คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
สวัสดีครับคุณ Sora0013
ผมขอแบ่งปันประสบการณ์ นะครับในเรื่องของการขอเป็นพลเมืองของประเทศออสเตรเลีย นะครับ จากคำถาม และข้อมูลที่คุณให้ไว้ในเบื้องต้น ผมขอตอบตามประสบการณ์ ที่ผ่านมา ประกอบกับคำแนะนำ เป็นลำดับ เพื่อความเข้าใจในการขอเป็นพลเมือง ของประเทศออสเตรเลีย
สำหรับคำถามที่คุณจั่วหัวมานั้น ในเรื่องของความยากง่ายในการขอเป็น พลเมืองออสเตรเลีย ผมขอตอบสั้น ๆ คำเดียวว่า ง่าย อ่านแล้วอาจจะถึงกับตาค้าง ว่ามันง่ายอย่างนั้นจริง ๆ (ถ้าคุณเข้าใจ ลักษณะของวีซ่า และรู้ว่าคุณเหมาะกับวีซ่าประเภทไหน) เพราะความยากง่าย ของการเป็นพลเมืองนั้น ไม่ใช่อยู่ดี ๆ คุณก็จะได้เป็นพลเมืองออสเตรเลีย ได้เลย เหมือนการเดินทาง ที่คุณต้องเริ่มต้นจากจุดสตาร์ท หลังจากออกตัวแล้ว อันนี้สิ ของจริง เพราะสิ่งที่ผมจะลำดับ และให้คุณเห็นภาพ คุณจะได้วิเคราะห์ และประเมินความเป็นไปได้ อย่างน้อยด้วยตัวคุณเองครับ ผมถึงออกตัวว่าถ้าคุณถึงขั้นสมัครเป็นพลเมืองแล้ว ง่าย แต่ก่อนจะสมัครได้นั้น คุณอาจจะต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ประกอบกับความตั้งใจของคุณด้วยนะครับ ซึ่งตรงนี้ ผมเลยไม่สามารถสรุปเอาเองว่ายากหรือง่าย ครับ แต่ที่ได้ยินจากหลาย ๆ ท่านที่เดินทางบนเส้นทางสายนี้ ก็ล้วนแต่บอกกันแทบจะเป็นเสียงเดียวว่า ยาก เพราะตามลำดับน่าจะเป็นดังนี้นะครับ
เริ่มสมัคร ==> พิจารณา ==> ถ้าไม่ผ่าน คือจบ แต่ถ้าผ่าน คุณก็จะได้วีซ่า ชั่วคราว หรือถาวร แล้วแต่ชนิด และกรณี หลังจากได้วีซ่าถาวร ==> คุณจะมีสถานภาพเสมือนพลเมืองแล้ว แต่ที่ยังไม่เต็ม เพราะ ในช่วง 2 ปี แรกหลังจากได้รับอนุมัติวีซ่าถาวรแล้ว คุณไม่มีสิทธิ ได้รับการคุ้มครองบางอย่างจากทางรัฐบาล อาทิ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น หลังจากเกิน 2 ปี ไปแล้วถึงจะเริ่มใช้สิทธินี้ได้ อาชีพบางอย่าง ที่เกี่ยวกับรัฐ อาจจะทำไม่ได้ เพราะต้องพลเมืองเท่านั้น แต่คุณสามารถทำงานได้อย่างคนออสเตรเลียทั่ว ๆ ไป นะครับ หลังจากคุณถือวีซ่า ครบ 4 ปี ผมหมายรวมถึงวีซ่าอันแรกที่คุณเข้ามาออสเตรเลียอย่างถูกต้องตามกฎหมายการเข้าเมือง ==> คุณถึงจะมีสิทธิ สมัครเป็นพลเมืองของออสเตรเลียครับ
ทางเดินอันแสนยาวไกล ประกอบกับกำลังใจ น่าจะทำให้คุณเห็นภาพ กว้าง ๆ นะครับว่ายากหรือง่าย เพราะกว่าจะถึงเส้นชัย คือการได้เป็นพลเมือง ไม่ใช่แค่ได้วีซ่า แต่กว่าจะถึงวันนั้น คุณจะต้องผ่านอะไรอีกมาก เพราะหลายคนยังเข้าใจว่าการได้เป็นพลเมืองนั้นยาก ความจริงแล้วการได้ไม่ยาก เพราะก่อนคุณจะได้เป็นพลเมืองคุณต้องถือวีซ่าถาวรก่อน ซึ่งอันนี้ผมเห็นด้วยครับ ว่ายาก ถึงยากที่สุด หลายคนจบที่วีซ่าตัวนี้ เพราะไม่อยากไปต่อแล้ว เพราะอย่างไรคนที่ถือวีซ่าถาวรก็เป็นเสมือนพลเมืองแล้ว เพราะผมเห็นหลายคน มาทิ้งชีวิต เพื่อความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เอาไว้ หลายคนได้ในสิ่งที่หวัง หลายคนกลับบ้านมือเปล่า หลายคนยังอยู่ในวงวน ซึ่งอายุที่เพิ่มขึ้น โอกาสที่จะสมัครก็จะมีโอกาสน้อยลง ซึ่งจะสวนทางกับอายุนะครับ
เกรินมาพอหอมปากหอมคอแล้วก็ขอเริ่มร่ายยาวเลยนะครับ จะปูเสื่อ นอนอ่าน หรือนั่งอ่านก็ตามอัธยาศัยนะครับ
