สวัสดีครับสมาชิก ppantip.com ผมมีโอกาสได้แบ็คแพ็คไปฮอกไกโด
เมื่อวันที่ 3-18 มีนาคมที่ผ่านมา จริงๆก่อนจะเดินทางไม่ได้คิดว่าจะมารีวิวใน pantip
แต่เนื่องจากทริปนี้ผมวางแพลนเอง โดยอาศัยหนังสือ 1 เล่มและหาข้อมูลใน pantip
ได้ข้อมูลดีๆมาหลายๆอย่าง ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์คืนให้กับที่นี่บ้าง
รูปอาจไม่สวยและอาจจะลงรายละเอียดไม่เยอะ ยังไงต้องขออภัยด้วยนะครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ……
ความต้องการของสมาชิกทั้งสามคนในทริปนี้ คือ
ตัวผม : ไปถ่ายรูปวิว 3 ดาวมิชลินที่ Mt.Hakodate และนั่งเรือตัดน้ำแข็ง
(จะได้เห็นวิวสวยๆบน Mt.Hakodate และจะได้เห็น drift ice หรือไม่คอยติดตามครับ)
ภรรยา : ไปเมืองไหนก็ได้ไม่เกี่ยง ขอมีหิมะหนาๆขาวๆสวยๆเยอะๆ
(ทริปนี้เห็นทุกวันจนเบื่อ ตั้งแต่ตกสวยๆแบบในหนัง ยันตกหนักแบบกระแทกหน้าจนเจ็บ)
ลูกชาย : ไปดูพาเหรดนกเพนกวินและไปหาโดราเอมอนตัวการ์ตูนสุดโปรด
(ผมจัด doraemon waku waku skypark ให้เค้าไปเลยสองวัน)
ดังนั้นแพลนการเดินทางสรุปออกมาดังนี้
Chitose - Hakodate - Otaru - Asahikawa - Abashiri - Furano - Sapporo - Chitose
และการเดินทางครั้งนี้ผมพักโรงแรมทุกเมือง ไม่เว้น Otaru ที่คนส่วนใหญ่จะไปเช้าเย็นกลับ
การเดินทางจากไทย - ฮอกไกโด และ ฮอกไกโด - ไทย
ผมเลือกนั่งการบินไทย จองประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน ราคาก็ไม่ได้พิเศษอะไร
ราคาผู้ใหญ่คนละ 24,xxx บาท เด็ก 20,xxx บาท (ลูกชายผม 5 ขวบกว่าๆ)
การเดินทางในฮอกไกโด
เนื่องจากไปในฤดูหนาวหิมะยังเยอะอยู่ เช่ารถขับก็จะค่อนข้างอันตรายเกินไป
ผมเลือกนั่งรถไฟเป็นหลัก ซื้อ Jr Hokkaido Pass แบบ Flexible 4 days คนละ 2 ใบ
โดยแลกพาสใบแรกที่สนามบินหลังลงเครื่อง และแลกพาสใบสองที่ Abashiri
ผมเลือกแบบ green car แม้จะนั่งได้ไม่ครบทุกสายแต่คุ้มราคามากๆ
และเพื่อความสะดวกไม่ต้องนั่งเบียดกัน ผมจึงซื้อพาสให้ลูกชายด้วย (จริงๆอายุลูกชายไม่เสียเงิน)
ราคาผู้ใหญ่คนละ 17,360 บาท เด็ก 8,580 บาท (ผมซื้อกับ JapanWeGo ส่งฟรีถึงบ้าน)
วันที่ 3 มีนาคม : ออกเดินทาง
อยากที่ทุกคนทราบ การบินไทยมีเที่ยวบินเดียวคือ TG670 เครื่องออก 23.45 น. ถึง 8.00 น.
