คุณเชื่อเรื่องมนต์ดำหรือไสยศาสตร์ไหมหรือเเม้เเต่สมัยก่อนที่ทหารรบกันดาบฟันเเทงไม่เข้ามีอยู่จริงไหม
เคยอ่านประวัติพระธุดงค์ของหลวงปู่มั่นหรือหลวงปู่ชานี่เเหล่ะท่านก็บอกมีจริง เเละถ้ามีจริงพวกพลังงานต่างๆที่มองไม่เห็นหรือญาณ อิทธิฤทธิ์ ต่างๆก็ต้องมีจริงสิ สงสัยมานานเเล้ว
คุณเชื่อไหม อยากรู้ว่าคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี่ข้อมูลจากวิกิพีเดียไปหามาได้
ไสยศาสตร์ เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา และ เลขยันต์ ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา และการปลุกเสก
ศาสตร์มืด หรือการทำ "คุณไสย" ในพจนานุกรมไทยให้คำจำกัดความ คุณไสย ว่า "เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายอมิตร" เป็นศาสตร์ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และมีคนเชื่อและผู้ปฏิบัติทั่วโลก
ในแต่ละชุมชนจะมีรูปแบบของไสยศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สรุปแล้วไสยศาสตร์ก็คือการทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น โดยผิดแปลกจากกฎของธรรมชาติ เช่น ทำให้สามีภรรยาที่ดีกันทะเลาะและแยกทางกัน ทำให้สาวหลงรักหนุ่มที่เคยเกลียด ซึ่งปกติแล้วจะใช้ไสยศาสตร์มาใช้ในทางที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะการทำ "คุณไสย" ที่เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายผู้ไม่เป็นมิตรด้วยการปลุกเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปในตัว หรือฝังรูปฝังรอย หรือการทำเสน่ห์ยาแฝด ลงนะ จากผู้ที่อ้างตัวว่ามีอาคม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่ทำมาหากินด้วยการหลอกลวงผู้คน หรือที่เรียกว่า พวกสิบแปดมงกุฎ ถึงกระนั้นก็ตาม“คุณไสย” หรือ “มนต์ดำ” ยังมีผู้หลงงมงายมากมาย
ไสยศาสตร์ถือเป็นศาสตร์ที่ลี้ลับมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และมีทั่วโลกแม้กระทั่งในเวลาปัจจุบัน แม้รูปแบบจะแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การทำอันตรายต่อผู้คนด้วยวิธีที่ลี้ลับ
ลัทธิไสยศาสตร์ คือการรวมอำนาจจิต รวมพลังงานทางจิตซึ่งได้ทำการอบรมจิตใจให้มีความยึดมั่น เชื่อถือ อย่างจริงจัง ดำเนินไปตามหลักทางไสยศาสตร์ ตามวิธีการนั้น ๆ ก็จะสามารถแสดงฤทธิ์ปาฎิหารย์ได้ด้วยกระแสคลื่นแห่งพลังอำนาจจิตอันแรงกล้า ของ มโนภาพ สมาธิ จิตตานุภาพ ทั้งสามประการนี้ จึงเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจที่ประหลาดมหัศจรรย์ขึ้นได้
ลัทธิไสยศาสตร์ ได้เกิดขึ้นมาก่อนพุทธกาล ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไตรเพท ในลัทธิของพราหมณ์ ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
ฤคเวทย์ เป็นคำฉันท์ใช้สำหรับสวดมนต์และสรรเสริญพระเจ้า
ยชุรเวทย์ เป็นคำร้อยแก้วให้สำหรับท่องบ่นเวลาบวงสรวงบูชาพระเจ้า
