อเช้าเสียอีก สภาพน้องคือ ไม่มีแรง ตัวอ่อนมาก จับสภาพไหนก้คืออยู่สภาพนั้น ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนอง แต่น้องยังคงลืมตาอยู่และหายใจ หมอก็ไม่พูดอะไรสักคำ หมอบอกแค่เพียงว่า หมอจะคาเข็มอ่อนไว้ก่อนนะครับเผื่อน้องยังไม่กินอาหารเราจะได้ให้น้ำเกลืออีก จะได้ไม่ต้องเจาะใหม่ เราก้ช้อก เพราะเราไปคนเดียวคิดอะไรไม่ออก พูดอะไรไม่ออก หน้าเสีย รีบพาน้องกลับบ้าน พอมาถึงบ้านน้องก้นอนตลอดเรย เรานอนไม่หลับเลย เรานอนเฝ้าข้างๆน้องตลอด ทั้งคืนเลย
พอตอนเช้าน้องยังไม่หาย อาการน้องไม่ดีขึ้นเลย เราตัดสินจัยเปลี่ยนโรงพยาบาล ซึ่งพอเปลี่ยนโรงพยาบาลเราได้มาเจอคุณหมอที่นี่ พูดจาดีมาก หมายถึงว่าอธิบายเกี่ยวกับอาการของน้องให้เราเข้าใจได้ดีกว่าที่แรกมาก ที่แรกพูดแค่เพียงว่า รักษาตามอาการ .... ที่นี่คุณหมอพอฟังเสียงปอดของน้องคุณหมออธิบายอารการของน้องว่า น้องหายใจติดขัดแบบนี้อาจเป็นเพราะปอดของน้องติดเชื้อ ซึ่งได้ให้ยาปฏิชีวนะแล้ว (แรกเริ่มพอมาถึงที่โรงพยาบาลแห่งที่ 2 เราก้ต่อสายตรงให้คุณหมอได้คุยกะ ที่แรก เพื่อที่คุณหมอจะได้ทราบประวัติการรักษา และ การให้ยากับน้อง)
คุณหมอแนะนำว่าต้องให้น้องอยู่ในตู้ซึ่งเราจะพ่นยาเพื่อช่วยให้การหายใจของน้องดีขึ้น และก้ให้ออกซิเจนกับน้องด้วย จริงๆคุณหมอแนะนำให้เจาะเลือดเพื่อตรวจแต่ไม่สามารถเจาะเลือดน้องได้เนื่องจากน้องมีความดันเลือดน้อย เจาะแล้วเลือดไม่ออก เราก้ใจเสียแล้วค่ะ น้องจะรอดไหม น้องยังเด็กมาก ก็ทำทุกอย่างที่คุณหมอแนะนำเพื่อช่วยน้องให้เต็มที่ที่สุด ก้ให้น้องอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนเราก้ไปทำงานพอตอนเย็นเลิกงานก็ไปหาน้องที่โรงพยาบาล คือลุ้นว่าอาการน้องจะเป็นยังไง จะดีขึ้น แย่ลง หรือยังไงบ้าง แต่พอไปถึง พอน้องเห็นเราน้องก้ร้อง ส่งเสียงแต่อาการน้องก้คือยังไม่ดีขึ้นเลย นอนซม เดินได้บ้างเล็กน้อย เราสงสารน้องมาก คุณหมอ อธิบายอาการน้องให้ฟังว่าน้องจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนตลอด 24 ชม. เพราะน้องหายใจเองลำบากมาก และเราก้ถามคุณหมอไปเลยตรงๆค่ะว่าน้องมีโอกาสรอดน้อยมากใช่ไหมคะ คุณหมอก็พยักหน้าแล้วบอกให้ทำใจค่ะ เพราะน้องเด็กมาก ไม่มีภูมิต้านทานใดๆทั้งสิ้น แต่โรงพยาบาลนี้ปิดเที่ยงคืน นั่นคือเราต้องย้ายน้องไปอีกโรงพยาบาลนึงซึ่งอยู่ไม่ไกล เราก้จัดการย้ายน้องตอน 2 ทุ่ม เฝ้าดูอาการน้องถึง 5 ทุ่ม เราก้กลับบ้านค่ะ กระสับกระส่ายมาก เป็นห่วงน้อง นอนไม่หลับเลยค่ะ
จนกระทั่ง 6 โมงเช้า ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าน้องหยุดหาใจแล้วเดี๋ยวคุณหมอจะทำการฉีดยากระตุ้นหัวใจ ให้นะคะ แต่เราบอกกับคุณหมอว่า "คุณหมอคะ ถ้าคุณหมอคิดแล้วว่ายังไงน้องก้ไม่ไหว ถึงจะฉีดยากระตุ้นหายใจแล้วน้องไม่ดีขึ้นก้ปล่อยน้องไปเถอะค่ะ หนูไม่อยากทรมานน้องค่ะ" พูดไปน้ำตาก้ไหลพราก เสียใจ แต่เราก้ทำดีที่สุดแล้วค่ะ และเราก้ไปรับศพน้องกลับบ้านค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปค่ะ
สิ่งที่เราทำพลาดและอยากจะเตือนผู้ที่กำลังเลี้ยงแมวไฮโซและไม่รู้วิธีการเลี้ยงดีพอเช่นเรา นั่นคือ สาเหตุที่ทำให้น้องไอคือเราให้น้องนอนบนเตียงกับเรา ซึ่งเราเปิดพัดลมนอน แบบ จ่อ !!!! (ซึ่งนี่เป็นคำถามแรกที่คุณหมอแห่งโรงพยาบาลที่ 2 ได้ถามเราว่า น้องนอนกะเรามั๊ย นอนยังไง พัดลม หรือ แอร์ เราตอบว่าพัดลม คุณหมอก็ถามต่อว่า จ่อมั๊ย เราพยักหน้าแบบรู้สึกผิดมาก) น้องยังเด็กมากค่ะ ต้องเลี้ยงแบบเด็กทารกเลยไม่ว่าจะพัดลมหรือแอร์ก็ตาม อย่าให้น้องรับโดยตรง หรือหาเสื้ออุ่นๆให้เค้าใส่อีกชั้นนึงก็ได้ค่ะ พัดลมก้ให้เปิดส่ายนะคะ เพราะเราเคบเลี้ยงแต่แมวไทย ก้ไม่เป็นนะคะแมวไทยแข็งแรง คะ เลยเป็นสิ่งที่เราทำพลาดไปจริงๆ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกอดขึ้นมากๆค่ะ สาเหตุการป่วยของน้องคือเริ่มจากการไอ และอาการก็หนักขึ้นและบางอาการก็มีลักษณะคล้ายกับโรคไข้หัดแมวค่ะ
เราอยากจะทิ้งคำถามไว้ว่า กรณีแบบนี้ คือน้องตายเพราะอาจจะเป็นไข้หัดแมว และทีนี้ถ้าเราจะเลี้ยงแมวตัวต่อไป จะต้องทิ้งระยะเวลานานเท่าไหร่คะ คือเราสงสัยว่าเชื้อหวัดแมวที่อาจจะยังคงมีอยู่ในบริเวณบ้านจะติดแมวตัวใหม่ที่เราจะนำมาเลี้ยงค่ะ หรือจอาจจะไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่คะ ขอบคุณมากค่ะ
ปล.เรามีรูปน้องมาให้ดูด้วยค่ะ ชื่อน้องโมจิ เป็นผู้หญิง ค่ะ