ก่อนเริ่มต้นการเดินทาง คุณต้องการข้อมูลในเบื้องต้น เพื่อที่ว่าจะได้รู้ว่าคุณจะเป็นพลเมืองออสเตรเลียได้อย่างไร ถูกต้องแล้วครับ ขอบคุณความคิดเห็นที่ 1 ที่ให้แผนที่สำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้ เว๊ปไซด์ ของกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง www.immi.gov.au แผนที่อันนี้ เป็นแผนยุคโลกร้อน ไม่ใช่แผนที่กระดาษ ดังนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่ตลอดเวลาเพราะทุก ๆ ปี ในช่วงเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม ประเทศออสเตรเลีย จะปิดปีงบประมาณ และนั้นก็หมายความว่า อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ว่า กฎระเบียบต่าง ๆ อาจจะมีการประกาศ หรือเปลี่ยนแปลงสำหรับคนที่สนใจจะสมัครวีซ่าเพื่อเข้าออสเตรเลีย ซึ่ง แต่ละปี ก็จะมีความคล้าย หรือไม่เหมือนกันนะครับ แต่เท่าที่สังเกตุ และติดตามก็จะมีความยากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร ศึกษาแผนที่ให้ดีก่อนเริ่มเดินทาง เพราะถ้าหลงทางสำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่เสียเวลาอย่างเดียวนะครับ คุณอาจจะต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็นด้วยนะครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายว่าทำไม
1. รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
หลังจากคุณได้แผนที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ คุณต้องเตรียมความพร้อม ของคุณ และคณะของคุณ เตรียมอย่างไร ให้ประเมินว่าวีซ่าที่คุณได้เข้าไปศึกษานั้น มีเงื่อนไข และ / หรือต้องการคุณสมบัติ อะไรบ้างจากคุณ และคณะเดินทางของคุณ ผู้สมัครแต่ละคนเป็นอย่างไร อายุ การศึกษา หน้าที่การงาน ประวัติการทำงาน ประวัติทางความประพฤติ มีโรคประจำตัวหรือไม่ มีความสามารถอะไรบ้างที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการสมัครเพื่อเป็นพลเมือง ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับไหน มีญาติ เป็นผู้ถือวีซ่าถาวร หรือพลเมืองหรือไม่ ข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ ควรจะถูกเขียนไว้เพื่อประกอบว่าคุณ หรือใครในคณะควรเป็นตัวหลัก ในการสมัคร หรือเลือกประเภทของวีซ่า ให้เข้าเป้ามากที่สุด คร่าว ๆ ผมได้จำแนกกลุ่มไว้ให้ตามนี้นะครับ แต่อาจจะมีวีซ่ากลุ่ม อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ จึงอยากให้คุณลองศึกษาเพิ่มเติม เผื่อว่าจะมีทางเลือกอื่น ๆ มากขึ้น
อันแรกที่นิยมกัน สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษในวิชาชีพ คือวีซ่าที่ใช้ความสามารถของคุณในการสมัคร (Skilled Visa) คือวีซ่าที่จะดูว่ามีอาชีพใดในออสเตรเลีย ที่มีความต้องการ หรือขาดแคลนในวิชาชีพดังกล่าว และเผอิญว่าคุณมีความสามารถในด้านนั้น ๆ คุณก็จะสามารถสมัครวีซ่าในกลุ่มนี้ได้ครับ อาทิ แพทย์ พยาบาล หรือสมัยก่อนที่คนไทยนิยมสมัครคือ พ่อครัว หรือแม่ครัว แต่ตอนนี้ที่ได้ยินมาว่ากลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่ออาชีพที่ขาดแคลนแล้ว อย่างไรลองศึกษาข้อมูลจากเว๊ปไซด์ดูนะครับเผื่อว่าจะมีควันหลงมา
สำหรับวีซ่าครอบครัว (Family Visa) ถ้าคุณมีญาติ ที่เป็นผู้ถือวีซ่าถาวร หรือพลเมือง ก็สามารถจะสมัครวีซ่าในกลุ่มนี้ได้นะครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นครอบครัว ดังนั้น ผู้สมัคร ก็ต้องมีความสัมพันธ์ ทางสายเลือด หรือทางกฎหมายนะครับ แต่สำหรับคุณสมบัติปลีกย่อยคุณก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ว่า เป็นครอบครัวแล้วจะง่าย เพราะที่เคยได้ยินมานะครับ ผลการสอบภาษาอังกฤษต้องได้ในระดับ 7 อย่างไรลองตรวจสอบกับทางเว๊ปไซด์อีกครั้งนะครับ เพื่อความถูกต้อง
