มีเรื่องเล่าว่า ในปี 2512 ตอนที่คุณหญิงจารุวัน สมัครเข้าทำงานที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีผู้สอบผ่านข้อเขียนทั้งหมดสามคน คือ นส. จารุทรี นส. จารุทวู และ นส. จารุวัน ซึ่งเป็นสุภาพสตรีทั้งหมด แต่ต้องคัดเลือกเหลือเพียง 1 คน เนื่องจากว่า ผู้ที่จะเข้าทำงานกับ สตง. จะต้องมีทักษะในการเป็นนักสืบ ต้องเป็นคนช่างสังเกตุ จึงจะทำหน้าที่ใน สตง. ได้ดี ดังนั้น จึงมีการสอบสัมภาษณ์เพื่อทดสอบทักษะในการจดจำใบหน้าคน ในห้องทดสอบ อาจารย์ผู้ทำหน้าที่สอบ เรียกสาวทั้ง 3 คน เข้ามานั่งด้วยกันในห้องสอบพร้อมกัน จากนั้น ก็ฉายภาพผู้ต้องหารายหนึ่งที่คัดมาขึ้นบนจอเพียง 5 วินาที แล้วก็เอาภาพที่ฉายออก จากนั้นก็บอกทั้งสามคนว่า “นี่คือผู้ต้องสงสัย เขาเป็นชายวัยกลางคน เรียนค่อนข้างสูง มีสายตาสั้น ผมหยิก แต่งกายดี ถ้าคุณจะต้องตามจับเขา คุณจะมีวิธีจำหน้าคนคนนี้ยังไง“
นส. จารุทรี ตอบก่อน ด้วยความมั่นใจ “ง่ายมากคะ ถ้าดิฉันเจอคนคนนี้ รับรองจับได้ทันที เพราะในรูป ชายคนนี้ มีตาข้างเดียว” อาจารย์ผู้สอบนึกขำในใจ นส.จารุทรี นี่ช่างโง่เง่าจริง ก็เป็นภาพถ่ายด้านข้าง ในรูปจึงเห็นแค่ตาเดียว
จากนั้นอาจารย์ก็หันไปถามผู้สอบคนที่สอง คือ นส. จารุทวู “แล้วคุณละ” นส.จารุทวู ตอบอย่างฉาดฉาน “คนคนนี้ ถ้าดิฉันเจอ รับรองรู้ทันที เพราะเขามีหูเพียงข้างเดียว” ผู้สอบกรอกตาไปมา นึกในใจว่า โง่อีกคนแล้ว ในรูปถ่ายเห็นหูข้างเดียวก็จริง แต่มนุษย์ที่ไหนจะมีหูข้างเดียว
ผู้สอบจึงหันไปถามผู้สอบคนสุดท้าย คือ นส จารุวัน ที่กำลังแสยะยิ้มที่มุมปากอันกว้างใหญ่ “แล้วคุณจารุวันละ จะใช้วิธีสังเกตุคนร้ายคนนี้ยังไง คิดให้ดีๆก่อนตอบนะ” นางสาวจารุวัน ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าจะสังเกตุคนคนนี้ ต้องดูที่นัยน์ตา เพราะเขาใส่คอนแทคเลนส์” เมื่อได้ยินคำตอบ อาจารย์ผู้สอบรู้สึกทึ่งและประทับใจใน นส.จารุวัน มาก เพราะตามประวัติในแฟ้มของผู้ต้องหารายนี้ แม้เขาสายตาสั้น แต่ก็ไม่เคยใส่แว่นตา เขาใส่แต่คอนแทคเลนส์
“เก่งมาก คุณจารุวัน คุณได้รับการคัดเลือกครับ เออ แต่บอกอาจารย์หน่อยได้ไหม ว่า มีวิธีสังเกตุยังไง ถึงรู้ว่า ผู้ต้องหารายนี้ใส่คอนแทคเลนส์” นส. จารุวันยิ้มแหยะๆ และตอบอย่างฉาดฉาน “ง่ายนิดเดียว เขาจะใส่แว่นตาได้ยังไงละคะ ในเมื่อเขามีตาข้างเดียวและหูข้างเดียว” คำตอบนี้ เป็นกุญแจส่งให้นส.จารุวันได้ทำงานที่ สตง. และเจริญเติบโตแบบจับพลัดจับผลูจนได้เป็นผู้ว่าการ
วีรกรรมหญิงเป็ดวันสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน สตง.
