ผมมีเพื่อน ที่ตอนนี้บวชอยู่ เป็นหลวงพี่อายุ 27 ปีแล้ว
ก่อนหน้าที่ท่านจะบวช ท่านบอกว่า ท่านเป็นพลทหาร ได้ไปอยู่กับนาย ซึ่งเป็นอนุศาสนาจารย์ ยศนายพัน
แล้วท่านอยากเป็นอนุศาสนาจารย์ แต่ว่าวุฒิการศึกษาของท่านไม่เพียงพอที่จะสอบ อนุศาสนาจารย์
เพราะตำแหน่งที่จะสอบนี้ ต้องมี ป.ตรี จาก มหาลัยสงฆ์ บวกกับ เปรียญธรรม ๔ ประโยค
ถึงมีสิทธิ์สอบได้ ซึ่งถ้าสอบได้ก็จะได้ประดับยศนายร้อย
หลังจากที่ท่านบวช ท่านก็ได้เรียนบาลีจนกระทั่งท่าน
ได้สอบ เปรียญ ๑-๒ แต่ว่าท่านสอบผ่านเพียงวิชาเดียว และต้องซ่อมอีกหนึ่งวิชาอะไรประมาณนี้
ท่านปรึกษาผมว่า อยากจะสึกแล้วเพราะ ไม่อยากเรียนบาลีเพราะว่าเบื่อมาก และไม่เคยชอบวิชานี้
และจริงๆ ท่านก็ไม่ได้อยากเป็นทหารตั้งแต่แรก ส่วนสิ่งที่ท่านชอบคือภาษาอังกฤษ
ท่านว่าจะสึกมาเรียนปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษ
อ่อ ลืมบอกไปครับ ก่อนหน้าที่ หลวงพี่ท่านจะมาบวชเรียนบาลี ท่านก็เคยบวชเรียนปริญญาตรี มาก่อนหน้านี้แล้ว ๖ ปี
อีกอย่างท่านให้เหตุผลว่า
เรียนบาลีก็ต้องเรียน ต้องสอบผ่านให้ได้ ทั้ง ๓ ปีถึงจะได้เปรียญธรรม ๔ ซึ่งเพียงพอต้องตำแหน่งที่จะสอบอนุศาสนาจารย์
อีกอย่างคือ หลังจากได้ปธ. ๔ แล้วท่านก็ต้องสึกไป สอบนายร้อยอีก ซึ่งไม่มีความแน่นอนหรือ ไม่มีอะไรจะรับประกันว่าจะสอบได้หรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ คือต้องเสียเวลา ไปอย่างน้อย ๔-๕ปีเลยทีเดียว
หลวงพี่ท่านย้ำอีกว่า ในเมื่อท่านไม่ได้ชอบทหาร ไม่ได้อยากเป็นทหาร ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนบาลีเพื่อไปสอบอนุศาสนาจารย์แล้ว
ซึ่งท่านอยากลาสิกขาไปทำงานและ เก็บเงินส่งตัวเองเรียนโท ด้านภาษาอังกฤษมากกว่า
ผมลองสอบถามท่านแล้วครับว่า ท่านอยากเป็นอะไรแน่ ท่านบอกว่าอยากทำงานด้านภาษามากกว่า
ผมก็เลยบอกท่านว่าอันนี้ก็แล้วแต่ท่าน ว่าท่านจะตัดสินใจยังไง
แต่ท่านเองก็ต้องมีเป้าหมายในใจ ให้ชัดเจนว่าจะเอายังไงกับชีวิต
เพราะตอนนี้ท่านอายุ ๒๗ แล้ว บวชนานไปจะแก่ไป ตั้งตัวไม่ได้ ไม่ทัน
ผมไม่รู้ว่าผมในฐานะเพื่อน จะบาปไหมครับ ที่แนะนำหลวงพี่เพื่อนไปอย่างนี้
เพราะผมก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไรบ้างครับ กับเรื่องที่ผมกล่าวมาข้างต้น
แลกเปลี่ยนได้นะครับ
อ่อ ตอนนี้หลวงเพื่อนยังไม่ลาสิกขาครับ
เห็นว่ากำลังคิดมาก และเครียดมากๆ ไม่รู้จะเอายังไง กับชีวิต
เรื่องก็มีอยู่แค่นี้ละครับ
เฮ้อ !!! ไม่รู้จะบอกท่านยังไง สงสารครับ