สามเวทย์ เป็นคำฉันท์ใช้สำหรับสวดมนต์ทำพิธีถวายน้ำโสม
อาถรรพเวทย์ เป็นคัมภีร์ประกอบด้วยเวทยมนต์คาถาเรียกผีสาง เทวดาให้ช่วยป้องกันอันตรายให้ และให้มีการแก้อาถรรพ์ ทำพิธีสาปแช่งให้เป็นอันตรายได้ด้วย
อาถรรพเวทย์
อาถไสยศาสตร์. อาถรรพเวทย์ในคัมภีร์ไสยศาสตร์ แยกออกเป็น 2 นิกาย คือ
นิกายขาว (White System) เป็นวิชาที่ใช้ในทางดี คือช่วยเหลือมนุษย์ให้มีสุขปลอดภัย
นิกายดำ (Black System) เป็นวิชาที่ใช้ในทางชั่ว คือทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น
คัมภีร์แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ทางเวทมนตร์คาถา
มี 8 ประเภทคือ
พระเวทย์แก้โรคต่าง ๆ
พระเวทย์ประสาน
พระเวทย์สะเดาะ เช่น สะเดาะกุญแจและโซ่ตรวน
พระเวทย์ป้องกันตัว เช่น คาถาแคล้วคลาด
พระเวทย์แสดงปาฎิหาริย์
พระเวทย์ทำอันตรายผู้อื่น
พระเวทย์แก้ภูติผีปีศาจ เช่น คาถาสะกดวิญญาณ
พระเวทย์ทำเสน่ห์ เช่น มนตร์เทพรำจวญ
นี่ความคิดเห็นที่ไปอ่านเจอ ขอบคุณเจ้าของความคิดเห็น
--มีร้านอยู่ร้านนึงการค้ารุ่งเรืองมาก แต่ต่อมากลับตกฮวบลงอย่างไร้สาเหตุ จนต้องปิดกิจการไปในที่สุด ต่อมามีผู้มาเซ้งกิจการใหม่ ระหว่างซ่อมแซม
ร้านคนงานรื้อเจอ ตะปูสีดำสนิทยาว2นิ้ว อยู่หลายตัว ทางเจ้าของได้ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบผลคือ"ตะปู ๗ ป่าช้า"และยังเจอเศษบาตรแตกอยู่อีกด้วย ผลสรุปได้ว่าการล่มสลายของร้านนี้เกิดจากโดนคนทำของมาใส่ ซึ่งบุคคลนั้นจะต้องได้รับกรรมตามสนองคืนอย่างแน่นอน
เพราะเ็ป็นกรรมที่หนักอย่างสาหัสนัก
--มีจริงครับ ผู้ที่ยังไม่ประสพกับตนเองก็ยังคงคลางแคลงไม่เชื่อถือ แต่บางคนเช่นภรรยาของผม
ตั้งแต่ ๕ ขวบแม่และพี่น้องเรียกเธอว่า"ตาหมา"
เพราะเธอเห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กยันโต วันไหนไม่เห็นผีนับเป็นเรื่องแปลก ไสยศาสตร์ มนต์ดำ
ก็เป็นแบบเดียวกัน อ.ทางไสยเวทย์ต้องคอยปล่อยของออกเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ใครไปถูกเข้า
ที่เรียกกันว่า'ลมพัดลมเพ"ฯลฯ
--จริง ๆ แล้วยังมีอยู่ครับ แต่ชนิดเสกหนังควายเข้าท้อง
เสกตะปู เสกเส้นผมเพื่อทำร้ายผู้ที่รังเกียจเริ่มน้อยลง
แต่ที่ยังมีอยู่เยอะ ก็คือ บริกรรมคาถาเพื่อทำของ
ให้คนกิน มักใช้ตามร้านค้า กินแล้วจะได้ติด พอ
ผ่านมาก็ต้องกินร้านนี้
ลักษณะการทำ คือ จะบริกรรมคาถาแล้วเป่าลงใน
สินค้าที่ขาย หรือใช้น้ำพรมลงในสินค้าที่ขาย เท่านี้
ก็ใช้ได้แล้วครับ
--ที่จริง แม้แต่พุทธศาสนาเอง ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีครับ แต่สิ่งที่พระองค์ท่านสอนคือ ไม่ให้ภิกษุในพระพุทธศาสนาไปข้องแวะ ศึกษาอวิชชาพวกนี้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เกิดปัญญาที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมายในทางพุทธศาสนาได้เลย จึงทรงห้าม แม้กระทั่ง การดูดวง
