ชยสาโร ภิกขุ "ฉลาดจริง ต้องไม่ทุกข์"

การศึกษาตามแนววิถีพุทธ มีความเรียบง่าย ลึกซึ้ง ไม่จำเป็นต้องเชื่อ ลองทำก่อน แล้วจะเห็นผล ถ้าไม่เห็นผล ลองสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต


          34 ปีแล้วที่พระอาจารย์ ชยสาโร ลูกศิษย์หลวงพ่อ ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ครองผ้าเหลืองทำหน้าที่เผยแพร่ธรรม
โดยในช่วงหนึ่งท่านตอบแทนบุญคุณครูบาอาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ จ.อุบลราชธานี และช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ท่านขอปลีกวิเวกไม่รับเป็นเจ้าอาวาสวัด เพื่อจะได้มีเวลาปฎิบัติมากขึ้น โดยพักอยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา
ท่านช่วยวางรากฐานเรื่องการศึกษาตามแนววิถีพุทธให้โรงเรียนทอสี โรงเรียนปัญญาประทีป เพื่อเป็นตัวอย่างการเรียนรู้วิถีพุทธ
ในระบบการศึกษาไทย และแบ่งเวลาบางส่วนบรรยายธรรมให้ญาติโยมฟังเดือนละสองครั้ง โดยไม่รับกิจนิมนต์ใดๆ

                    

พระอาจารย์ชยสาโร ให้ความสำคัญกับการปฎิบัติตามแบบพระป่าเป็นอันดับต้นๆ ส่วนเรื่องการเผยแพร่ธรรมก็ทำควบคู่ไปด้วย
โดยเฉพาะการนำพุทธศาสนาเข้าไปสู่ระบบการศึกษา ท่านมองว่า หัวใจของพุทธศาสนา คือ ระบบการศึกษา เพราะสังคมไทยมีความเข้าใจผิดๆ
ในหลายเรื่อง ยกตัวอย่างการพัฒนาคน เข้าใจกันว่าต้องเน้นที่ความเก่ง ฉลาดเป็นอันดับแรก

แต่ความฉลาดในความหมายของท่าน มีคำอธิบายง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง คนฉลาดที่หลายคนเข้าใจ คือเก่งในทุกเรื่อง อธิบายได้ทุกอย่าง
มีเหตุ มีผล แต่แก้ปัญหาชีวิตให้ตัวเองและสังคมไม่ได้ นั่น...ใช่ความฉลาดหรือไม่
ระหว่างการสนทนาท่านบอกว่า "เมื่อความฉลาดเป็นสิ่งที่ต้องปกป้องไว้ตลอดเวลา เวลาจะสอบเด็กพวกนี้จะเครียดมาก ถ้าทุจริตได้ก็จะทำ
เพื่อที่จะปกป้องภาพพจน์ตัวเองว่าเป็นคนฉลาด เวลาสอบตกก็ทุกข์และซึมเศร้า ก็พิสูจน์ได้ว่า ไม่ฉลาดจริง"
แล้วฉลาดจริง เป็นอย่างไร...
จึงเป็นที่มาของการสนทนาธรรม ณ เสถียรธรรมสถาน เนื่องจากท่านมารับรางวัลตาราอวอร์ด



ดอกไม้ ในมุมมองของพระอาจารย์ ระบบการศึกษาไทยเป็นอย่างไร?