ผมนั่งดู flightradar ทุกวัน ว่าเครื่องออกตรงเวลาหรือเปล่า ไปถึงตามกำหนดหรือไม่
จนภรรยาขำกลิ้งถามผมว่าเว่อร์ไปมั๊ย จริงๆไม่เว่อร์หรอกครับเพราะถ้าเครื่องดีเลย์มาก
ลูกชายจะอดไป doraemon waku waku skypark ผมค่อนข้างซีเรียสกับแพลนที่วางไว้
และจากที่นั่งดู 4 ใน 7 วันเครื่องดีเลย์ มีอยู่วันนึงไปถึงฮอกไกโดตอน 10 โมงกว่าแต่ไม่ทราบสาเหตุ
แต่วันนั้นโชคดีเครื่องออกตามกำหนด กัปตันแจ้งว่าจะไปถึงประมาณ 7.45 น. โล่งงงง......
วันที่ 4 มีนาคม : Hello Hokkaido!!!
เกือบ 8 โมงเช้า เราก็มาถึงสนามบิน New Chitose ลงเครื่องมาผ่านตม.มาอย่างรวดเร็วไม่ถามอะไรเลย
แต่ไปช้าตรงรอรับกระเป๋านี่หล่ะ คงเพราะผมไปเช็คอินเร็วทำให้กระเป๋าไปอยู่ในหลืบท้ายเครื่อง ฮาาา….
รับกระเป๋าเสร็จก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า อ้อ…ลืมบอกไปว่าผมเอากระเป๋าใบใหญ่ไป 2 ใบ ใบเล็ก 1 ใบ
ใบเล็กเอาไว้เดินทางในเมือง ส่วนใบใหญ่ 2 ใบเอาไว้ใส่เสื้อผ้าที่เหลือและของฝากทั้งหลายแหล่
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปติดต่อบริการส่งกระเป๋าแมวดำ (รับกระเป๋าเดินออกมาอยู่ซ้ายมือใกล้ห้องน้ำ)
เพื่อส่งกระเป๋าใบใหญ่ไปรอเมืองข้างหน้า โดยใบแรกส่งไปที่ Asahikawa ใบที่สองส่งไปที่ Sapporo เลย
เมื่อรับกระเป๋าเดินออกมา เคาท์เตอร์แมวดำจะอยู่ทางขวามือ (ในรูปจะอยู่ทางซ้ายมือครับ)
ส่งกระเป๋าไปเรียบร้อย ก็ลงไปชั้นใต้ดินเพื่อแลกพาสใบแรกและจองที่นั่งที่ Jr information desk
แล้วก็เจอปัญหาแรกทันที คือตู้ green car นั้นเกือบเต็ม ที่นั่งแยกกันหมดทั้ง 3 คน
จริงๆมันไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมาย เพียงแต่มันเป็นรถไฟเที่ยวแรก ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง
และที่สำคัญลูกชายต้องแยกนั่งคนเดียว ทำอะไรไม่ได้เพราะรถไฟเที่ยวต่อไปห้าโมงเย็นโน่นน่ะครับ
เลยบอกพนักงานไปว่าตกลงเอาที่นั่งตามนี้แหล่ะ ไปแก้ไขปัญหาเอาข้างหน้า
จากนั้นเราขึ้นไปที่ชั้น 2 ฝั่ง domestic เพื่อไปรับ pocket wifi ที่ไปรษณีย์ เอาไว้ออนไลน์กันตาย ฮาาา….
