Review Disney On Ice! presents Treasure Trove [คะแนน B]
เอาจริงๆเราก็ไม่ค่อยปลื้มดิสนีย์ออนไอซ์ในยุคหลังๆเท่าไหร่ที่เอาเรื่องมายำๆฉากรวมกัน Treasure Trove ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังในกระบวนการเล่าเรื่องมากๆ เพราะเปิดเรื่องมาเหมือนมิกกี้จะพาผู้ชมไปหาสมบัติอะไรสักอย่าง แต่พอเปลี่ยนฉากเท่านั้นแหละ การตามล่าสมบัติบ้าบอคอแตกอะไรนั่นก็ไม่ได้รับการพูดถึงอีกเลย ครึ่งแรกของโชว์จึงเป็นการยำฉาก Toy Story + Alice in Wonderland และ Peter Pan ที่น่าเบื่อมากโชคดีที่ครึ่งแรกสั้นแค่ 37 นาที (สั้นมาก)
พอมาครึ่งหลังก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาหน่อยเปิดมาด้วย Lion King พร้อมกับเพลงฮิต (ที่ดูใน Disney on Ice มาซ้ำๆแบบนี้ไม่รู้กี่รอบ วิธีการเล่า เพลง หรือการแปรแถว เหมือนเดิมตลอด) โชคดีที่เพลงคราวนี้ประกอบไปด้วย I Just Can't Wait to Be King + Be Prepared + Hakuna Matata + Can You Feel the Love Tonight และ Circle of Life (เป็นเรื่องที่เพลงเยอะที่สุดใน Treasure Trove) แล้วล่ะ ต่อกันด้วยดินแดนอักราบา ดีใจมากที่ปีนี้ไม่ใช้เพลง One Jump Ahead แต่เปลี่ยนมาเล่าเป็น Prince Ali แทนก่อนเข้าฉากบังคับ A Whole New World ที่ไม่มีพรมวิเศษแต่เป็นฉากเล่นสเกตน้ำแข็งแทน ที่น่าสนใจคือตัวจัสมินได้ร้องท่อนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเพิ่มมา
Snow White and Seven Dwarfs ก็โอเคนะ แม้จะเปิดมาด้วยเพลง Heigh-Ho ภาคบังคับ แต่ที่ดีใจคือเราได้ฟังเพลง Whistle While You Work ก่อนที่ สโนวไวท์กำลังจะกัดแอปเปิ้ลอาบยาพิษ สโนวไวท์เลยถามคนดูว่าควรกินไหมอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง หนูน้อยที่นั่งข้างหน้าตะโกนเสียงดังฟังชัด "
อย่ากิน" นับเป็นอะไรที่พีคมากสำหรับเราวันนี้ ก่อนจะปิดด้วยฉากเต้นรำด้วยสกอร์เพลงหาผัวตลอดกาล Some Day My Prince Will Come
เข้าพาร์ท 1 เพลงจบตัดฉับไปที่โลกใต้ทะเลใน The Little Mermaid ที่ปีนี้ดีใจมากที่ยัยแอเรียลไม่ร้อง Part of your world แต่ก็ต้องฟังเพลง Under The Sea โชว์พร็อพเรืองแสงแบบเดิม เข้าเป็นปีที่ 5 แล้ว (ดิสนีย์ออนไอซ์ในไทย 5 ปีล่าสุดมีเพลงนี้ทุกโชว์เลยจ้า วิธีเข้าเพลง พากย์เสียงก็เหมือนเดิมเป๊ะๆ เฟลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ แกไม่คิดโชว์ใหม่ๆมั่งเลยเหรอคะ!)
Tangled เป็นฉากเพลง I See The Light จะว่าไปเพลงมันก็โรแมนติกดีอยู่หรอก ทว่าไอ้โคมลอยในฉากวันนี้เนี่ยไฟดันติดไม่ครบ ติดครึ่งเดียว แทนที่จะดูอลังการเลยเหมือนได้ดูชักรอกกล่องอะไรก็ไม่รู้อยู่นานยันจบเพลง โธ่
The Princess and the Frog น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาเจ้าหญิงทั้งหมด คือคนดูเหมือนไม่ค่อยจะอินอ่ะ คือถ้าเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงคนอื่นจะได้เสียงปรบมือต้อนรับ หูวเหอ กันไป พอเทียน่าโผล่มา กริบเลยจ่ะ กริบมาก แถมมาพร้อมเพลงแบบ Dig a Little Deeper ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่คือมันไม่ได้ Big Hit เท่า Almost There จริงๆเพลงมันก็ดีแหละ แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ เจ้าชายนาวีนกลายเป็นคนผิวขาวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ?????