          อาตมาสนใจเรื่องการศึกษามาตลอด แม้ตอนนั้นจะบริหารวัดป่านานาชาติ ก็มีกิจกรรมทางด้านการศึกษา
อาตมาวิเคราะห์ปัญหาการศึกษาในเมืองไทยว่า คนที่มีฐานะดีมาก จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ถ้าฐานะปานกลางก็
ส่งลูกไปโรงเรียนคริสต์ จบแล้วก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ก็แปลว่า ชนชั้นนำของเมืองไทย ปัญญาชน
เติบโตโดยเข้าใจหลักพุทธศาสนาน้อยมาก คำสั่งสอนเพื่อพัฒนาตนหรือสังคมแทบจะไม่รู้จักเลย อาตมาว่า เป็นสิ่ง
ที่น่าเสียดาย และไม่น่าเป็นไปได้

เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว มีช่วงหนึ่งอาตมาเดินทางไปเมืองบอสตัน อเมริกา พานักศึกษาที่เรียนในมหาวิทยาลัยไปเดินป่า
ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ เป็นโอกาสที่นักศึกษาได้สนทนาธรรมกับพระอย่างเป็นกันเองและได้รับคำแนะนำ
ซึ่งเป็นโครงการที่ดี แต่อาตมาไม่สามารถเดินทางไปทุกปี ต่อมาเมื่ออาตมามีลูกศิษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ที่โรงเรียนทอสี
และไม่พอใจระบบการศึกษาแบบเดิมๆ อาตมาจึงเป็นที่ปรึกษานำหลักคำสอนพระพุทธเจ้ามาใช้พัฒนาจิตใจเด็ก
โรงเรียนทอสี และโรงเรียนประจำที่ปัญญาประทีป นครราชสีมา รวมถึงโรงเรียนสองภาษาปัญญาเด่น เชียงใหม่


ดอกไม้ ทำไมพระอาจารย์เลือกเป็นที่ปรึกษาให้โรงเรียนทางเลือก ทั้งๆ ที่มีอีกหลายแห่งต้องการนำแนวทางวิถีพุทธไปใช้

          เวลาและกำลังอาตมามีจำกัด เพราะนี่เป็นวิธีลัด เพื่อเข้าถึงชนชั้นนำที่มีอำนาจที่จะพัฒนาระบบ การศึกษาแนวพุทธิปัญญา
ต้องอาศัยความร่วมมือตั้งแต่ครู นักเรียนและผู้ปกครอง ซึ่งโรงเรียนรัฐไม่ค่อยมีความพร้อมของผู้ปกครองและครู ในส่วนที่อาตมา
ทำงานเหมือนการทำเป็นตัวอย่าง เพื่อโรงเรียนอื่นๆ จะได้เอาบางส่วนที่เหมาะกับเด็กๆ ไปใช้ เพราะสภาพความเป็นอยู่และปัจจัย
ไม่เหมือนกัน ถ้าจะทำเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบ เพื่อจะเป็นตัวอย่าง คงต้องเป็นโรงเรียนเอกชน


ดอกไม้ การพัฒนาคน ต้องเริ่มตั้งแต่เยาว์วัย ?

           ไม่ว่าที่ไหน มนุษย์สอนยาก ตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่ไม่ว่าหญิงหรือชายมีศักยภาพในการเรียนรู้มากกว่าสัตว์เดรัจฉาน


ดอกไม้ที่พระอาจารย์บอกว่า คนสอนยาก หมายถึงในมุมไหน?

          อาตมาจะพูดตรงๆ ยกตัวอย่างปัญญาชน คนพวกนี้เวลาคุยเรื่องทางโลกดูน่าฟัง ใช้เหตุ ใช้ผล คิดวิเคราะห์ได้ดี แต่พอพูดถึงพุทธศาสนา
อาตมาตกใจ ทำไมในเรื่องหนึ่งฉลาด แต่อีกเรื่องไม่ใช้สติปัญญา ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้รู้อะไรเลย ส่วนใหญ่พูดแบบไม่คิด เป็นการวิจารณ์พุทธศาสนา
ในสมองมากกว่า ซึ่งเป็นความคิดของคนที่ไม่เคยตั้งใจศึกษาธรรม แม้แต่ในเรื่องการศึกษาเอง เขาก็ไม่เข้าใจว่า ในโลกตะวันตกก็ไม่ได้ประสบ
ความสำเร็จในระบบการศึกษา เป็นปัญหาวิกฤติตลอดมาก แต่ภาพการศึกษาต่างประเทศในเมืองไทยดูดีกว่าที่เป็นจริง เพราะเชื่อและงมงาย


ดอกไม้ ฉลาดในการวิเคราะห์ ใช้เหตุและผลได้ดี แต่ไม่ได้หมายถึงมีสติปัญญา ?