จริงๆแล้ว อำนาจของจิตมันมีอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้ในทางใด แนวของพุทธศาสนาคือ นำไปใช้ให้เกิดปัญญาในการหลุดพ้นทุกข์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าสุงสุดมากกว่า แค่มาแชร์ความเห็นนะครับ ใครไม่เชื่อก็ดีแล้วครับ แต่กับคนที่เชื่อ ก็อย่าไปข้องแวะ หาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า จะไสย์ขาว ไสย์ดำ สุดท้ายมันก็ทำให้ยิ่งหลงอำนาจ ทำลายทั้งตัวเอง ครอบครัว ก่อบาปสร้างกรรม ให้ดีอย่าไปยุ่งเกี่ยวข้องแวะกับคนพวกนี้เลยดีกว่า จะพลอยโดนลูกหลงโดยไม่รู้ตัว คนทั่วไปก็หมั่นรักษาศีล ตามศาสนาที่ตนนับถือไว้ ยึดศาสดาเป็นที่พึ่ง ถ้าเป็นพุทธ ก็ลองหาบทสวดพระปริตร เพิ่มอีกซักบทก่อนนอนก็ดี
--เมื่อหลายปีมาแล้วสมัยเรียน เคยไปเข้าค่ายธรรมมะที่วัดในต่างจังหวัด จึงได้มีโอกาสถามพระอาจารย์เกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือคุณไสยต่างๆว่ามีจริงหรือไม่ เช่นการเสกของเข้าท้อง เค้าทำกันยังไง? พระอาจารย์อธิบายว่า ไสยศาสตร์ หรือคุณไสยพวกนี้มีอยู่จริง ขึ้นอยู่กับระดับการฝึกจิตของผู้ใช้ อย่างการเสกของเค้าท้องเนี่ย จะทำโดยการเพ่งจิตไปที่สิ่งของ กำหนดจิตบังคับให้สิ่งของมีขนาดเล็กลง สิ่งของนั้นจะเล็กลงเรื่อยๆ เล็กจนเป็นอณูหนึ่ง แล้วใช้กระแสจิตส่งมันออกไปสู่เป้าหมาย อณูของสิ่งของนั้น ก็จะพุ่งเข้าไปอยู่ในตัวของเป้าหมายโดยที่เป้าหมายอาจจะแค่รู้สึกคันๆเท่านั้น แต่ต่อมา เมื่อจิตที่คอยบีบบังคับสิ่งของนั้นคลายตัวลง สิ่งของก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนคืนขนาดเดิม เบียดบังอวัยวะภายใน สร้างความเจ็บปวดทุรนทุรายให้แก่เป้าหมายเป็นอย่างมาก พระอาจารย์กล่าว...
--เหตุผลที่คนไม่เชื่อ?
เพราะไม่เคยเจอไม่เคยเห็น
ถามว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม
คนใจแคบพวกนี้ตอบว่า ไม่มีหรอกเพราะไม่เคยเห็น
... ถามว่าไม่เคยเห็นแสดงว่าไม่มีเลยหรอ? ถ้าเราไม่เคยเห็นหมีแพนด้าที่สวนสัตว์แสดงว่ามันไม่มีเลยหรอ?
--เรื่องพวกนี้มันมีจริงครับ แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงมาตามกาลเวลา คนส่วนใหญ่ชอบหาว่าเทคโนโลยีเอามาเข้ากับไสยศาสตร์ไม่ได้ จริงๆมันทำได้นะครับ คนเลยหาว่ามันเป็นเรื่องขัดแย้งกัน คนถือศีลก็เริ่มน้อยลงเลยไม่สามารถศึกษาไสยศาสตร์ได้ ไม่ค่อยมีให้พบให้เห็นจนโดนคนใจแคบตรรกะล้มเหลวทั้งหลายลบหลูดูถูกว่าไม่มีอยู่จริง
--ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนี้เลย เป็นคนไม่กลัวผี แต่มีอยู่วันหนึ่ง ไปเทียวบ้านเพื่อน ไปกันสามคน นั่งคุยกันปกติ อยู่ดีๆเพื่อนอีกคนลงไปนอนกะพื้นแล้วเล่น เหมือนเด็ก พูด เหมือนเด็กทั้ง ที่เสียงนั่นมันไม่น่าจะเลียนเสียงได้เหมือนเด็กขนาดนั้น เมื่อกี้ยังคุยกันดีๆอยู่เลย ผมก็ได้แต่มอง นึกว่ามันแกล้งพอไปจับ โดนผลักปลิวเหมือนในหนังเลย ไม่รู้แรงนั่นมาจากไหน เพื่อนอีกคน มาพยุงผมช่วยผม ผมงงอารัยวะ สักพักมียายคนหนึ่งเดินมา บอกว่าไม่เป็นไร กุมารมากับยายเล่นอยู่เดียวก็ออก ผมยังไม่เชื่อสักพัก เพื่อนผมที่กำลังเล่นเหมือนเด็กหมดสติลง ผมก็เข้าไปพยุงแล้วมันก็ตื่น มันบอกว่า กูเป็นอะไร แล้วกูมานอนตรงนี้ได้ไง มันไม่รู้อะไรเลย แล้วยายคนนั้นก็เดิน จากไป ก็เลยหันมาถามเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้เล่นเหมือนเด็ก ว่า ยายคนนั้นเป็นใครหรอ เขาบอกเป็นร่างทรง นี่ก็ยังเอามาคิดจนปัจจุบัน ว่า มัน เป็นหยั่งงั้นได้ไง แรงที่มันผลักเรา มันผิดคน ผมเอามาคิด จนถึงทุกวันนี้ ว่า เรี่ยวแรงที่มันผลักเรา ตอนนั้น มันนั่งธรรมดา แต่แรง ที่ผลักเรา เตะเรายังไม่เด้งขนาดนั้นปลิวขนาดนั้น มันแรงอะไร มันไม่ใช่แรงคนผลักชัว ไฟฟ้าชอต หรอ หลังจากเกิดเหตุนั้นผมก็เช็คคิดหลายๆอย่าง ก็ยังหาไม่เจอ
--มีครับ เคยโดนกับตัวครับ
มีหมอแก่มากๆคนนึงเป็นผู้หญิงตาแกมองไม่ค่อยเห็นแล้วก็เดินไม่ได้ ผมไปให้ดูดวงครับ แกบอกผมโดนของ
แกให้เหรียญโบราณมา 1 เหรียญ ให้ไปโกบทรายหน้าบ้านมาสักหยิบกำมือ แล้วเอาเหรียญวางไว้ข้างบน
ให้เอาถังน้ำเล็กๆ 1 ใบเปิดน้ำประปาใส่ หยิบทรายลงไป เอามือไปคลำหา
แกแนะวิธีให้ผมกลับไปทำเองที่บ้านครับ ส่วนแกไม่มาด้วยครับเพราะแกเดินไม่ได้แล้วก็มองไม่ค่อยเห็น
ผมจึงนำเหรียญกลับมาทำตามที่แกบอกครับ เจอครับหยิบขึ้นมาเองกับมือเลย เป็นขวดใส่ๆมีน้ำมันอยู่ข้างใน มีกระดูกขาวๆเป็นเส้นเหลือดสีแดง
ขั้นตอนการทำพิธีทั้งหมด ผมทำเองกับมือครับ ผมถึงเชื่อว่ามีครับ ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ครับ
--เหมือนลุง ป6ครับ อันนี้มีอยู่จริง แถวบ้านผมก็มีปู่ย่ายาย นั้นพอจะมีวิชาาคมอยู่ แต่ไม่ได้รับการถ่ายทอด รือถ่ายทอดมา ก็ปฎิบัติตามกฎไม่เคร่งครัด ก็ทำให้วิชาอาคมต่างๆไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้ของจริงไม่ค่อยมีแล้วครับ ผมเด็กสมัยใหม่ แต่บางอย่างก็อย่าไปท้าทายมันครับ
--พิสูจน์ให้เห็นกับตาไม่ได้หรอก ต้องถามตัวเองว่าห้อยคอพระองค์ไหน เชื่อไหมว่าพระที่ห้อยคออยู่นั้นผ่านการปลุกเสกมา
หรือไม่ได้ห้อยพระ แต่เชื่อหรือเปล่าขอให้ศักดิ์สิทธิคุ้มครองเวลาไปปฏิบัติภารกิจตำรวจทหาร และก็เชื่อหรือไม่ว่า เวลาเดินต้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิให้คุ้มครอง
พวกที่กล่าวมานี้เป็นไสยขาว เมื่อมีขาวก็ต้องมีดำ เป็นของคู่กัน
--เรื่องไสยศาสตร์ เรื่องลึกลับ เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงครับ ผู้ที่จะทำมันขึ้นมาได้ จะต้องมีพลังจิตที่กล้าแข็งมาก พวกนี้สำเร็จด้วยใจเรียกว่ามโนมยิทธิ พระอริยะบุคคลบางจำพวกทำได้ บางท่านก็ทำไม่ได้ ขึ้นชื่อว่าอริยะบุคคลท่านมักจะหลีกเร้น ไม่อวดอ้าง ส่วนที่คุยโตโอ้อวดในปัจจุบันของเก้เสียมากกว่า