เสร็จแล้วก็จบเลยจ้า เอาเจ้าหญิงเจ้าชายทั้ง 9 คนออกมาเต้นรำ แล้วก็ปิดม่านเฉย ไม่มีมาให้จับมือกับเด็กๆ มีพลุตูมเดียวแล้วก็จบกัน ปีนี้ที่น่าผิดหวังมาคือนักเล่นสเกตไม่ค่อยเก่ง ไม่มีท่าที่พีคและเป็นไฮไลท์ ไอ้ซีนแปรแถวหน้ากระดานกับดันตัวลอยฟ้าก็ค่อนข้างเกร่อมาก (อันนี้คือท่าที่ดีที่สุดของโชว์แล้วในปีนี้) ผิดกับปีอื่นๆที่จะมีท่าผาดโผนและเรียกเสียงปรบมือได้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตามทิศทางของ Disney On Ice นั้นบอกได้เลยว่ายังไงเทรนด์ Disney Princess กำลังจะกลับมาอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องที่คนอินที่สุด โตมาและบ่มเพาะให้ลูกๆตัวเองซึมซับมากที่สุด และเราคงจะได้ฟังเพลงในตระกูลเจ้าชายเจ้าหญิงไปอีกเรื่อยๆตราบเท่าที่โลกมนุษย์ยังมี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้ดู Frozen on ice ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแน่นอน เชื่อเถอะว่าเราจะได้ไปร้อง Let it go กันแน่ๆ
อ้างอิงจากแฟนเพจ
https://www.facebook.com/EntertainmentBite
[CR] Review Disney On Ice! presents Treasure Trove สมบัติอะไร ?
Review Disney On Ice! presents Treasure Trove [คะแนน B]
เอาจริงๆเราก็ไม่ค่อยปลื้มดิสนีย์ออนไอซ์ในยุคหลังๆเท่าไหร่ที่เอาเรื่องมายำๆฉากรวมกัน Treasure Trove ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังในกระบวนการเล่าเรื่องมากๆ เพราะเปิดเรื่องมาเหมือนมิกกี้จะพาผู้ชมไปหาสมบัติอะไรสักอย่าง แต่พอเปลี่ยนฉากเท่านั้นแหละ การตามล่าสมบัติบ้าบอคอแตกอะไรนั่นก็ไม่ได้รับการพูดถึงอีกเลย ครึ่งแรกของโชว์จึงเป็นการยำฉาก Toy Story + Alice in Wonderland และ Peter Pan ที่น่าเบื่อมากโชคดีที่ครึ่งแรกสั้นแค่ 37 นาที (สั้นมาก)
พอมาครึ่งหลังก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาหน่อยเปิดมาด้วย Lion King พร้อมกับเพลงฮิต (ที่ดูใน Disney on Ice มาซ้ำๆแบบนี้ไม่รู้กี่รอบ วิธีการเล่า เพลง หรือการแปรแถว เหมือนเดิมตลอด) โชคดีที่เพลงคราวนี้ประกอบไปด้วย I Just Can't Wait to Be King + Be Prepared + Hakuna Matata + Can You Feel the Love Tonight และ Circle of Life (เป็นเรื่องที่เพลงเยอะที่สุดใน Treasure Trove) แล้วล่ะ ต่อกันด้วยดินแดนอักราบา ดีใจมากที่ปีนี้ไม่ใช้เพลง One Jump Ahead แต่เปลี่ยนมาเล่าเป็น Prince Ali แทนก่อนเข้าฉากบังคับ A Whole New World ที่ไม่มีพรมวิเศษแต่เป็นฉากเล่นสเกตน้ำแข็งแทน ที่น่าสนใจคือตัวจัสมินได้ร้องท่อนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเพิ่มมา