สำหรับ pocket wifi ผมใช้บริการของ japan-wireless.com เนื่องจากเช็คราคามาถูกที่สุดแล้วสำหรับ 14 วัน
ราคา 8,300 เยน/14 วัน + ค่าจัดส่งไปสนามบิน 500 เยน + ค่าประกัน 500 เยน/14 วัน
อุปกรณ์ในซองที่ส่งมาก็จะมี ซองเปล่าสำหรับส่งเครื่องกลับ (ตอนส่งกลับส่งที่ไปรษณีย์สนามบินไม่เสียเงินด้วย)
ตัวเครื่อง ซองผ้า สายชาร์จและปลั๊ก มี powerbank ให้ยืมฟรี แต่ต้องแจ้งตอนสั่งจองนะครับ
ตลอด 14 วันเครื่องไม่มีแฮงค์ สัญญาณดีมาก ยกเว้น! ตอนนั่งรถไฟไป abashiri แทบไม่มีสัญญาณครับ
เมื่อทุกอย่างพร้อมเพราะรถไฟไป Hakodate ตั้งเกือบบ่ายโมง เลยไปเดินเล่นที่ doraemon waku waku กัน
Doraemon Waku Waku Skypark จะอยู่ชั้น 3 ทางเชื่อม domestic กับ international หาไม่ยากครับ
เราเดินเล่นกันอยู่เฉพาะด้านนอกยังไม่ได้เข้าไปด้านใน เพราะท้ายๆทริปเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้งนึง
มุมบังคับที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายมุมนี้ครับ
Doraemon Shop ส่วนมากจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ซะมากกว่า พวกตุ๊กตาของเล่นมีน้อยครับ
ลูกชายขอถ่ายกับตัวการ์ตูนสุดโปรดหน่อย
ฮาหน้าโดราเอมอนตัวนี้มาก
จะมี Library และ Workshop แต่ยังไม่ได้พาลูกชายเข้าไป จะกลับมาเล่นกันอีกรอบ
มีรวมหนังสือการ์ตูนที่แปลไว้เกือบทุกภาษาด้วย อันนี้ถ่ายมาเฉพาะภาษาไทยครับ
ทริปนี้เรามีกล้อง 2 ตัว แต่ตากล้องมี 3 คนนะครับ 555+
ตรงทางเชื่อมนี้จะมี Royce' Chocolate World และอีกหลายร้านให้เดินเที่ยวครับ
ยืนดูวิธีการทำ Chocolate เพลินเลยหล่ะครับ
ตรงส่วนนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ของ Royce'
[CR] ทริปพ่อแม่ลูกตะลุยหิมะ 15 วันในฮอกไกโด : Part I : Chitose - Hakodate
เมื่อวันที่ 3-18 มีนาคมที่ผ่านมา จริงๆก่อนจะเดินทางไม่ได้คิดว่าจะมารีวิวใน pantip
แต่เนื่องจากทริปนี้ผมวางแพลนเอง โดยอาศัยหนังสือ 1 เล่มและหาข้อมูลใน pantip
ได้ข้อมูลดีๆมาหลายๆอย่าง ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์คืนให้กับที่นี่บ้าง
รูปอาจไม่สวยและอาจจะลงรายละเอียดไม่เยอะ ยังไงต้องขออภัยด้วยนะครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ……
ความต้องการของสมาชิกทั้งสามคนในทริปนี้ คือ
ตัวผม : ไปถ่ายรูปวิว 3 ดาวมิชลินที่ Mt.Hakodate และนั่งเรือตัดน้ำแข็ง
