ช่วงปิดเทอมคนไทยหอบลูกหลานไปสิงคโปร์กันเยอะมาก ถึงขนาด USS ออกโปรตั๋วค่าเข้าราคา ONLY THAI CITIZEN!!
เอาข้อมูลมาแชร์เผื่อใครที่กำลังจะไปจะได้เตรียมตัวกันค่ะ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้ไป ทำให้มีข้อมูลเปรียบเทียบ ไม่ได้สปอนเซอร์จากใครนะคะ (กลัวเจอดราม่า) เงินตัวเองล้วนๆ ความคิดเห็นเป็นของตัวเองและคนที่ไปเที่ยวด้วยค่ะ
เริ่มจากการผ่านตม. : แนะนำว่าให้เมื่อรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วและเดินมาจนถึง Immigration แล้ว ให้ต่อแถวที่ช่องขวามือสุดของเราเลย เพราะช่องนี้จะแตกออกเป็นสามเคาน์เตอร์ เหมือนจ่ายเงินในท๊อปซูปเปอร์ค่ะ ช่องอื่นจะเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ใครอยากทำเวลามาช่องนี้เลย แต่อย่าลังเลเปลี่ยนไปมานะคะเพราะเจ้าหน้าที่จะจับตามอง เดี๋ยวจะโดนสงสัยตั้งแต่ยังไม่ตรวจพาสปอร์ต
ที่พัก : Peninsula Excelsior Hotel
โรงแรมตั้งอยู่ที่สถานี City Hall ทางออก B ออกมาแล้วตั้งสติริมถนนมองไปทางซ้าย เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นตึกสูงๆ พร้อมชื่อตึก เดินตรงไปจนถึงสี่แยกแรก เลี้ยวขวาหนึ่งที ข้ามถนน --> ถึงแล้ว!! ง่ายดายมาก
ข้อดี
- โรงแรมอยู่ตึกเดียวกับ Peninsula Plaza มีของกินหลายอย่างทั้ง Food Court , Fast Food เช่น KFC แม้แต่ Ya Kun Gaya Toast ก็มี
- มีร้านขายของ IT (ซื้อซิมโทรกลับไทยที่นี่) Watson (เหมาะกับสาวห้องแป้งที่ลืมครีมบำรุง) 7-eleven
มีสองตึก Tower A,B แต่ละตึกมีลิฟท์สามตัว ไม่ต้องคอยนานค่ะ
- โรงแรมตั้งอยู่ที่สถานี City Hall ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ มีรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านด้วย ใครจะไปช้อปปิ้ง Orchard สามารถขึ้นรถไฟฟ้าไป-กลับได้ง่ายมาก นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ China Town และ Clark Quay จะเดินไปเที่ยวหรือนั่งรถเมล์ไปก็ง่ายมาก หรือจะเดินไป Merlion ไปถ่ายรูปสวยๆ แถวโรงแรม Fullerton ก็ไม่ไกล คือโรงแรมเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการเดินทางสำหรับการเที่ยวครั้งนี้เลย
วิวจากห้องนอน - ตึกสีๆ คือกระทรวงวัฒนธรรม แค่ข้ามถนนจากระทรวงเราก็สามารถไปกินปูดูวิวที่ Clark Quay ได้แล้ว ส่วนวิวต้นไปสูงๆ เป็นสวนสาธารณะ Fort Canning Park เช้าๆ กับเย็นๆ จะมีคนมาวิ่งออกกำลงกายกันเยอะเลย
- ห้องพักและราคา : ห้องพักแบบต่ำสุดของโรงแรมเป็นแบบ Deluxe ดังนั้น จึงกว้างขวางพอที่จะเดินไปมาในห้อง วางกระเป๋าเดินทางได้หลายใบ ห้องน้ำมี Amentities ทุกอย่าง ห้องที่เราจองเป็นแบบ Deluxe Twin Bed สองห้อง จองผ่าน Agoda ได้โปรแบบที่ไม่สามารถคืนห้องหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ในราคาห้องละ 4700 กับเศษนิดหน่อย เรารีเควสห้องสูงๆ ไว้ เลยได้ชั้น 13
ตอนเช้าโรงแรมมีบริการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษแขวนไว้ที่หน้าห้องให้ฟรีด้วยค่ะ