          เพราะคนเข้าใจเปลือกพุทธศาสนามากกว่าหัวใจพุทธศาสนา คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นระบบการศึกษาที่สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ถ้าจะมองจากระบบทั้งหมด สามารถนำมนุษย์ออกจากความมืดไปสู่ความสว่าง จากปุถุชนเป็นอาริยชน
ถึงแม้เราจะไม่ต้องการถึงขั้นอาริยชน แต่เราต้องการให้คนมีความเจริญทั้งพฤติกรรม จิตใจและปัญญาพร้อมๆ กัน ไม่มีระบบการศึกษา
ที่ไหนจะดีเท่าระบบการศึกษาของพระพุทธเจ้า อันนี้คือ ความเชื่อของอาตมา นักวิชาการ ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ควรศึกษาคำสอนของ
พระพุทธเจ้าให้ดี สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระบบการศึกษาได้อย่างไร ควรใช้กับเด็กวัยต่างๆ อย่างไร นี่คืองานที่อาตมาทำ

อาตมาอยากถามว่า ความฉลาดคืออะไร ถ้ามองอีกด้าน เครื่องวัดความฉลาดที่แน่นอนที่สุด ก็คือ ศีล5 เพราะคนเราต้องการสุข
ไม่ต้องการทุกข์ กฎแห่งกรรมมีจริง การผิดศีล คือ การสร้างความทุกข์ ความเดือดร้อนให้ชีวิตเราในระยะยาว เพราะฉะนั้นคนฉลาดจริงๆ
ไม่มีทางผิดศีล 5 นี่คือ แง่มุมหนึ่งที่ว่า ความฉลาดอยู่ตรงไหน ทุกวันนี้เรารู้ว่า คนฉลาด ไอคิวสูง แล้วมีผลดีต่อสังคมตรงไหน
ถ้าทำให้สังคมเสียหาย ฉลาดในการเอารัดเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว เราไม่อยากให้เกียรติว่า คนที่ทำแบบนี้เป็นปัญญาชน
ถ้าใช้ไอคิวเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตนและครอบครัว และสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อาตมาไม่ยอมรับว่า เป็นพฤติกรรมของปัญญาชน
เพราะฉะนั้นเราใช้คำว่า ปัญญาชนง่ายเกินไป


ดอกไม้ แล้วพระอาจารย์จะใช้คำว่าอะไร?

          โยมคิดว่า อะไรคือความฉลาด อาตมาถามจริงๆ เวลาบอกว่า คนนี้ฉลาด คนนั้นไม่ฉลาด อยากถามว่า ความฉลาดแปลว่าอะไร
ก็ตอบไม่ถูก แบบนี้งมงายได้ไหม แล้วใช้ศัพท์พวกนี้ทุกวัน มีความคิดเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า ตัวความฉลาดคืออะไร อาตมาขอ
ยกตัวอย่างงานวิจัยในมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา เขาถามนักศึกษาว่า Are you smart ? เด็กฮาร์เวิร์ด ส่วนใหญ่ตอบว่า Yes
หลังจากนั้นอาจารย์ที่สอนลองทดสอบ โดยเปิดโอกาสให้ทุจริตในการสอบ ปรากฏว่า เด็กที่ทุจริต คือ เด็กที่เชื่อว่าตัวเองฉลาด แต่เด็กที่เชื่อ
ว่าตัวเองฉลาด จะไม่ฉลาดในหลายเรื่อง เมื่อความฉลาดเป็นสิ่งที่ต้องปกป้องไว้ตลอดเวลา เวลาจะสอบเด็กพวกนี้จะเครียดมาก ถ้าทุจริตได้ก็จะทำ
เพื่อที่จะปกป้องภาพพจน์ตัวเองว่าเป็นคนฉลาด เวลาสอบตกก็ทุกข์และซึมเศร้า ก็พิสูจน์ได้ว่า ไม่ฉลาดจริง เพราะเวลาทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
เด็กที่คิดว่าตัวเองฉลาดจะไม่ค่อยเก่งเรื่องพวกนี้ เพราะความคิดสร้างสรรค์เป็นความเสี่ยง คนที่ฉลาดไม่อยากเสียภาพพจน์ จึงไม่อยากเสี่ยง
ในหลายประเด็นคนที่ถือตัวว่าฉลาด กลายเป็นคนไม่ฉลาด หรือพ่อแม่ที่ชมลูกว่า ลูกทำอย่างนั้นฉลาดมาก นั่นไม่ใช่การชมลูกที่ดี