ส่วนวีซ่าทำงาน (Temporary / permanent working visa) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นวีซ่าที่คุณสามารถทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานของออสเตรเลีย แต่ก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับ วีซ่าที่ใช้ความสามารถ แต่อันนี้ คุณจะต้องมีนายจ้างรับรอง และว่าจ้างคุณเป็นกิจลักษณะนะครับ ส่วนอันแรกไม่ต้องมี เพราะคุณมีความสามารถด้วยตัวคุณเอง หวังว่าคงไม่งง นะครับ
ช่วงเวลานี้ เปรียบเสมือนวางแผนการรบ ไม่เพียงแต่ วิธีการที่คุณจะต้องเลือก ว่าวีซ่าตัวไหน จะมีคุณสมบัติที่ตรงกับความสามารถของคุณ ๆ แต่คุณจะต้องวางตัวของผู้สมัครด้วย ขั้นตอนอาจจะกินระยะเวลาพอสมควร เพราะไม่เพียงแต่ศึกษา และเลือกวีซ่าเท่านั้น แต่คุณต้องดูด้วยว่าใคร จะผู้สมัครหลัก และผู้สมัครรอง หรือแยกสมัครไป คนละวีซ่า ประเด็นนี้ ขอขยายความตามนี้นะครับ ถ้ามีผู้สมัคร 2 คน คือคุณ และอีกท่าน หรือคนอื่น ๆ เพิ่มเติม จากคำแนะนำเบื้องต้น ตอนนี้คุณก็จะรู้แล้วว่า ใครเป็นอะไร มีพื้นฐาน ความรู้ และความสามารถแบบไหน และวีซ่าตัวไหน น่าจะเข้ากลุ่ม หรือมีความเป็นไปได้ เพื่อให้ผ่านการพิจารณานะครับ บางครั้ง ผมไม่สนใจว่า ผู้นำจะต้องนำตลอด ลองมาเป็นผู้ตามดูบ้าง เผื่อว่าในวิกฤต อาจจะมีโอกาสที่มากขึ้น ยกตัวอย่าง สามี ภรรยา คู่หนึ่ง มีความสนใจ และจะสมัครเป็นพลเมืองของออสเตรเลีย สามีทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัทฯ ข้ามชาติ ในตำแหน่งผู้บริหารฯ ระดับสูง ส่วนภรรยา ทำงานวิชาชีพพยาบาล มองดูแล้วอาจจะมองว่าสามีน่าจะมีภาษี ดีกว่า แต่อย่าลืมว่า คุณภรรยานั้น ประกอบวิชาชีพ ในสาขาที่คาดแคลนในออสเตรเลีย และมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าสมัครวีซ่า ผมอาจจะเลือกวางตัวของคุณภรรยา เป็นหลัก และให้คุณสามีเป็นรอง อันนี้เป็นตัวอย่างนะครับ หวังว่าคงพอได้มุมมอง
2. อยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ
หลังจากที่ความคิด ข้อมูล และการวางแผนของคุณตกผลึก เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการยื่นสมัครนะครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลูกเสือ กับถ้ำเสือ เพราะโดยส่วนใหญ่ ผู้สมัครหลายคน จากที่เคยพูดคุยนะครับ คือศึกษาแล้ว แต่ไม่ลงมือสมัคร คือคิดว่ายังไม่พร้อมในเรื่องเอกสารบ้าง มีความไม่มั่นใจบ้าง หรือเอกสารยังไม่ครบบ้าง อย่าลืมนะครับ ว่าเวลาที่ปล่อยให้ผ่านไปในแต่ละช่วงล้วนแต่มีความสำคัญ ซึ่งในขั้นตอนนี้ จะกินเวลาค่อนข้าง ยาวนานนะครับ มีหลายสิ่งอย่างอาจจะเกิดขึ้นอย่างที่คุณ ๆ คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างของกรณีผมนะครับ ตอนที่ผมสมัครนั้นระดับภาษาอังกฤษที่ต้องการอยู่ในระดับ 6 (IELTS 6 all skills) โชคดีที่ผมสมัครก่อนเปลี่ยนกฎ เพราะหลังจากนั้นแล้ว เปลี่ยนเป็น ระดับ 7 ภายในช่วงไม่กี่เดือนหลังจากยื่นใบสมัครไปแล้ว ถึงตอนนี้ ถ้าใครถือใบสมัคร แต่ไม่ยอมยื่น เพราะมัวแต่กล้า ๆ กลัว ๆ ก็ต้องใช้ระดับภาษาอังกฤษที่ IELTS ระดับ 7 แทนครับ และไม่ใช่ 7 แบบรวมนะครับ ต้องแยก ในแต่ละความสามารถด้วยนะครับ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าเราจะต้องใช้กฎไหน ทางเจ้าหน้าที่จะใช้วันที่ยื่นเป็นสำคัญครับ คือถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกฎหลังจากที่คุณยื่นไป