ก่อนไปมีคนจะไปเพิ่มอีกหนึ่งคน เราเลยโทรไปถามที่โรงแรมโดยตรงว่าขอเสริมเตียงได้มั้ย โรงแรมบอกให้ติดต่อที่เคาน์เตอร์ในวันที่เข้าพัก เรทอยู่ที่ 60++ $ (บวกค่า Vat & Service Charge) แต่วันเข้าพักจริงพนักงานบอกว่าเตียงราคา 80++ ห๊า!! อะไรนะ เลยแย้งพนักงานว่าตอนโทรมาถามทำไมบอกว่าแค่ 60 พนักงานบอกว่าขอเช็คห้องก่อน ซักพักก็บอกว่ามีห้องแบบสามเตียงกำลังจะเช็คเอ๊าท์ แต่ต้องรอทำห้องประมาณห้าโมงเย็น จะรอมั้ย ถ้ารอจะไม่เสียค่าชาร์จเตียงเสริมเลย สถานการณ์พลิกแล้วสิ จากที่ต้องเสียเพิ่มสองพันกว่าบาทกลายเป็นว่าได้ฟรี เราก็เลยโอเคเลยเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแบบสองคนก่อน เที่ยวเสร็จค่ำๆ ค่อยมาเอากระเป๋าแล้วแยกย้ายห้องกัน
สรุป...เลยไม่รู้ว่าการเช็คอินนี่ดีหรือไม่ดี ถ้าเราไม่แย้งหรือโทรมาก่อนเค้าจะคิดราคาหมูเมืองไทยไปแล้ว แต่พอถามก็กลายเป็นได้ห้องดีไป ห้องแบบสามเตียงนี่ไม่ไก่กานะคะ เป็นเตียงสามเตียงไม่ใช่เตียงเสริม ขนาดห้องกว้างมากและ มีอ่างอาบน้ำด้วย และข้อเสียมีข้อเดียวคือ ไม่มีน้ำฟรีให้ค่ะ
** ข้อเปรียบเทียบ เคยไปพักที่ V Lavender การเดินทางใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหมือนกัน แต่สถานี City Hall ไกลกว่า Lavender สองสถานี
ห้องพักที่ V เป็นห้อง Superior เล็กกว่ามากๆ เตียงติดกัน ไม่มีที่เดิน ห้องน้ำแคบมากๆ แต่สะอาด ราคาเมื่อสามปีที่แล้ว 4,200 แหล่งของกินหาง่ายเหมือนกัน
ขอจบเรื่องโรงแรมแค่นี้นะคะ
มาต่อเรื่องการโทรศัพท์กลับเมืองไทย
ข้อมูลมาแนะนำว่าถ้าโทรเยอะๆ ให้ซื้อซิมโทรศัพท์ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั้งสนามบินและ 7-eleven
จากการแสกนทางสายตาที่สนามบินคนต่อแถวยาวมาก พวกเราเสียเวลาที่ Immigration นานแล้วเลยคิดว่าจะไปซื้อที่ 7
เมื่อถึง 7 พนักงานแนะนำว่าให้เอาแบบ 20$ เพราะสามารถเล่นเน็ตไได้ แต่เราแค่ต้องการแค่โทรกลับเลยขอซื้อแบบ 15$ แต่เพราะความรีบร้อนและคนต่อแถวจ่ายเงินเยอะมากกกก ล้นหลามและกดดัน เราไม่ทันได้ดูบัตรให้เรียบร้อย พอออกมาจากร้านแล้วถึงเห็นว่ามันเป็นบัตรเติมเงินไม่มีซิมการ์ดอยู่ที่บัตร เดินเข้าไปถามพนักงานอีกทีพนักงานบอกว่าใน 7 ไม่มีซิมขายแล้วต้องไปซื้อตามร้าน IT
ฮ่วย!!! พลาดไป 15$ นี่คูณเป็นเงินไทยแล้วใจหายเลย เลยไปร้าน IT ที่มีป้าย SingTel พนักงานจะขอแสกนพาสปอร์ตเก็บไว้เป็นหลักฐาน และใส่ซิมให้เราเรียบร้อยเลย ทีนี้โล่งใจว่าโทรได้แน่แล้ว โชว์โง่เป็นอุทาหรณ์ค่ะ ใครจะซื้ออย่ารีบร้อนนะคะ
ด้านบนคือบัตรเติมเงินที่เราพลาด ด้านล่างคือซิม เวลาซื้อลองดูดีๆ ก่อนจ่ายเงินนะคะจะได้ไม่พลาดเหมือนเรา -__-"
ราคาซิมที่ถูกสุด ณ เดือนมีนา 57 คือ 15 เหรียญค่ะ สัญญาณที่ดีสุดคือ SingTel แต่ก็ยัง Delay นะคะ
ใครที่ไปแล้วต้องการโทรกลับบ้านแบบคุยสั้นๆ บอกแม่ว่าถึงแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าแค่นี้แนะนำให้ใช้ตู้หยอดเหรียญก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อซิมหรอก คราวที่แล้วไปก็โทรตู้เอา แต่ใช้ซิมก็จะสบายใจที่คุยได้ยาวไม่ต้องระล่ำระลักคุย ลองเลือกดูนะคะ
ต่อกันด้วยเรื่องกิน
สิ่งที่เราไม่ควรพลาดคือการกินปู ครั้งที่แล้วเราไปกินปูผัดพริกที่ No Signboard สาขา Esplanade สั่งเป็นเซ็ตสองคน ราคา 139$++
เมนูตามรายการเลยค่ะ
คราวนี้เราตั้งใจจะไปลองความแตกต่างที่ร้าน Jumbo สาขา Clark Quay แต่เราไม่ได้จองโต๊ะไว้เพราะกลัวทำเวลาไม่ได้ตามที่จองเลยเสี่ยงมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเย็น ทางร้านบอกว่าต้องจองเท่านั้น ถ้ารอคิวต้องรอบหลังทุ่มครึ่งแต่ไม่การันตีว่าจะมีโต๊ะ เงิบสิคะ!!!