ดอกไม้ ถ้าเป็นอย่างนั้น พ่อแม่ควรชมลูกอย่างไร?

          ชมความเพียรพยายาม เมื่อเพียรแล้วสอบตก ก็ไม่ค่อยเป็นทุกข์ เพราะเขาคิดได้เองว่า ทำความเพียรไม่พอ ต้องขยันมากขึ้น ผลของงาน
เกิดจากการกระทำ นี่คือหลักพุทธศาสนา คือ สอนให้เด็กไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า ตัวเองฉลาด สามารถประสบความสำเร็จด้วยความเพียร แต่ผู้ปกครอง
ก็ต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย ดังนั้นเรื่องวิถีพุทธ เราดูที่แรงบันดาลของนักเรียนควรจะอยู่ตรงไหน ควรฝึกนิสัยอย่างไร มีความสุขในการเรียนรู้
มากกว่าผลการเรียน เพราะหลังจากจบการศึกษา วิชาการที่เรียนมาทิ้งไป 70-80 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เราควรจะเน้นมากกว่าวิชาการก็คือ ความรัก
ในการศึกษา ความอดทน คุณธรรมต่างๆ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ดี เรียนรู้พัฒนาตัวเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ความสำคัญ
กับวิชาการ มีความสำคัญแน่นอน แต่ไม่ใช่ว่าเก่งวิชาการแล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิต


ดอกไม้ คำว่า ความฉลาด ถูกตีความไม่เหมือนกัน ?

          แม้แต่ในอังกฤษก็ต้องเพิ่มการเรียนรู้เรื่องความฉลาดในเรื่องพฤติกรรม ความสามารถในการปรับตัวอยู่กับชุมชน การควบคุมบริหาร
อารมณ์ตัวเอง ในเมืองนอกตอบรับเรื่องพวกนี้ หลายโรงเรียนมีคอร์สสอนเรื่องสติ การรู้จักตัวเอง เพื่อให้อยู่ในปัจจุบันขณะ เราอยู่ในยุคที่ทางตะวันตก
กำลังสำนึกถึงความบกพร่องในระบบการศึกษา ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาชีวิตมีอยู่ในพุทธศาสนา

ถ้าหากมีการพัฒนาการศึกษาตามแนวพุทธิปัญญา เมืองไทยก็เป็นผู้นำเรื่องนี้ แต่คนยังขาดความรู้และความศรัทธาในภูมิปัญญาตัวเอง
กลับไปยกย่องตะวันตก แทนที่จะเป็นผู้นำก็เป็นผู้ตามตลอด ถ้าเข้าใจการพัฒนาจิตใจ พฤติกรรม และการอยู่ในสังคม ต้องทำแบบองค์รวม
ไม่ใช่การศึกษาแยกส่วน มีเด็กฉลาดๆ ติดยา ติดเกม เยอะมาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นกับความฉลาด เราอยู่ในยุคที่หวังว่า ถ้าคนมีการศึกษาที่ดี
ประเทศชาติก็เจริญ มันเป็นความเชื่องมงาย โดยถือว่า การศึกษาวัดด้วยปริญญาบัตร ถ้าจะแก้ปัญหาคอรัปชั่น ก็บังคับกันว่า คนต้องมี
การศึกษาจบปริญญาตรี ปริญญาโท แล้วมันจะมีผลอะไร


