ห้าปีที่แล้ว ผมได้เริ่มต้นเที่ยวทะเลไทยอย่างจริงๆ จังๆ ด้วยการนั่งเรือตะลอนทั่วทะเลอันดามัน เริ่มต้นจากเกาะหลีเป๊ะ ไปตรัง ลันดา พีพี ภูเก็ต โดยเป็นการเดินทางโดยเรือโดยสารล้วนๆ จากเกาะโน้นไปเกาะนี้ โดยไม่ขึ้นฝั่งเลย กินระยะทางราว 300-400 กม. ได้มั้ง
หลังจากนั้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมและชาวคณะ ก็เสพติดการท่องทะเล เราบินลงใต้นับครั้งไม่ถ้วน ไปมันทุกที่ ที่ไหนชอบก็ไปซ้ำอีก ไปมันทั้งบนชายหาด ใต้น้ำลึก ใต้น้ำตื้น นอนโรงแรมทุกรูปแบบ จนมีความทรงจำและภาพถ่ายมากมาย
ผ่านมา 5 ปี ผมกลับไปจุดเริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้วอีกครั้ง เราเที่ยวทะเลซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไม่รู้เบื่อ และยังได้พบอะไรใหม่ๆ อีกมากมาย ผมได้ทำแมกกาซีนเล่มหนึ่ง และใส่อะไรลงไปในนั้นมากมาย กระนั้นก็ยังอยากเอาสิ่งต่างๆ มาแชร์กันที่นี่อีก เผื่อจะทำให้ใครๆ อยากออกเดินทางเหมือนเรา
ก่อนจะเริ่มเรื่อง ขอเท้าความย้อนอดีตซักหน่อยนึง เมื่อก่อนนี้ผมไม่ชอบเที่ยวทะเลเอาซะเลย เพราะชายหาดแห่งเดียวที่รู้จักและได้ไปทุกครั้งในเทศกาลเชงเม้งคือหาดบางแสน(ในยุคที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา) พอจบมหาลัยก็ยกพวกกับเพื่อนไปเที่ยวเกาะเสม็ด แต่ด้วยเงินอันน้อยนิดก็ทำให้การเที่ยวเกาะแห่งแรกเป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ผมไปเกาะสมุย และไปนานพอที่จะต้องหาอะไรทำ บังเอิญเรือเร็วลมพระยาเพิ่งเปิดให้บริการเดือนแรก หน้าตาน่านั่งดี เลยตัดสินใจไปอยู่ที่เกาะเต่าซัก 4-5 วัน
เกาะเต่าเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดในอ่าวไทย และเป็นแหล่งรวมโรงเรียนดำน้ำลึกระดับโลก ผมได้เห็นปะการังน้ำตื้นในอ่าวเล็กๆ แห่งหนึ่งหลังเกาะเต่า มันประทับใจมากจนกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็ตัดสินใจเรียนดำน้ำทันที น่าเสียดาย..พอเรียนจบก็ไม่ได้ดำน้ำอีกเลย จนผ่านไปหลายปี ผีเข้าอีกครั้ง ผมฝึกถ่ายภาพใต้น้ำ เพื่อให้ได้มุมมองท้องทะเลทั้งทางบก มุมมองระดับน้ำทะเล มุมมองแบบนก และมุมมองใต้น้ำ
มีคำหนึ่งที่ผมชอบพูด(และเขียน)ครั้งแล้วครั้งเล่า คือ "โลกของเรามีผืนน้ำ 3 ใน 4 ส่วน และมันน่าเสียดายอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้ทำความรู้จักพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกใบนี้"
บันทึกมหากาพย์ท่องทะเลทั่วไทยของข้าพเจ้า
หลังจากนั้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมและชาวคณะ ก็เสพติดการท่องทะเล เราบินลงใต้นับครั้งไม่ถ้วน ไปมันทุกที่ ที่ไหนชอบก็ไปซ้ำอีก ไปมันทั้งบนชายหาด ใต้น้ำลึก ใต้น้ำตื้น นอนโรงแรมทุกรูปแบบ จนมีความทรงจำและภาพถ่ายมากมาย
ผ่านมา 5 ปี ผมกลับไปจุดเริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้วอีกครั้ง เราเที่ยวทะเลซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไม่รู้เบื่อ และยังได้พบอะไรใหม่ๆ อีกมากมาย ผมได้ทำแมกกาซีนเล่มหนึ่ง และใส่อะไรลงไปในนั้นมากมาย กระนั้นก็ยังอยากเอาสิ่งต่างๆ มาแชร์กันที่นี่อีก เผื่อจะทำให้ใครๆ อยากออกเดินทางเหมือนเรา
ก่อนจะเริ่มเรื่อง ขอเท้าความย้อนอดีตซักหน่อยนึง เมื่อก่อนนี้ผมไม่ชอบเที่ยวทะเลเอาซะเลย เพราะชายหาดแห่งเดียวที่รู้จักและได้ไปทุกครั้งในเทศกาลเชงเม้งคือหาดบางแสน(ในยุคที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา) พอจบมหาลัยก็ยกพวกกับเพื่อนไปเที่ยวเกาะเสม็ด แต่ด้วยเงินอันน้อยนิดก็ทำให้การเที่ยวเกาะแห่งแรกเป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ผมไปเกาะสมุย และไปนานพอที่จะต้องหาอะไรทำ บังเอิญเรือเร็วลมพระยาเพิ่งเปิดให้บริการเดือนแรก หน้าตาน่านั่งดี เลยตัดสินใจไปอยู่ที่เกาะเต่าซัก 4-5 วัน
เกาะเต่าเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดในอ่าวไทย และเป็นแหล่งรวมโรงเรียนดำน้ำลึกระดับโลก ผมได้เห็นปะการังน้ำตื้นในอ่าวเล็กๆ แห่งหนึ่งหลังเกาะเต่า มันประทับใจมากจนกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็ตัดสินใจเรียนดำน้ำทันที น่าเสียดาย..พอเรียนจบก็ไม่ได้ดำน้ำอีกเลย จนผ่านไปหลายปี ผีเข้าอีกครั้ง ผมฝึกถ่ายภาพใต้น้ำ เพื่อให้ได้มุมมองท้องทะเลทั้งทางบก มุมมองระดับน้ำทะเล มุมมองแบบนก และมุมมองใต้น้ำ
มีคำหนึ่งที่ผมชอบพูด(และเขียน)ครั้งแล้วครั้งเล่า คือ "โลกของเรามีผืนน้ำ 3 ใน 4 ส่วน และมันน่าเสียดายอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้ทำความรู้จักพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกใบนี้"