เรื่องของหลวงพี่ ท่านขอคำปรึกษาจากผม ไม่รู้ผมจะให้คำแนะนำยังไงดี เฮ้อ หนักใจแทนเหมือนกัน ช่วยกันคิดช่วยผมหน่อยฮ่ะ
ก่อนหน้าที่ท่านจะบวช ท่านบอกว่า ท่านเป็นพลทหาร ได้ไปอยู่กับนาย ซึ่งเป็นอนุศาสนาจารย์ ยศนายพัน
แล้วท่านอยากเป็นอนุศาสนาจารย์ แต่ว่าวุฒิการศึกษาของท่านไม่เพียงพอที่จะสอบ อนุศาสนาจารย์
เพราะตำแหน่งที่จะสอบนี้ ต้องมี ป.ตรี จาก มหาลัยสงฆ์ บวกกับ เปรียญธรรม ๔ ประโยค
ถึงมีสิทธิ์สอบได้ ซึ่งถ้าสอบได้ก็จะได้ประดับยศนายร้อย
หลังจากที่ท่านบวช ท่านก็ได้เรียนบาลีจนกระทั่งท่าน
ได้สอบ เปรียญ ๑-๒ แต่ว่าท่านสอบผ่านเพียงวิชาเดียว และต้องซ่อมอีกหนึ่งวิชาอะไรประมาณนี้
ท่านปรึกษาผมว่า อยากจะสึกแล้วเพราะ ไม่อยากเรียนบาลีเพราะว่าเบื่อมาก และไม่เคยชอบวิชานี้
และจริงๆ ท่านก็ไม่ได้อยากเป็นทหารตั้งแต่แรก ส่วนสิ่งที่ท่านชอบคือภาษาอังกฤษ
ท่านว่าจะสึกมาเรียนปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษ
อ่อ ลืมบอกไปครับ ก่อนหน้าที่ หลวงพี่ท่านจะมาบวชเรียนบาลี ท่านก็เคยบวชเรียนปริญญาตรี มาก่อนหน้านี้แล้ว ๖ ปี
อีกอย่างท่านให้เหตุผลว่า
เรียนบาลีก็ต้องเรียน ต้องสอบผ่านให้ได้ ทั้ง ๓ ปีถึงจะได้เปรียญธรรม ๔ ซึ่งเพียงพอต้องตำแหน่งที่จะสอบอนุศาสนาจารย์
อีกอย่างคือ หลังจากได้ปธ. ๔ แล้วท่านก็ต้องสึกไป สอบนายร้อยอีก ซึ่งไม่มีความแน่นอนหรือ ไม่มีอะไรจะรับประกันว่าจะสอบได้หรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ คือต้องเสียเวลา ไปอย่างน้อย ๔-๕ปีเลยทีเดียว
หลวงพี่ท่านย้ำอีกว่า ในเมื่อท่านไม่ได้ชอบทหาร ไม่ได้อยากเป็นทหาร ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนบาลีเพื่อไปสอบอนุศาสนาจารย์แล้ว
ซึ่งท่านอยากลาสิกขาไปทำงานและ เก็บเงินส่งตัวเองเรียนโท ด้านภาษาอังกฤษมากกว่า
ผมลองสอบถามท่านแล้วครับว่า ท่านอยากเป็นอะไรแน่ ท่านบอกว่าอยากทำงานด้านภาษามากกว่า
ผมก็เลยบอกท่านว่าอันนี้ก็แล้วแต่ท่าน ว่าท่านจะตัดสินใจยังไง
แต่ท่านเองก็ต้องมีเป้าหมายในใจ ให้ชัดเจนว่าจะเอายังไงกับชีวิต
เพราะตอนนี้ท่านอายุ ๒๗ แล้ว บวชนานไปจะแก่ไป ตั้งตัวไม่ได้ ไม่ทัน
ผมไม่รู้ว่าผมในฐานะเพื่อน จะบาปไหมครับ ที่แนะนำหลวงพี่เพื่อนไปอย่างนี้
เพราะผมก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไรบ้างครับ กับเรื่องที่ผมกล่าวมาข้างต้น
แลกเปลี่ยนได้นะครับ
อ่อ ตอนนี้หลวงเพื่อนยังไม่ลาสิกขาครับ
เห็นว่ากำลังคิดมาก และเครียดมากๆ ไม่รู้จะเอายังไง กับชีวิต
เรื่องก็มีอยู่แค่นี้ละครับ
เฮ้อ !!! ไม่รู้จะบอกท่านยังไง สงสารครับ