แล้วคุณก็จะได้รับการพิจารณาในเงื่อนเดิมครับ ดังนั้นผมเลยอยากแนะนำให้คนที่จะสมัคร เมื่อความคิดของคุณตกผลึกแล้ว และมีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการแล้ว ก็สมัครเลยครับ เอกสารจะยังไม่ครบ ก็อาจจะส่งตามไปให้ภายหลังได้ เพราะอย่างน้อย การพิจารณาต้องกินเวลายาวนาน และคุณอาจจะต้องออกแรงบ้างในเรื่องเอกสารในภายหลัง เพราะหลังจากยื่นเอกสารการสมัครแล้ว อาจจะมีการตรวจสอบ และร้องขอเอกสารเพิ่มเติมเป็นระยะ นะครับ อันนี้ผมหมายถึง ในกรณีที่คุณติดต่อ และยื่นเอกสารเองโดยไม่ผ่านตัวแทนฯ ซึ่งสามารถกระทำได้ ถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องภาษา ในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าคุณสะดวกที่จะให้ตัวแทนฯ ดำเนินการ คุณก็จะได้รับการติดต่อจากตัวแทนฯ เช่นกัน ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว ผมจึงอยากให้คุณติดต่อตามผลเป็นระยะ ด้วยนะครับ ถึงแม้นว่าจะติดต่อเอง หรือผ่านตัวแทนที่ช่วยดำเนินการให้คุณ เพราะความล่าช้าในการตอบกลับอาจจะมีผลโดยตรงกับการพิจารณาวีซ่าของคุณนะครับ
ขั้นตอนนี้ จะไม่มีอะไรมาก นอกจากร้องเพลงรอ ติดตาม และส่งเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในขั้นตอนนี้ คือ ข้อมูลที่คุณได้ให้ไว้กับทางเจ้าหน้าที่ ต้องตรงกับความเป็นจริงทุกประการ ขอย้ำนะครับทุกประการ (ใส่ตัวหนาขีดเส้นใต้ไว้เลย) เพราะถ้ามีความคลาดเคลื่อน ก็อาจจะมีผลโดยตรงกับการสมัครของคุณ และคณะเช่นกัน
สำหรับการตรวจสอบ จากประสบการณ์ที่ผมเคยมีโอกาสสนทนา กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และประสบการณ์ตรง ข้อมูลต่าง ๆ ที่คุณให้ไว้กับทางเจ้าหน้าที่ จะถูกสอบกลับไปหาถึงต้นตอทั้งหมด แบบสุ่มนะครับดังนั้น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หรือบิดเบือนข้อมูล ไม่ว่าการศึกษา หน้าที่การงาน ร่วมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่คุณส่งเพื่อประกอบการพิจารณา ก็จะมีผลทันทีครับ ตัวอย่างของกรณีผม คือทางเจ้าหน้าที่โทรทางไกลกลับไปหา ที่ทำงานเก่าที่ผมเคยทำสมัครเรียนจบใหม่ ๆ พอดีมีโอกาสการไปเยี่ยมเจ้านายเก่า เลยทราบ เพราะทางเจ้าหน้าที่โทรกลับไปถามข้อมูลต่าง ๆ ตอนที่ผมทำงานกับบริษัทฯ นั้นว่าทำจริงไหม และมีประวัติการทำงานตามที่ผมได้กล่าวอ้างในเอกสารไหม อีกทั้งประกอบกับ ผมยื่นสมัครพร้อมภรรยา ก็ยังการสอบกลับไปยังที่บ้าน แต่ไม่ใช้ชื่อผมในการสอบถามนะครับ กลับใช้ชื่อสกุลของภรรยา ในการสอบกลับว่า เคยรู้จักคนนามสกุลนี้ไหม เอาเข้าไปสิครับ ทำอย่างกับเราไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะเขาคิดว่าอาจจะมีการบิดเบือนข้อมูล เพราะทุกคนที่อยู่ในใบสมัคร จะถูกสุ่มตรวจได้หมด และวีธิการก็แตกต่าง กันไป ดังนั้น ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้การพิจารณากินเวลายาวนาน เพื่อพิสูจน์ว่า ทุกสิ่งอย่างเป็นความจริงครับ แต่ถ้าคุณตอบตามจริง ก็ไม่มีอะไรน่าจะกังวล
อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วน่าจะพอให้คุณเห็นภาพคร่าว ๆ ได้บ้างแล้วว่า จะต้องใช้กำลังกาย และกำลังใจขนาดไหนในเริ่มต้นการเดินทางถ้าได้รับการพิจารณาเพื่อให้ได้รับวีซ่าถาวร เพราะนี่คือกุญแจสำคัญสู่กันเ
ผมขอแบ่งปันประสบการณ์ นะครับในเรื่องของการขอเป็นพลเมืองของประเทศออสเตรเลีย นะครับ จากคำถาม และข้อมูลที่คุณให้ไว้ในเบื้องต้น ผมขอตอบตามประสบการณ์ ที่ผ่านมา ประกอบกับคำแนะนำ เป็นลำดับ เพื่อความเข้าใจในการขอเป็นพลเมือง ของประเทศออสเตรเลีย