ดอกไม้ หลังจากเป็นที่ปรึกษาให้โรงเรียนทอสี พระอาจารย์มองเห็นการพัฒนาการศึกษาที่ชัดขึ้น ?

          สิบกว่าปีที่อาตมาทำเรื่องเหล่านี้ หน้าที่อาตมาคือการอบรมครู เป็นที่ปรึกษาของครู ทั้งโรงเรียนทอสีและปัญญาประทีป
ครูต้องเข้าคอร์สปฎิบัติธรรมในเดือนตุลาคมทุกปี เวลาใครมีปัญหาก็ให้พบปรึกษา อีกอย่างโรงเรียนก็ต้องมีการพัฒนาขึ้นๆ ลงๆ
เหมือนวัด ไม่ใช่ว่าจะดีขึ้นทุกปี แต่โดยภาพรวมอาตมาว่า การพัฒนาครูดีขึ้น แต่ถ้าให้อาตมาประเมิน คงไม่กล้า ต้องให้คนนอกระบบประเมินผล


ดอกไม้ เด็กๆ ต้องฉลาดในการใช้ชีวิตอย่างไร?

          ตะวันตกจะให้ความสำคัญกับตัวบุคคลมากกว่าในเมืองไทย อย่างน้อยเด็กไทยยังรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและสังคม
ต่างจากเด็กตะวันตกจะเน้นความเป็นปัจเจก อาตมาอยากยกตัวอย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ระหว่างเด็กอเมริกันกับเด็กญี่ปุ่นให้เลือกในการวาดรูปสัตว์
ธรรมชาติ เมือง โดยครูสั่งให้เด็กอเมริกากลุ่มแรกวาดรูปนกใช้ปากกาสีแดง กลุ่มที่สองใช้ปากกาสีอะไรก็ได้ เด็กอเมริกันที่เลือกใช้สีอะไรก็ได้
จะใช้เวลานานกว่า ประณีตกว่า มีความสุขมากกว่า แต่เด็กญี่ปุ่นคิดต่างจากเด็กอเมริกัน พวกเขาไม่ได้คิดว่าความสุข หรือความเป็น
ตัวตนของเขาขึ้นอยู่กับการมีทางเลือก จึงไม่ใช่กฎตายตัวของธรรมชาติว่า ความเป็นตัวของตัวเองคือทางเลือก เป็นแค่การสมมติของวัฒนธรรม

อีกโจทย์หนึ่งที่อาตมาอยากเล่าคือ คุณครูบอกต่อว่า จะให้วาดรูป โดยให้เด็กๆ โทรถามคุณแม่ว่าจะให้วาดรูปอะไร เมื่อคุณแม่เด็กอเมริกันบอกว่า
ให้ลูกวาดรูปนกสีแดง เด็กอเมริกันก็จะไม่พอใจและบอกว่า มันเกี่ยวอะไรกับแม่ จึงไม่มีผลต่อความพยายามหรือความตั้งใจ ส่วนแม่ของเด็กญี่ปุ่นบอกว่า
อยากให้ลูกวาดรูปนกใช้ปากกาสีแดง เด็กญี่ปุ่นก็จะวาดประณีตมาก ตั้งใจ เขาจะมีกำลังใจเท่าเด็กอเมริกันที่สามารถจะเลือกได้ นี่คือความแตกต่างทางวัฒนธรรม
แล้วเด็กญี่ปุ่นก็จะถามคุณครูว่า คุณแม่หนูจะชอบไหม มันสำคัญมาก เป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่