บรรยากาศยามเย็น
มีพนักงานร้านอาหารอีกร้านอยู่ชั้นสองของตึกเดียวกับ Jumbo มา present menu แถมส่วนลดให้อีก 10 ปูเซ็ง
แต่เราเลือกไปทานร้าน No Signboard แทน เพราะมั่นใจเรื่องคุณภาพ ไหนๆจะเสียตังค์ก็ไม่ควรเสียของ
คนที่ไป Clark Quay แล้วผิดหวังจาก Jumbo อย่าเพิ่งเสียใจ No Signboard ก็มีสาขาที่นั่นค่ะ อยู่บนตึกห้าง Central
บรรยากาศออกแนวภัตตาคารไม่ใช่ร้านริมน้ำเหมือนจัมโบ้ และคุณภาพเยี่ยม!
เมนูวันนี้ ข้าวผัดหยางโจว ข้าวเม็ดร่วนซุยดี รสอร่อย แต่ที่ฮ่องกงเด็ดกว่า
เต้าหู้สอดไส้ทะเลรวม กลิ่นทะเลอบอวนในปากเลยค่ะคุณชาคริต
ทีเด็ด
[CR] สิงคโปร์ **รวมเรื่องทุกเรื่องที่ไปมา ที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน และการโทรศัพท์กลับบ้าน**
เอาข้อมูลมาแชร์เผื่อใครที่กำลังจะไปจะได้เตรียมตัวกันค่ะ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้ไป ทำให้มีข้อมูลเปรียบเทียบ ไม่ได้สปอนเซอร์จากใครนะคะ (กลัวเจอดราม่า) เงินตัวเองล้วนๆ ความคิดเห็นเป็นของตัวเองและคนที่ไปเที่ยวด้วยค่ะ
เริ่มจากการผ่านตม. : แนะนำว่าให้เมื่อรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วและเดินมาจนถึง Immigration แล้ว ให้ต่อแถวที่ช่องขวามือสุดของเราเลย เพราะช่องนี้จะแตกออกเป็นสามเคาน์เตอร์ เหมือนจ่ายเงินในท๊อปซูปเปอร์ค่ะ ช่องอื่นจะเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ใครอยากทำเวลามาช่องนี้เลย แต่อย่าลังเลเปลี่ยนไปมานะคะเพราะเจ้าหน้าที่จะจับตามอง เดี๋ยวจะโดนสงสัยตั้งแต่ยังไม่ตรวจพาสปอร์ต
ที่พัก : Peninsula Excelsior Hotel
โรงแรมตั้งอยู่ที่สถานี City Hall ทางออก B ออกมาแล้วตั้งสติริมถนนมองไปทางซ้าย เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นตึกสูงๆ พร้อมชื่อตึก เดินตรงไปจนถึงสี่แยกแรก เลี้ยวขวาหนึ่งที ข้ามถนน --> ถึงแล้ว!! ง่ายดายมาก
ข้อดี
- โรงแรมอยู่ตึกเดียวกับ Peninsula Plaza มีของกินหลายอย่างทั้ง Food Court , Fast Food เช่น KFC แม้แต่ Ya Kun Gaya Toast ก็มี
- มีร้านขายของ IT (ซื้อซิมโทรกลับไทยที่นี่) Watson (เหมาะกับสาวห้องแป้งที่ลืมครีมบำรุง) 7-eleven
มีสองตึก Tower A,B แต่ละตึกมีลิฟท์สามตัว ไม่ต้องคอยนานค่ะ
- โรงแรมตั้งอยู่ที่สถานี City Hall ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ มีรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านด้วย ใครจะไปช้อปปิ้ง Orchard สามารถขึ้นรถไฟฟ้าไป-กลับได้ง่ายมาก นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ China Town และ Clark Quay จะเดินไปเที่ยวหรือนั่งรถเมล์ไปก็ง่ายมาก หรือจะเดินไป Merlion ไปถ่ายรูปสวยๆ แถวโรงแรม Fullerton ก็ไม่ไกล คือโรงแรมเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการเดินทางสำหรับการเที่ยวครั้งนี้เลย