สำหรับคำถามที่คุณจั่วหัวมานั้น ในเรื่องของความยากง่ายในการขอเป็น พลเมืองออสเตรเลีย ผมขอตอบสั้น ๆ คำเดียวว่า ง่าย อ่านแล้วอาจจะถึงกับตาค้าง ว่ามันง่ายอย่างนั้นจริง ๆ (ถ้าคุณเข้าใจ ลักษณะของวีซ่า และรู้ว่าคุณเหมาะกับวีซ่าประเภทไหน) เพราะความยากง่าย ของการเป็นพลเมืองนั้น ไม่ใช่อยู่ดี ๆ คุณก็จะได้เป็นพลเมืองออสเตรเลีย ได้เลย เหมือนการเดินทาง ที่คุณต้องเริ่มต้นจากจุดสตาร์ท หลังจากออกตัวแล้ว อันนี้สิ ของจริง เพราะสิ่งที่ผมจะลำดับ และให้คุณเห็นภาพ คุณจะได้วิเคราะห์ และประเมินความเป็นไปได้ อย่างน้อยด้วยตัวคุณเองครับ ผมถึงออกตัวว่าถ้าคุณถึงขั้นสมัครเป็นพลเมืองแล้ว ง่าย แต่ก่อนจะสมัครได้นั้น คุณอาจจะต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ประกอบกับความตั้งใจของคุณด้วยนะครับ ซึ่งตรงนี้ ผมเลยไม่สามารถสรุปเอาเองว่ายากหรือง่าย ครับ แต่ที่ได้ยินจากหลาย ๆ ท่านที่เดินทางบนเส้นทางสายนี้ ก็ล้วนแต่บอกกันแทบจะเป็นเสียงเดียวว่า ยาก เพราะตามลำดับน่าจะเป็นดังนี้นะครับ
เริ่มสมัคร ==> พิจารณา ==> ถ้าไม่ผ่าน คือจบ แต่ถ้าผ่าน คุณก็จะได้วีซ่า ชั่วคราว หรือถาวร แล้วแต่ชนิด และกรณี หลังจากได้วีซ่าถาวร ==> คุณจะมีสถานภาพเสมือนพลเมืองแล้ว แต่ที่ยังไม่เต็ม เพราะ ในช่วง 2 ปี แรกหลังจากได้รับอนุมัติวีซ่าถาวรแล้ว คุณไม่มีสิทธิ ได้รับการคุ้มครองบางอย่างจากทางรัฐบาล อาทิ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น หลังจากเกิน 2 ปี ไปแล้วถึงจะเริ่มใช้สิทธินี้ได้ อาชีพบางอย่าง ที่เกี่ยวกับรัฐ อาจจะทำไม่ได้ เพราะต้องพลเมืองเท่านั้น แต่คุณสามารถทำงานได้อย่างคนออสเตรเลียทั่ว ๆ ไป นะครับ หลังจากคุณถือวีซ่า ครบ 4 ปี ผมหมายรวมถึงวีซ่าอันแรกที่คุณเข้ามาออสเตรเลียอย่างถูกต้องตามกฎหมายการเข้าเมือง ==> คุณถึงจะมีสิทธิ สมัครเป็นพลเมืองของออสเตรเลียครับ
ทางเดินอันแสนยาวไกล ประกอบกับกำลังใจ น่าจะทำให้คุณเห็นภาพ กว้าง ๆ นะครับว่ายากหรือง่าย เพราะกว่าจะถึงเส้นชัย คือการได้เป็นพลเมือง ไม่ใช่แค่ได้วีซ่า แต่กว่าจะถึงวันนั้น คุณจะต้องผ่านอะไรอีกมาก เพราะหลายคนยังเข้าใจว่าการได้เป็นพลเมืองนั้นยาก ความจริงแล้วการได้ไม่ยาก เพราะก่อนคุณจะได้เป็นพลเมืองคุณต้องถือวีซ่าถาวรก่อน ซึ่งอันนี้ผมเห็นด้วยครับ ว่ายาก ถึงยากที่สุด หลายคนจบที่วีซ่าตัวนี้ เพราะไม่อยากไปต่อแล้ว เพราะอย่างไรคนที่ถือวีซ่าถาวรก็เป็นเสมือนพลเมืองแล้ว เพราะผมเห็นหลายคน มาทิ้งชีวิต เพื่อความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เอาไว้ หลายคนได้ในสิ่งที่หวัง หลายคนกลับบ้านมือเปล่า หลายคนยังอยู่ในวงวน ซึ่งอายุที่เพิ่มขึ้น โอกาสที่จะสมัครก็จะมีโอกาสน้อยลง ซึ่งจะสวนทางกับอายุนะครับ
เกรินมาพอหอมปากหอมคอแล้วก็ขอเริ่มร่ายยาวเลยนะครับ จะปูเสื่อ นอนอ่าน หรือนั่งอ่านก็ตามอัธยาศัยนะครับ
ก่อนเริ่มต้นการเดินทาง คุณต้องการข้อมูลในเบื้องต้น เพื่อที่ว่าจะได้รู้ว่าคุณจะเป็นพลเมืองออสเตรเลียได้อย่างไร ถูกต้องแล้วครับ ขอบคุณความคิดเห็นที่ 1 ที่ให้แผนที่สำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้ เว๊ปไซด์ ของกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง www.immi.gov.au แผนที่อันนี้ เป็นแผนยุคโลกร้อน ไม่ใช่แผนที่กระดาษ ดังนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่ตลอดเวลาเพราะทุก ๆ ปี