ไสยศาสตร์ มนต์ดำ เครื่องรางของขลังก็มีจริง แต่ไม่ใช่ของพุทธ ทางพุทธตำหนิว่าเป็นเดรฉานวิชา ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ไม่ไดี แต่หมายถึงว่าไปยุ่งเกี่ยวแล้วไม่ได้ทำให้เราเจริญขึ้น หรือจิตใจสูงขึ้น พวกนี้มาจากศาสนาฮินดูซึ่งสมัยก่อนเรียกชื่อว่าศาสนาพราห์มณ์ มาจากคัมภีร์อาถรรณ์พระเวท
--มันก็ค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลานั้นแหละครับ
--ผมก็เพิ่งเจอมาสดๆร้อนๆเลยคับของแบบนี้ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะคับ พอดีแฟนโดนมาคับแฟนเปงคนจิตอ่อนอยู่ด้วยกันมาจะ4ปีล่ะจะแต่งงานกันล่ะอยู่ด้วยกันตลอดรู้ว่าเขาเปงตัวตนไงนิสัยยังไง เราต้องสังเกตุนะคับ อยู่ๆมาวันหนึ่งโทรมาบอกเลิกกับเราทั้งๆที่ไม่ได้ทำไรให้บอกให้เราไปหาคนอื่นอ้าวงงเลย ทั้งๆที่อยู่กินด้วยกันตลอด ผมก็งงๆแต่ดีคับพอดีผมผ่านเรื่องแปลกๆมาเยอะ เลยสังเกตุไหมตาขวางกับเราตลอดเลยหว่าหน้าดำคลำ ไม่ดูแลตัวเองเลยสงสัยว่าเปงไร ต่อมาโทรมาบอกว่าให้เราไปหาคนอื่นให้เราปล่อยเขาไป เลยสงสัยเลยขี่มอไซค์ไปที่ทำงานแฟนอ้าวอยู่กับชายอีกคนเจอหน้าเราเหมือนกับคนที่เกลียดกันสุดๆ ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ทำไรผิดหรือทะเลาะกันมาเลย เลยมองดูแววตาเขามองเราตาขวางหน้าคลำไม่มีราศีเอาซะเลยบอกให้ไปกินข้าวด้วยก็ไม่ไปบอกจะอยู่กับผู้ชายคนนนี้เลยดูมันก็ไม่มีไรหน้าก็
เลยสงสัยว่าไหมแฟนเราถึงจะเลิกอยู่กับเขา มีต่อ
มนต์ดำหรือไสยศาสตร์มีจริงไหม
เคยอ่านประวัติพระธุดงค์ของหลวงปู่มั่นหรือหลวงปู่ชานี่เเหล่ะท่านก็บอกมีจริง เเละถ้ามีจริงพวกพลังงานต่างๆที่มองไม่เห็นหรือญาณ อิทธิฤทธิ์ ต่างๆก็ต้องมีจริงสิ สงสัยมานานเเล้ว
คุณเชื่อไหม อยากรู้ว่าคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี่ความคิดเห็นที่ไปอ่านเจอ ขอบคุณเจ้าของความคิดเห็น
--มีร้านอยู่ร้านนึงการค้ารุ่งเรืองมาก แต่ต่อมากลับตกฮวบลงอย่างไร้สาเหตุ จนต้องปิดกิจการไปในที่สุด ต่อมามีผู้มาเซ้งกิจการใหม่ ระหว่างซ่อมแซม
ร้านคนงานรื้อเจอ ตะปูสีดำสนิทยาว2นิ้ว อยู่หลายตัว ทางเจ้าของได้ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบผลคือ"ตะปู ๗ ป่าช้า"และยังเจอเศษบาตรแตกอยู่อีกด้วย ผลสรุปได้ว่าการล่มสลายของร้านนี้เกิดจากโดนคนทำของมาใส่ ซึ่งบุคคลนั้นจะต้องได้รับกรรมตามสนองคืนอย่างแน่นอน
เพราะเ็ป็นกรรมที่หนักอย่างสาหัสนัก
--มีจริงครับ ผู้ที่ยังไม่ประสพกับตนเองก็ยังคงคลางแคลงไม่เชื่อถือ แต่บางคนเช่นภรรยาของผม
ตั้งแต่ ๕ ขวบแม่และพี่น้องเรียกเธอว่า"ตาหมา"
เพราะเธอเห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กยันโต วันไหนไม่เห็นผีนับเป็นเรื่องแปลก ไสยศาสตร์ มนต์ดำ
ก็เป็นแบบเดียวกัน อ.ทางไสยเวทย์ต้องคอยปล่อยของออกเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ใครไปถูกเข้า
ที่เรียกกันว่า'ลมพัดลมเพ"ฯลฯ