วิวจากห้องนอน - ตึกสีๆ คือกระทรวงวัฒนธรรม แค่ข้ามถนนจากระทรวงเราก็สามารถไปกินปูดูวิวที่ Clark Quay ได้แล้ว ส่วนวิวต้นไปสูงๆ เป็นสวนสาธารณะ Fort Canning Park เช้าๆ กับเย็นๆ จะมีคนมาวิ่งออกกำลงกายกันเยอะเลย
- ห้องพักและราคา : ห้องพักแบบต่ำสุดของโรงแรมเป็นแบบ Deluxe ดังนั้น จึงกว้างขวางพอที่จะเดินไปมาในห้อง วางกระเป๋าเดินทางได้หลายใบ ห้องน้ำมี Amentities ทุกอย่าง ห้องที่เราจองเป็นแบบ Deluxe Twin Bed สองห้อง จองผ่าน Agoda ได้โปรแบบที่ไม่สามารถคืนห้องหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ในราคาห้องละ 4700 กับเศษนิดหน่อย เรารีเควสห้องสูงๆ ไว้ เลยได้ชั้น 13
ตอนเช้าโรงแรมมีบริการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษแขวนไว้ที่หน้าห้องให้ฟรีด้วยค่ะ
ก่อนไปมีคนจะไปเพิ่มอีกหนึ่งคน เราเลยโทรไปถามที่โรงแรมโดยตรงว่าขอเสริมเตียงได้มั้ย โรงแรมบอกให้ติดต่อที่เคาน์เตอร์ในวันที่เข้าพัก เรทอยู่ที่ 60++ $ (บวกค่า Vat & Service Charge) แต่วันเข้าพักจริงพนักงานบอกว่าเตียงราคา 80++ ห๊า!! อะไรนะ เลยแย้งพนักงานว่าตอนโทรมาถามทำไมบอกว่าแค่ 60 พนักงานบอกว่าขอเช็คห้องก่อน ซักพักก็บอกว่ามีห้องแบบสามเตียงกำลังจะเช็คเอ๊าท์ แต่ต้องรอทำห้องประมาณห้าโมงเย็น จะรอมั้ย ถ้ารอจะไม่เสียค่าชาร์จเตียงเสริมเลย สถานการณ์พลิกแล้วสิ จากที่ต้องเสียเพิ่มสองพันกว่าบาทกลายเป็นว่าได้ฟรี เราก็เลยโอเคเลยเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแบบสองคนก่อน เที่ยวเสร็จค่ำๆ ค่อยมาเอากระเป๋าแล้วแยกย้ายห้องกัน
สรุป...เลยไม่รู้ว่าการเช็คอินนี่ดีหรือไม่ดี ถ้าเราไม่แย้งหรือโทรมาก่อนเค้าจะคิดราคาหมูเมืองไทยไปแล้ว แต่พอถามก็กลายเป็นได้ห้องดีไป ห้องแบบสามเตียงนี่ไม่ไก่กานะคะ เป็นเตียงสามเตียงไม่ใช่เตียงเสริม ขนาดห้องกว้างมากและ มีอ่างอาบน้ำด้วย และข้อเสียมีข้อเดียวคือ ไม่มีน้ำฟรีให้ค่ะ
** ข้อเปรียบเทียบ เคยไปพักที่ V Lavender การเดินทางใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหมือนกัน แต่สถานี City Hall ไกลกว่า Lavender สองสถานี
ห้องพักที่ V เป็นห้อง Superior เล็กกว่ามากๆ เตียงติดกัน ไม่มีที่เดิน ห้องน้ำแคบมากๆ แต่สะอาด ราคาเมื่อสามปีที่แล้ว 4,200 แหล่งของกินหาง่ายเหมือนกัน
ขอจบเรื่องโรงแรมแค่นี้นะคะ
มาต่อเรื่องการโทรศัพท์กลับเมืองไทย
ข้อมูลมาแนะนำว่าถ้าโทรเยอะๆ ให้ซื้อซิมโทรศัพท์ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั้งสนามบินและ 7-eleven