ในช่วงเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม ประเทศออสเตรเลีย จะปิดปีงบประมาณ และนั้นก็หมายความว่า อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ว่า กฎระเบียบต่าง ๆ อาจจะมีการประกาศ หรือเปลี่ยนแปลงสำหรับคนที่สนใจจะสมัครวีซ่าเพื่อเข้าออสเตรเลีย ซึ่ง แต่ละปี ก็จะมีความคล้าย หรือไม่เหมือนกันนะครับ แต่เท่าที่สังเกตุ และติดตามก็จะมีความยากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร ศึกษาแผนที่ให้ดีก่อนเริ่มเดินทาง เพราะถ้าหลงทางสำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่เสียเวลาอย่างเดียวนะครับ คุณอาจจะต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็นด้วยนะครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายว่าทำไม
1. รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
หลังจากคุณได้แผนที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ คุณต้องเตรียมความพร้อม ของคุณ และคณะของคุณ เตรียมอย่างไร ให้ประเมินว่าวีซ่าที่คุณได้เข้าไปศึกษานั้น มีเงื่อนไข และ / หรือต้องการคุณสมบัติ อะไรบ้างจากคุณ และคณะเดินทางของคุณ ผู้สมัครแต่ละคนเป็นอย่างไร อายุ การศึกษา หน้าที่การงาน ประวัติการทำงาน ประวัติทางความประพฤติ มีโรคประจำตัวหรือไม่ มีความสามารถอะไรบ้างที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการสมัครเพื่อเป็นพลเมือง ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับไหน มีญาติ เป็นผู้ถือวีซ่าถาวร หรือพลเมืองหรือไม่ ข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ ควรจะถูกเขียนไว้เพื่อประกอบว่าคุณ หรือใครในคณะควรเป็นตัวหลัก ในการสมัคร หรือเลือกประเภทของวีซ่า ให้เข้าเป้ามากที่สุด คร่าว ๆ ผมได้จำแนกกลุ่มไว้ให้ตามนี้นะครับ แต่อาจจะมีวีซ่ากลุ่ม อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ จึงอยากให้คุณลองศึกษาเพิ่มเติม เผื่อว่าจะมีทางเลือกอื่น ๆ มากขึ้น
อันแรกที่นิยมกัน สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษในวิชาชีพ คือวีซ่าที่ใช้ความสามารถของคุณในการสมัคร (Skilled Visa) คือวีซ่าที่จะดูว่ามีอาชีพใดในออสเตรเลีย ที่มีความต้องการ หรือขาดแคลนในวิชาชีพดังกล่าว และเผอิญว่าคุณมีความสามารถในด้านนั้น ๆ คุณก็จะสามารถสมัครวีซ่าในกลุ่มนี้ได้ครับ อาทิ แพทย์ พยาบาล หรือสมัยก่อนที่คนไทยนิยมสมัครคือ พ่อครัว หรือแม่ครัว แต่ตอนนี้ที่ได้ยินมาว่ากลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่ออาชีพที่ขาดแคลนแล้ว อย่างไรลองศึกษาข้อมูลจากเว๊ปไซด์ดูนะครับเผื่อว่าจะมีควันหลงมา
สำหรับวีซ่าครอบครัว (Family Visa) ถ้าคุณมีญาติ ที่เป็นผู้ถือวีซ่าถาวร หรือพลเมือง ก็สามารถจะสมัครวีซ่าในกลุ่มนี้ได้นะครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นครอบครัว ดังนั้น ผู้สมัคร ก็ต้องมีความสัมพันธ์ ทางสายเลือด หรือทางกฎหมายนะครับ แต่สำหรับคุณสมบัติปลีกย่อยคุณก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ว่า เป็นครอบครัวแล้วจะง่าย เพราะที่เคยได้ยินมานะครับ ผลการสอบภาษาอังกฤษต้องได้ในระดับ 7 อย่างไรลองตรวจสอบกับทางเว๊ปไซด์อีกครั้งนะครับ เพื่อความถูกต้อง