--จริง ๆ แล้วยังมีอยู่ครับ แต่ชนิดเสกหนังควายเข้าท้อง
เสกตะปู เสกเส้นผมเพื่อทำร้ายผู้ที่รังเกียจเริ่มน้อยลง
แต่ที่ยังมีอยู่เยอะ ก็คือ บริกรรมคาถาเพื่อทำของ
ให้คนกิน มักใช้ตามร้านค้า กินแล้วจะได้ติด พอ
ผ่านมาก็ต้องกินร้านนี้
ลักษณะการทำ คือ จะบริกรรมคาถาแล้วเป่าลงใน
สินค้าที่ขาย หรือใช้น้ำพรมลงในสินค้าที่ขาย เท่านี้
ก็ใช้ได้แล้วครับ
--ที่จริง แม้แต่พุทธศาสนาเอง ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีครับ แต่สิ่งที่พระองค์ท่านสอนคือ ไม่ให้ภิกษุในพระพุทธศาสนาไปข้องแวะ ศึกษาอวิชชาพวกนี้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เกิดปัญญาที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมายในทางพุทธศาสนาได้เลย จึงทรงห้าม แม้กระทั่ง การดูดวง
จริงๆแล้ว อำนาจของจิตมันมีอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้ในทางใด แนวของพุทธศาสนาคือ นำไปใช้ให้เกิดปัญญาในการหลุดพ้นทุกข์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าสุงสุดมากกว่า แค่มาแชร์ความเห็นนะครับ ใครไม่เชื่อก็ดีแล้วครับ แต่กับคนที่เชื่อ ก็อย่าไปข้องแวะ หาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า จะไสย์ขาว ไสย์ดำ สุดท้ายมันก็ทำให้ยิ่งหลงอำนาจ ทำลายทั้งตัวเอง ครอบครัว ก่อบาปสร้างกรรม ให้ดีอย่าไปยุ่งเกี่ยวข้องแวะกับคนพวกนี้เลยดีกว่า จะพลอยโดนลูกหลงโดยไม่รู้ตัว คนทั่วไปก็หมั่นรักษาศีล ตามศาสนาที่ตนนับถือไว้ ยึดศาสดาเป็นที่พึ่ง ถ้าเป็นพุทธ ก็ลองหาบทสวดพระปริตร เพิ่มอีกซักบทก่อนนอนก็ดี
--เมื่อหลายปีมาแล้วสมัยเรียน เคยไปเข้าค่ายธรรมมะที่วัดในต่างจังหวัด จึงได้มีโอกาสถามพระอาจารย์เกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือคุณไสยต่างๆว่ามีจริงหรือไม่ เช่นการเสกของเข้าท้อง เค้าทำกันยังไง? พระอาจารย์อธิบายว่า ไสยศาสตร์ หรือคุณไสยพวกนี้มีอยู่จริง ขึ้นอยู่กับระดับการฝึกจิตของผู้ใช้ อย่างการเสกของเค้าท้องเนี่ย จะทำโดยการเพ่งจิตไปที่สิ่งของ กำหนดจิตบังคับให้สิ่งของมีขนาดเล็กลง สิ่งของนั้นจะเล็กลงเรื่อยๆ เล็กจนเป็นอณูหนึ่ง แล้วใช้กระแสจิตส่งมันออกไปสู่เป้าหมาย อณูของสิ่งของนั้น ก็จะพุ่งเข้าไปอยู่ในตัวของเป้าหมายโดยที่เป้าหมายอาจจะแค่รู้สึกคันๆเท่านั้น แต่ต่อมา เมื่อจิตที่คอยบีบบังคับสิ่งของนั้นคลายตัวลง สิ่งของก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนคืนขนาดเดิม เบียดบังอวัยวะภายใน สร้างความเจ็บปวดทุรนทุรายให้แก่เป้าหมายเป็นอย่างมาก พระอาจารย์กล่าว...
--เหตุผลที่คนไม่เชื่อ?
เพราะไม่เคยเจอไม่เคยเห็น
ถามว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม
คนใจแคบพวกนี้ตอบว่า ไม่มีหรอกเพราะไม่เคยเห็น
... ถามว่าไม่เคยเห็นแสดงว่าไม่มีเลยหรอ? ถ้าเราไม่เคยเห็นหมีแพนด้าที่สวนสัตว์แสดงว่ามันไม่มีเลยหรอ?