(จะได้เห็นวิวสวยๆบน Mt.Hakodate และจะได้เห็น drift ice หรือไม่คอยติดตามครับ)
ภรรยา : ไปเมืองไหนก็ได้ไม่เกี่ยง ขอมีหิมะหนาๆขาวๆสวยๆเยอะๆ
(ทริปนี้เห็นทุกวันจนเบื่อ ตั้งแต่ตกสวยๆแบบในหนัง ยันตกหนักแบบกระแทกหน้าจนเจ็บ)
ลูกชาย : ไปดูพาเหรดนกเพนกวินและไปหาโดราเอมอนตัวการ์ตูนสุดโปรด
(ผมจัด doraemon waku waku skypark ให้เค้าไปเลยสองวัน)
ดังนั้นแพลนการเดินทางสรุปออกมาดังนี้
Chitose - Hakodate - Otaru - Asahikawa - Abashiri - Furano - Sapporo - Chitose
และการเดินทางครั้งนี้ผมพักโรงแรมทุกเมือง ไม่เว้น Otaru ที่คนส่วนใหญ่จะไปเช้าเย็นกลับ
การเดินทางจากไทย - ฮอกไกโด และ ฮอกไกโด - ไทย
ผมเลือกนั่งการบินไทย จองประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน ราคาก็ไม่ได้พิเศษอะไร
ราคาผู้ใหญ่คนละ 24,xxx บาท เด็ก 20,xxx บาท (ลูกชายผม 5 ขวบกว่าๆ)
การเดินทางในฮอกไกโด
เนื่องจากไปในฤดูหนาวหิมะยังเยอะอยู่ เช่ารถขับก็จะค่อนข้างอันตรายเกินไป
ผมเลือกนั่งรถไฟเป็นหลัก ซื้อ Jr Hokkaido Pass แบบ Flexible 4 days คนละ 2 ใบ
โดยแลกพาสใบแรกที่สนามบินหลังลงเครื่อง และแลกพาสใบสองที่ Abashiri
ผมเลือกแบบ green car แม้จะนั่งได้ไม่ครบทุกสายแต่คุ้มราคามากๆ
และเพื่อความสะดวกไม่ต้องนั่งเบียดกัน ผมจึงซื้อพาสให้ลูกชายด้วย (จริงๆอายุลูกชายไม่เสียเงิน)
ราคาผู้ใหญ่คนละ 17,360 บาท เด็ก 8,580 บาท (ผมซื้อกับ JapanWeGo ส่งฟรีถึงบ้าน)
วันที่ 3 มีนาคม : ออกเดินทาง
อยากที่ทุกคนทราบ การบินไทยมีเที่ยวบินเดียวคือ TG670 เครื่องออก 23.45 น. ถึง 8.00 น.
ผมนั่งดู flightradar ทุกวัน ว่าเครื่องออกตรงเวลาหรือเปล่า ไปถึงตามกำหนดหรือไม่
จนภรรยาขำกลิ้งถามผมว่าเว่อร์ไปมั๊ย จริงๆไม่เว่อร์หรอกครับเพราะถ้าเครื่องดีเลย์มาก
ลูกชายจะอดไป doraemon waku waku skypark ผมค่อนข้างซีเรียสกับแพลนที่วางไว้
และจากที่นั่งดู 4 ใน 7 วันเครื่องดีเลย์ มีอยู่วันนึงไปถึงฮอกไกโดตอน 10 โมงกว่าแต่ไม่ทราบสาเหตุ
แต่วันนั้นโชคดีเครื่องออกตามกำหนด กัปตันแจ้งว่าจะไปถึงประมาณ 7.45 น. โล่งงงง......
วันที่ 4 มีนาคม : Hello Hokkaido!!!
เกือบ 8 โมงเช้า เราก็มาถึงสนามบิน New Chitose ลงเครื่องมาผ่านตม.มาอย่างรวดเร็วไม่ถามอะไรเลย
แต่ไปช้าตรงรอรับกระเป๋านี่หล่ะ คงเพราะผมไปเช็คอินเร็วทำให้กระเป๋าไปอยู่ในหลืบท้ายเครื่อง ฮาาา….