ส่วนวีซ่าทำงาน (Temporary / permanent working visa) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นวีซ่าที่คุณสามารถทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานของออสเตรเลีย แต่ก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับ วีซ่าที่ใช้ความสามารถ แต่อันนี้ คุณจะต้องมีนายจ้างรับรอง และว่าจ้างคุณเป็นกิจลักษณะนะครับ ส่วนอันแรกไม่ต้องมี เพราะคุณมีความสามารถด้วยตัวคุณเอง หวังว่าคงไม่งง นะครับ
ช่วงเวลานี้ เปรียบเสมือนวางแผนการรบ ไม่เพียงแต่ วิธีการที่คุณจะต้องเลือก ว่าวีซ่าตัวไหน จะมีคุณสมบัติที่ตรงกับความสามารถของคุณ ๆ แต่คุณจะต้องวางตัวของผู้สมัครด้วย ขั้นตอนอาจจะกินระยะเวลาพอสมควร เพราะไม่เพียงแต่ศึกษา และเลือกวีซ่าเท่านั้น แต่คุณต้องดูด้วยว่าใคร จะผู้สมัครหลัก และผู้สมัครรอง หรือแยกสมัครไป คนละวีซ่า ประเด็นนี้ ขอขยายความตามนี้นะครับ ถ้ามีผู้สมัคร 2 คน คือคุณ และอีกท่าน หรือคนอื่น ๆ เพิ่มเติม จากคำแนะนำเบื้องต้น ตอนนี้คุณก็จะรู้แล้วว่า ใครเป็นอะไร มีพื้นฐาน ความรู้ และความสามารถแบบไหน และวีซ่าตัวไหน น่าจะเข้ากลุ่ม หรือมีความเป็นไปได้ เพื่อให้ผ่านการพิจารณานะครับ บางครั้ง ผมไม่สนใจว่า ผู้นำจะต้องนำตลอด ลองมาเป็นผู้ตามดูบ้าง เผื่อว่าในวิกฤต อาจจะมีโอกาสที่มากขึ้น ยกตัวอย่าง สามี ภรรยา คู่หนึ่ง มีความสนใจ และจะสมัครเป็นพลเมืองของออสเตรเลีย สามีทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัทฯ ข้ามชาติ ในตำแหน่งผู้บริหารฯ ระดับสูง ส่วนภรรยา ทำงานวิชาชีพพยาบาล มองดูแล้วอาจจะมองว่าสามีน่าจะมีภาษี ดีกว่า แต่อย่าลืมว่า คุณภรรยานั้น ประกอบวิชาชีพ ในสาขาที่คาดแคลนในออสเตรเลีย และมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าสมัครวีซ่า ผมอาจจะเลือกวางตัวของคุณภรรยา เป็นหลัก และให้คุณสามีเป็นรอง อันนี้เป็นตัวอย่างนะครับ หวังว่าคงพอได้มุมมอง
2. อยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ
หลังจากที่ความคิด ข้อมูล และการวางแผนของคุณตกผลึก เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการยื่นสมัครนะครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลูกเสือ กับถ้ำเสือ เพราะโดยส่วนใหญ่ ผู้สมัครหลายคน จากที่เคยพูดคุยนะครับ คือศึกษาแล้ว แต่ไม่ลงมือสมัคร คือคิดว่ายังไม่พร้อมในเรื่องเอกสารบ้าง มีความไม่มั่นใจบ้าง หรือเอกสารยังไม่ครบบ้าง อย่าลืมนะครับ ว่าเวลาที่ปล่อยให้ผ่านไปในแต่ละช่วงล้วนแต่มีความสำคัญ ซึ่งในขั้นตอนนี้ จะกินเวลาค่อนข้าง ยาวนานนะครับ มีหลายสิ่งอย่างอาจจะเกิดขึ้นอย่างที่คุณ ๆ คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างของกรณีผมนะครับ ตอนที่ผมสมัครนั้นระดับภาษาอังกฤษที่ต้องการอยู่ในระดับ 6 (IELTS 6 all skills) โชคดีที่ผมสมัครก่อนเปลี่ยนกฎ เพราะหลังจากนั้นแล้ว เปลี่ยนเป็น ระดับ 7 ภายในช่วงไม่กี่เดือนหลังจากยื่นใบสมัครไปแล้ว ถึงตอนนี้ ถ้าใครถือใบสมัคร แต่ไม่ยอมยื่น เพราะมัวแต่กล้า ๆ กลัว ๆ ก็ต้องใช้ระดับภาษาอังกฤษที่ IELTS ระดับ 7 แทนครับ และไม่ใช่ 7 แบบรวมนะครับ ต้องแยก ในแต่ละความสามารถด้วยนะครับ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าเราจะต้องใช้กฎไหน ทางเจ้าหน้าที่จะใช้วันที่ยื่นเป็นสำคัญครับ คือถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกฎหลังจากที่คุณยื่นไป แล้วคุณก็จะได้รับการพิจารณาในเงื่อนเดิมครับ ดังนั้นผมเลยอยากแนะนำให้คนที่จะสมัคร เมื่อความคิดของคุณตกผลึกแล้ว และมีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการแล้ว ก็สมัครเลยครับ เอกสารจะยังไม่ครบ ก็อาจจะส่งตามไปให้ภายหลังได้ เพราะอย่างน้อย การพิจารณาต้องกินเวลายาวนาน และคุณอาจจะต้องออกแรงบ้างในเรื่องเอกสารในภายหลัง เพราะหลังจากยื่นเอกสารการสมัครแล้ว อาจจะมีการตรวจสอบ และร้องขอเอกสารเพิ่มเติมเป็นระยะ นะครับ อันนี้ผมหมายถึง ในกรณีที่คุณติดต่อ และยื่นเอกสารเองโดยไม่ผ่านตัวแทนฯ ซึ่งสามารถกระทำได้ ถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องภาษา ในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าคุณสะดวกที่จะให้ตัวแทนฯ ดำเนินการ คุณก็จะได้รับการติดต่อจากตัวแทนฯ เช่นกัน ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว ผมจึงอยากให้คุณติดต่อตามผลเป็นระยะ ด้วยนะครับ ถึงแม้นว่าจะติดต่อเอง หรือผ่านตัวแทนที่ช่วยดำเนินการให้คุณ เพราะความล่าช้าในการตอบกลับอาจจะมีผลโดยตรงกับการพิจารณาวีซ่าของคุณนะครับ
ขั้นตอนนี้ จะไม่มีอะไรมาก นอกจากร้องเพลงรอ ติดตาม และส่งเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในขั้นตอนนี้ คือ ข้อมูลที่คุณได้ให้ไว้กับทางเจ้าหน้าที่ ต้องตรงกับความเป็นจริงทุกประการ ขอย้ำนะครับทุกประการ (ใส่ตัวหนาขีดเส้นใต้ไว้เลย) เพราะถ้ามีความคลาดเคลื่อน ก็อาจจะมีผลโดยตรงกับการสมัครของคุณ และคณะเช่นกัน
สำหรับการตรวจสอบ จากประสบการณ์ที่ผมเคยมีโอกาสสนทนา กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และประสบการณ์ตรง ข้อมูลต่าง ๆ ที่คุณให้ไว้กับทางเจ้าหน้าที่ จะถูกสอบกลับไปหาถึงต้นตอทั้งหมด แบบสุ่มนะครับดังนั้น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หรือบิดเบือนข้อมูล ไม่ว่าการศึกษา หน้าที่การงาน ร่วมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่คุณส่งเพื่อประกอบการพิจารณา ก็จะมีผลทันทีครับ ตัวอย่างของกรณีผม คือทางเจ้าหน้าที่โทรทางไกลกลับไปหา ที่ทำงานเก่าที่ผมเคยทำสมัครเรียนจบใหม่ ๆ พอดีมีโอกาสการไปเยี่ยมเจ้านายเก่า เลยทราบ เพราะทางเจ้าหน้าที่โทรกลับไปถามข้อมูลต่าง ๆ ตอนที่ผมทำงานกับบริษัทฯ นั้นว่าทำจริงไหม และมีประวัติการทำงานตามที่ผมได้กล่าวอ้างในเอกสารไหม อีกทั้งประกอบกับ ผมยื่นสมัครพร้อมภรรยา ก็ยังการสอบกลับไปยังที่บ้าน แต่ไม่ใช้ชื่อผมในการสอบถามนะครับ กลับใช้ชื่อสกุลของภรรยา ในการสอบกลับว่า เคยรู้จักคนนามสกุลนี้ไหม เอาเข้าไปสิครับ ทำอย่างกับเราไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะเขาคิดว่าอาจจะมีการบิดเบือนข้อมูล เพราะทุกคนที่อยู่ในใบสมัคร จะถูกสุ่มตรวจได้หมด และวีธิการก็แตกต่าง กันไป ดังนั้น ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้การพิจารณากินเวลายาวนาน เพื่อพิสูจน์ว่า ทุกสิ่งอย่างเป็นความจริงครับ แต่ถ้าคุณตอบตามจริง ก็ไม่มีอะไรน่าจะกังวล
อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วน่าจะพอให้คุณเห็นภาพคร่าว ๆ ได้บ้างแล้วว่า จะต้องใช้กำลังกาย และกำลังใจขนาดไหนในเริ่มต้นการเดินทางถ้าได้รับการพิจารณาเพื่อให้ได้รับวีซ่าถาวร เพราะนี่คือกุญแจสำคัญสู่กันเ
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบว่า ความยากง่ายในการขอเป็น ซิติเซ่น ที่ ออสเตเลีย คับ
ปล. ผมแพลนไว้ว่าจะไป ลองดูก่อนคับ พอดี พี่สาวผมเป็น ซิติเซ่นไป ละ ผมเลยว่าจะไปทำงานร้านอาหารดู (ร้านพี่สาวนะคับ) ละได้คุยกันว่า อยากจะไป อยู่ที่นู่น เลย ละพี่สาวอาจจะขอ วีซ่า ทำงานให้ก่อน หลังจาก ผมไปลองดู แล้วตัดสินใจว่าจะไป อยู่ หรือ ไม่ไปอยู่
ถ้าอ่านแล้ว งง ขออภัยนะคับ กระทู้แรก ในพันทิพ