--เรื่องพวกนี้มันมีจริงครับ แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงมาตามกาลเวลา คนส่วนใหญ่ชอบหาว่าเทคโนโลยีเอามาเข้ากับไสยศาสตร์ไม่ได้ จริงๆมันทำได้นะครับ คนเลยหาว่ามันเป็นเรื่องขัดแย้งกัน คนถือศีลก็เริ่มน้อยลงเลยไม่สามารถศึกษาไสยศาสตร์ได้ ไม่ค่อยมีให้พบให้เห็นจนโดนคนใจแคบตรรกะล้มเหลวทั้งหลายลบหลูดูถูกว่าไม่มีอยู่จริง
--ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนี้เลย เป็นคนไม่กลัวผี แต่มีอยู่วันหนึ่ง ไปเทียวบ้านเพื่อน ไปกันสามคน นั่งคุยกันปกติ อยู่ดีๆเพื่อนอีกคนลงไปนอนกะพื้นแล้วเล่น เหมือนเด็ก พูด เหมือนเด็กทั้ง ที่เสียงนั่นมันไม่น่าจะเลียนเสียงได้เหมือนเด็กขนาดนั้น เมื่อกี้ยังคุยกันดีๆอยู่เลย ผมก็ได้แต่มอง นึกว่ามันแกล้งพอไปจับ โดนผลักปลิวเหมือนในหนังเลย ไม่รู้แรงนั่นมาจากไหน เพื่อนอีกคน มาพยุงผมช่วยผม ผมงงอารัยวะ สักพักมียายคนหนึ่งเดินมา บอกว่าไม่เป็นไร กุมารมากับยายเล่นอยู่เดียวก็ออก ผมยังไม่เชื่อสักพัก เพื่อนผมที่กำลังเล่นเหมือนเด็กหมดสติลง ผมก็เข้าไปพยุงแล้วมันก็ตื่น มันบอกว่า กูเป็นอะไร แล้วกูมานอนตรงนี้ได้ไง มันไม่รู้อะไรเลย แล้วยายคนนั้นก็เดิน จากไป ก็เลยหันมาถามเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้เล่นเหมือนเด็ก ว่า ยายคนนั้นเป็นใครหรอ เขาบอกเป็นร่างทรง นี่ก็ยังเอามาคิดจนปัจจุบัน ว่า มัน เป็นหยั่งงั้นได้ไง แรงที่มันผลักเรา มันผิดคน ผมเอามาคิด จนถึงทุกวันนี้ ว่า เรี่ยวแรงที่มันผลักเรา ตอนนั้น มันนั่งธรรมดา แต่แรง ที่ผลักเรา เตะเรายังไม่เด้งขนาดนั้นปลิวขนาดนั้น มันแรงอะไร มันไม่ใช่แรงคนผลักชัว ไฟฟ้าชอต หรอ หลังจากเกิดเหตุนั้นผมก็เช็คคิดหลายๆอย่าง ก็ยังหาไม่เจอ
--มีครับ เคยโดนกับตัวครับ
มีหมอแก่มากๆคนนึงเป็นผู้หญิงตาแกมองไม่ค่อยเห็นแล้วก็เดินไม่ได้ ผมไปให้ดูดวงครับ แกบอกผมโดนของ
แกให้เหรียญโบราณมา 1 เหรียญ ให้ไปโกบทรายหน้าบ้านมาสักหยิบกำมือ แล้วเอาเหรียญวางไว้ข้างบน
ให้เอาถังน้ำเล็กๆ 1 ใบเปิดน้ำประปาใส่ หยิบทรายลงไป เอามือไปคลำหา
แกแนะวิธีให้ผมกลับไปทำเองที่บ้านครับ ส่วนแกไม่มาด้วยครับเพราะแกเดินไม่ได้แล้วก็มองไม่ค่อยเห็น
ผมจึงนำเหรียญกลับมาทำตามที่แกบอกครับ เจอครับหยิบขึ้นมาเองกับมือเลย เป็นขวดใส่ๆมีน้ำมันอยู่ข้างใน มีกระดูกขาวๆเป็นเส้นเหลือดสีแดง
ขั้นตอนการทำพิธีทั้งหมด ผมทำเองกับมือครับ ผมถึงเชื่อว่ามีครับ ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ครับ