รับกระเป๋าเสร็จก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า อ้อ…ลืมบอกไปว่าผมเอากระเป๋าใบใหญ่ไป 2 ใบ ใบเล็ก 1 ใบ
ใบเล็กเอาไว้เดินทางในเมือง ส่วนใบใหญ่ 2 ใบเอาไว้ใส่เสื้อผ้าที่เหลือและของฝากทั้งหลายแหล่
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปติดต่อบริการส่งกระเป๋าแมวดำ (รับกระเป๋าเดินออกมาอยู่ซ้ายมือใกล้ห้องน้ำ)
เพื่อส่งกระเป๋าใบใหญ่ไปรอเมืองข้างหน้า โดยใบแรกส่งไปที่ Asahikawa ใบที่สองส่งไปที่ Sapporo เลย
เมื่อรับกระเป๋าเดินออกมา เคาท์เตอร์แมวดำจะอยู่ทางขวามือ (ในรูปจะอยู่ทางซ้ายมือครับ)
ส่งกระเป๋าไปเรียบร้อย ก็ลงไปชั้นใต้ดินเพื่อแลกพาสใบแรกและจองที่นั่งที่ Jr information desk
แล้วก็เจอปัญหาแรกทันที คือตู้ green car นั้นเกือบเต็ม ที่นั่งแยกกันหมดทั้ง 3 คน
จริงๆมันไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมาย เพียงแต่มันเป็นรถไฟเที่ยวแรก ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง
และที่สำคัญลูกชายต้องแยกนั่งคนเดียว ทำอะไรไม่ได้เพราะรถไฟเที่ยวต่อไปห้าโมงเย็นโน่นน่ะครับ
เลยบอกพนักงานไปว่าตกลงเอาที่นั่งตามนี้แหล่ะ ไปแก้ไขปัญหาเอาข้างหน้า
จากนั้นเราขึ้นไปที่ชั้น 2 ฝั่ง domestic เพื่อไปรับ pocket wifi ที่ไปรษณีย์ เอาไว้ออนไลน์กันตาย ฮาาา….
สำหรับ pocket wifi ผมใช้บริการของ japan-wireless.com เนื่องจากเช็คราคามาถูกที่สุดแล้วสำหรับ 14 วัน
ราคา 8,300 เยน/14 วัน + ค่าจัดส่งไปสนามบิน 500 เยน + ค่าประกัน 500 เยน/14 วัน
อุปกรณ์ในซองที่ส่งมาก็จะมี ซองเปล่าสำหรับส่งเครื่องกลับ (ตอนส่งกลับส่งที่ไปรษณีย์สนามบินไม่เสียเงินด้วย)
ตัวเครื่อง ซองผ้า สายชาร์จและปลั๊ก มี powerbank ให้ยืมฟรี แต่ต้องแจ้งตอนสั่งจองนะครับ
ตลอด 14 วันเครื่องไม่มีแฮงค์ สัญญาณดีมาก ยกเว้น! ตอนนั่งรถไฟไป abashiri แทบไม่มีสัญญาณครับ
เมื่อทุกอย่างพร้อมเพราะรถไฟไป Hakodate ตั้งเกือบบ่ายโมง เลยไปเดินเล่นที่ doraemon waku waku กัน
Doraemon Waku Waku Skypark จะอยู่ชั้น 3 ทางเชื่อม domestic กับ international หาไม่ยากครับ
เราเดินเล่นกันอยู่เฉพาะด้านนอกยังไม่ได้เข้าไปด้านใน เพราะท้ายๆทริปเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้งนึง
มุมบังคับที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายมุมนี้ครับ
Doraemon Shop ส่วนมากจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ซะมากกว่า พวกตุ๊กตาของเล่นมีน้อยครับ
ลูกชายขอถ่ายกับตัวการ์ตูนสุดโปรดหน่อย
ฮาหน้าโดราเอมอนตัวนี้มาก
จะมี Library และ Workshop แต่ยังไม่ได้พาลูกชายเข้าไป จะกลับมาเล่นกันอีกรอบ
มีรวมหนังสือการ์ตูนที่แปลไว้เกือบทุกภาษาด้วย อันนี้ถ่ายมาเฉพาะภาษาไทยครับ
ทริปนี้เรามีกล้อง 2 ตัว แต่ตากล้องมี 3 คนนะครับ 555+
ตรงทางเชื่อมนี้จะมี Royce' Chocolate World และอีกหลายร้านให้เดินเที่ยวครับ
ยืนดูวิธีการทำ Chocolate เพลินเลยหล่ะครับ
ตรงส่วนนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ของ Royce'
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น