จากการแสกนทางสายตาที่สนามบินคนต่อแถวยาวมาก พวกเราเสียเวลาที่ Immigration นานแล้วเลยคิดว่าจะไปซื้อที่ 7
เมื่อถึง 7 พนักงานแนะนำว่าให้เอาแบบ 20$ เพราะสามารถเล่นเน็ตไได้ แต่เราแค่ต้องการแค่โทรกลับเลยขอซื้อแบบ 15$ แต่เพราะความรีบร้อนและคนต่อแถวจ่ายเงินเยอะมากกกก ล้นหลามและกดดัน เราไม่ทันได้ดูบัตรให้เรียบร้อย พอออกมาจากร้านแล้วถึงเห็นว่ามันเป็นบัตรเติมเงินไม่มีซิมการ์ดอยู่ที่บัตร เดินเข้าไปถามพนักงานอีกทีพนักงานบอกว่าใน 7 ไม่มีซิมขายแล้วต้องไปซื้อตามร้าน IT
ฮ่วย!!! พลาดไป 15$ นี่คูณเป็นเงินไทยแล้วใจหายเลย เลยไปร้าน IT ที่มีป้าย SingTel พนักงานจะขอแสกนพาสปอร์ตเก็บไว้เป็นหลักฐาน และใส่ซิมให้เราเรียบร้อยเลย ทีนี้โล่งใจว่าโทรได้แน่แล้ว โชว์โง่เป็นอุทาหรณ์ค่ะ ใครจะซื้ออย่ารีบร้อนนะคะ
ด้านบนคือบัตรเติมเงินที่เราพลาด ด้านล่างคือซิม เวลาซื้อลองดูดีๆ ก่อนจ่ายเงินนะคะจะได้ไม่พลาดเหมือนเรา -__-"
ราคาซิมที่ถูกสุด ณ เดือนมีนา 57 คือ 15 เหรียญค่ะ สัญญาณที่ดีสุดคือ SingTel แต่ก็ยัง Delay นะคะ
ใครที่ไปแล้วต้องการโทรกลับบ้านแบบคุยสั้นๆ บอกแม่ว่าถึงแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าแค่นี้แนะนำให้ใช้ตู้หยอดเหรียญก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อซิมหรอก คราวที่แล้วไปก็โทรตู้เอา แต่ใช้ซิมก็จะสบายใจที่คุยได้ยาวไม่ต้องระล่ำระลักคุย ลองเลือกดูนะคะ
ต่อกันด้วยเรื่องกิน
สิ่งที่เราไม่ควรพลาดคือการกินปู ครั้งที่แล้วเราไปกินปูผัดพริกที่ No Signboard สาขา Esplanade สั่งเป็นเซ็ตสองคน ราคา 139$++
เมนูตามรายการเลยค่ะ
คราวนี้เราตั้งใจจะไปลองความแตกต่างที่ร้าน Jumbo สาขา Clark Quay แต่เราไม่ได้จองโต๊ะไว้เพราะกลัวทำเวลาไม่ได้ตามที่จองเลยเสี่ยงมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเย็น ทางร้านบอกว่าต้องจองเท่านั้น ถ้ารอคิวต้องรอบหลังทุ่มครึ่งแต่ไม่การันตีว่าจะมีโต๊ะ เงิบสิคะ!!!
บรรยากาศยามเย็น
มีพนักงานร้านอาหารอีกร้านอยู่ชั้นสองของตึกเดียวกับ Jumbo มา present menu แถมส่วนลดให้อีก 10 ปูเซ็ง
แต่เราเลือกไปทานร้าน No Signboard แทน เพราะมั่นใจเรื่องคุณภาพ ไหนๆจะเสียตังค์ก็ไม่ควรเสียของ
คนที่ไป Clark Quay แล้วผิดหวังจาก Jumbo อย่าเพิ่งเสียใจ No Signboard ก็มีสาขาที่นั่นค่ะ อยู่บนตึกห้าง Central
บรรยากาศออกแนวภัตตาคารไม่ใช่ร้านริมน้ำเหมือนจัมโบ้ และคุณภาพเยี่ยม!
เมนูวันนี้ ข้าวผัดหยางโจว ข้าวเม็ดร่วนซุยดี รสอร่อย แต่ที่ฮ่องกงเด็ดกว่า
เต้าหู้สอดไส้ทะเลรวม กลิ่นทะเลอบอวนในปากเลยค่ะคุณชาคริต
ทีเด็ด