--เหมือนลุง ป6ครับ อันนี้มีอยู่จริง แถวบ้านผมก็มีปู่ย่ายาย นั้นพอจะมีวิชาาคมอยู่ แต่ไม่ได้รับการถ่ายทอด รือถ่ายทอดมา ก็ปฎิบัติตามกฎไม่เคร่งครัด ก็ทำให้วิชาอาคมต่างๆไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้ของจริงไม่ค่อยมีแล้วครับ ผมเด็กสมัยใหม่ แต่บางอย่างก็อย่าไปท้าทายมันครับ
--พิสูจน์ให้เห็นกับตาไม่ได้หรอก ต้องถามตัวเองว่าห้อยคอพระองค์ไหน เชื่อไหมว่าพระที่ห้อยคออยู่นั้นผ่านการปลุกเสกมา
หรือไม่ได้ห้อยพระ แต่เชื่อหรือเปล่าขอให้ศักดิ์สิทธิคุ้มครองเวลาไปปฏิบัติภารกิจตำรวจทหาร และก็เชื่อหรือไม่ว่า เวลาเดินต้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิให้คุ้มครอง
พวกที่กล่าวมานี้เป็นไสยขาว เมื่อมีขาวก็ต้องมีดำ เป็นของคู่กัน
--เรื่องไสยศาสตร์ เรื่องลึกลับ เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงครับ ผู้ที่จะทำมันขึ้นมาได้ จะต้องมีพลังจิตที่กล้าแข็งมาก พวกนี้สำเร็จด้วยใจเรียกว่ามโนมยิทธิ พระอริยะบุคคลบางจำพวกทำได้ บางท่านก็ทำไม่ได้ ขึ้นชื่อว่าอริยะบุคคลท่านมักจะหลีกเร้น ไม่อวดอ้าง ส่วนที่คุยโตโอ้อวดในปัจจุบันของเก้เสียมากกว่า
ไสยศาสตร์ มนต์ดำ เครื่องรางของขลังก็มีจริง แต่ไม่ใช่ของพุทธ ทางพุทธตำหนิว่าเป็นเดรฉานวิชา ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ไม่ไดี แต่หมายถึงว่าไปยุ่งเกี่ยวแล้วไม่ได้ทำให้เราเจริญขึ้น หรือจิตใจสูงขึ้น พวกนี้มาจากศาสนาฮินดูซึ่งสมัยก่อนเรียกชื่อว่าศาสนาพราห์มณ์ มาจากคัมภีร์อาถรรณ์พระเวท
--มันก็ค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลานั้นแหละครับ
--ผมก็เพิ่งเจอมาสดๆร้อนๆเลยคับของแบบนี้ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะคับ พอดีแฟนโดนมาคับแฟนเปงคนจิตอ่อนอยู่ด้วยกันมาจะ4ปีล่ะจะแต่งงานกันล่ะอยู่ด้วยกันตลอดรู้ว่าเขาเปงตัวตนไงนิสัยยังไง เราต้องสังเกตุนะคับ อยู่ๆมาวันหนึ่งโทรมาบอกเลิกกับเราทั้งๆที่ไม่ได้ทำไรให้บอกให้เราไปหาคนอื่นอ้าวงงเลย ทั้งๆที่อยู่กินด้วยกันตลอด ผมก็งงๆแต่ดีคับพอดีผมผ่านเรื่องแปลกๆมาเยอะ เลยสังเกตุไหมตาขวางกับเราตลอดเลยหว่าหน้าดำคลำ ไม่ดูแลตัวเองเลยสงสัยว่าเปงไร ต่อมาโทรมาบอกว่าให้เราไปหาคนอื่นให้เราปล่อยเขาไป เลยสงสัยเลยขี่มอไซค์ไปที่ทำงานแฟนอ้าวอยู่กับชายอีกคนเจอหน้าเราเหมือนกับคนที่เกลียดกันสุดๆ ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ทำไรผิดหรือทะเลาะกันมาเลย เลยมองดูแววตาเขามองเราตาขวางหน้าคลำไม่มีราศีเอาซะเลยบอกให้ไปกินข้าวด้วยก็ไม่ไปบอกจะอยู่กับผู้ชายคนนนี้เลยดูมันก็ไม่มีไรหน้าก็ เลยสงสัยว่าไหมแฟนเราถึงจะเลิกอยู่กับเขา มีต่อ