Snow White and Seven Dwarfs ก็โอเคนะ แม้จะเปิดมาด้วยเพลง Heigh-Ho ภาคบังคับ แต่ที่ดีใจคือเราได้ฟังเพลง Whistle While You Work ก่อนที่ สโนวไวท์กำลังจะกัดแอปเปิ้ลอาบยาพิษ สโนวไวท์เลยถามคนดูว่าควรกินไหมอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง หนูน้อยที่นั่งข้างหน้าตะโกนเสียงดังฟังชัด " อย่ากิน" นับเป็นอะไรที่พีคมากสำหรับเราวันนี้ ก่อนจะปิดด้วยฉากเต้นรำด้วยสกอร์เพลงหาผัวตลอดกาล Some Day My Prince Will Come
เข้าพาร์ท 1 เพลงจบตัดฉับไปที่โลกใต้ทะเลใน The Little Mermaid ที่ปีนี้ดีใจมากที่ยัยแอเรียลไม่ร้อง Part of your world แต่ก็ต้องฟังเพลง Under The Sea โชว์พร็อพเรืองแสงแบบเดิม เข้าเป็นปีที่ 5 แล้ว (ดิสนีย์ออนไอซ์ในไทย 5 ปีล่าสุดมีเพลงนี้ทุกโชว์เลยจ้า วิธีเข้าเพลง พากย์เสียงก็เหมือนเดิมเป๊ะๆ เฟลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ แกไม่คิดโชว์ใหม่ๆมั่งเลยเหรอคะ!)
Tangled เป็นฉากเพลง I See The Light จะว่าไปเพลงมันก็โรแมนติกดีอยู่หรอก ทว่าไอ้โคมลอยในฉากวันนี้เนี่ยไฟดันติดไม่ครบ ติดครึ่งเดียว แทนที่จะดูอลังการเลยเหมือนได้ดูชักรอกกล่องอะไรก็ไม่รู้อยู่นานยันจบเพลง โธ่
The Princess and the Frog น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาเจ้าหญิงทั้งหมด คือคนดูเหมือนไม่ค่อยจะอินอ่ะ คือถ้าเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงคนอื่นจะได้เสียงปรบมือต้อนรับ หูวเหอ กันไป พอเทียน่าโผล่มา กริบเลยจ่ะ กริบมาก แถมมาพร้อมเพลงแบบ Dig a Little Deeper ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่คือมันไม่ได้ Big Hit เท่า Almost There จริงๆเพลงมันก็ดีแหละ แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ เจ้าชายนาวีนกลายเป็นคนผิวขาวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ?????
เสร็จแล้วก็จบเลยจ้า เอาเจ้าหญิงเจ้าชายทั้ง 9 คนออกมาเต้นรำ แล้วก็ปิดม่านเฉย ไม่มีมาให้จับมือกับเด็กๆ มีพลุตูมเดียวแล้วก็จบกัน ปีนี้ที่น่าผิดหวังมาคือนักเล่นสเกตไม่ค่อยเก่ง ไม่มีท่าที่พีคและเป็นไฮไลท์ ไอ้ซีนแปรแถวหน้ากระดานกับดันตัวลอยฟ้าก็ค่อนข้างเกร่อมาก (อันนี้คือท่าที่ดีที่สุดของโชว์แล้วในปีนี้) ผิดกับปีอื่นๆที่จะมีท่าผาดโผนและเรียกเสียงปรบมือได้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตามทิศทางของ Disney On Ice นั้นบอกได้เลยว่ายังไงเทรนด์ Disney Princess กำลังจะกลับมาอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องที่คนอินที่สุด โตมาและบ่มเพาะให้ลูกๆตัวเองซึมซับมากที่สุด และเราคงจะได้ฟังเพลงในตระกูลเจ้าชายเจ้าหญิงไปอีกเรื่อยๆตราบเท่าที่โลกมนุษย์ยังมี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้ดู Frozen on ice ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแน่นอน เชื่อเถอะว่าเราจะได้ไปร้อง Let it go กันแน่ๆ
อ้างอิงจากแฟนเพจ https://www.facebook.com/EntertainmentBite