มีเรื่องเล่าว่า ในปี 2512 ตอนที่คุณหญิงจารุวัน สมัครเข้าทำงานที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีผู้สอบผ่านข้อเขียนทั้งหมดสามคน คือ นส. จารุทรี นส. จารุทวู และ นส. จารุวัน ซึ่งเป็นสุภาพสตรีทั้งหมด แต่ต้องคัดเลือกเหลือเพียง 1 คน เนื่องจากว่า ผู้ที่จะเข้าทำงานกับ สตง. จะต้องมีทักษะในการเป็นนักสืบ ต้องเป็นคนช่างสังเกตุ จึงจะทำหน้าที่ใน สตง. ได้ดี ดังนั้น จึงมีการสอบสัมภาษณ์เพื่อทดสอบทักษะในการจดจำใบหน้าคน ในห้องทดสอบ อาจารย์ผู้ทำหน้าที่สอบ เรียกสาวทั้ง 3 คน เข้ามานั่งด้วยกันในห้องสอบพร้อมกัน จากนั้น ก็ฉายภาพผู้ต้องหารายหนึ่งที่คัดมาขึ้นบนจอเพียง 5 วินาที แล้วก็เอาภาพที่ฉายออก จากนั้นก็บอกทั้งสามคนว่า “นี่คือผู้ต้องสงสัย เขาเป็นชายวัยกลางคน เรียนค่อนข้างสูง มีสายตาสั้น ผมหยิก แต่งกายดี ถ้าคุณจะต้องตามจับเขา คุณจะมีวิธีจำหน้าคนคนนี้ยังไง“
นส. จารุทรี ตอบก่อน ด้วยความมั่นใจ “ง่ายมากคะ ถ้าดิฉันเจอคนคนนี้ รับรองจับได้ทันที เพราะในรูป ชายคนนี้ มีตาข้างเดียว” อาจารย์ผู้สอบนึกขำในใจ นส.จารุทรี นี่ช่างโง่เง่าจริง ก็เป็นภาพถ่ายด้านข้าง ในรูปจึงเห็นแค่ตาเดียว
จากนั้นอาจารย์ก็หันไปถามผู้สอบคนที่สอง คือ นส. จารุทวู “แล้วคุณละ” นส.จารุทวู ตอบอย่างฉาดฉาน “คนคนนี้ ถ้าดิฉันเจอ รับรองรู้ทันที เพราะเขามีหูเพียงข้างเดียว” ผู้สอบกรอกตาไปมา นึกในใจว่า โง่อีกคนแล้ว ในรูปถ่ายเห็นหูข้างเดียวก็จริง แต่มนุษย์ที่ไหนจะมีหูข้างเดียว
ผู้สอบจึงหันไปถามผู้สอบคนสุดท้าย คือ นส จารุวัน ที่กำลังแสยะยิ้มที่มุมปากอันกว้างใหญ่ “แล้วคุณจารุวันละ จะใช้วิธีสังเกตุคนร้ายคนนี้ยังไง คิดให้ดีๆก่อนตอบนะ” นางสาวจารุวัน ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าจะสังเกตุคนคนนี้ ต้องดูที่นัยน์ตา เพราะเขาใส่คอนแทคเลนส์” เมื่อได้ยินคำตอบ อาจารย์ผู้สอบรู้สึกทึ่งและประทับใจใน นส.จารุวัน มาก เพราะตามประวัติในแฟ้มของผู้ต้องหารายนี้ แม้เขาสายตาสั้น แต่ก็ไม่เคยใส่แว่นตา เขาใส่แต่คอนแทคเลนส์
“เก่งมาก คุณจารุวัน คุณได้รับการคัดเลือกครับ เออ แต่บอกอาจารย์หน่อยได้ไหม ว่า มีวิธีสังเกตุยังไง ถึงรู้ว่า ผู้ต้องหารายนี้ใส่คอนแทคเลนส์” นส. จารุวันยิ้มแหยะๆ และตอบอย่างฉาดฉาน “ง่ายนิดเดียว เขาจะใส่แว่นตาได้ยังไงละคะ ในเมื่อเขามีตาข้างเดียวและหูข้างเดียว” คำตอบนี้ เป็นกุญแจส่งให้นส.จารุวันได้ทำงานที่ สตง. และเจริญเติบโตแบบจับพลัดจับผลูจนได้เป็นผู้ว่าการ