สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิว ญี่ปุ่น101 ที่ต้องตั้งแบบนี้เพราะผมไปเองครับ ไปแบบเบสิกเลย 9 วัน 9 คืน โอซาก้า เกียวโต โตเกียว ฮาโกเน่ เลียนแบบทัวร์ และลอกตามกูรูในเวบต่างๆรวมถึง pantip นี้ด้วยครับ สถานที่เที่ยวก็ตามทัวร์เป๊ะ
ที่มารีวิวครั้งนี้ ผมจะมาเสนอเรื่องที่ DO and Don’t ด้วยครับ บางอย่างตามหนังสือ หรือตามเวบที่มีคนไปมาแล้วไม่ได้บอก ทำให้ผมพลาดบางอย่างไป รีวิวผมไม่เน้นว่าต้องลงสถานีไหน ไปยังไงนะครับ จะเอาแค่สถานที่ที่ไป โปรแกรมที่ไป และสิ่งที่ควรและไม่ควรทำเวลาไปที่โน่น เพื่อเป็นไกด์ให้คนที่อยากไปเองได้ทราบไว้นะครับ ดังนั้นอาจไม่ละเอียดมาก หรือบางรีวิวอาจไปได้มากกว่าและละเอียดกว่า ก็ขออภัยครับ
เกริ่นก่อนว่าผมไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย ครั้งนี้ไปแบบไปเอง (ไม่อยากใช้คำว่า Backpack เพราะเอาเข้าจริงมันไม่ด้ Pack เลยครับ ลากกันสามสี่ใบ) จองโรงแรมเองผ่าน agoda และ booking.com ซื้อตั๋วเอง ศึกษารถไฟเองหมดเลย เตรียมตัวตั้งแต่ ธค.56 ไปเมื่อ 17-25 มีค.57 ที่ผ่านมาครับ แนะนำสำหรับคนที่ไปเองเวบ
www. hyperdia.com มีประโยชน์มากๆสำหรับการเดินทางโดยรถไฟครับ แล้วก็ทริปนี้ไม่เน้นประหยัดครับ เน้นกิน กินแหลก เที่ยวตามใจฉัน ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักนะครับ
รีวิวผมออกแนวเล่าเรื่องประกอบภาพนะครับ ดังนั้นจะยาวมากๆๆๆๆ ใครขี้เกียจก็สครอลงไปยาวๆดูแต่รูปก็ได้ครับแฮะๆ
สิ่งที่ควรเตรียม และควรทราบเมื่อไปญี่ปุ่นแบบไปเอง
- รองเท้า+ถุงเท้า รองเท้าแบบที่เราใส่สบายที่สุดในชีวิต แนะนำผ้าใบเลยครับ อย่าซื้อใหม่กิ๊งแล้วเอาไปใส่ เพราะถ้ากัดขึ้นมา ไปไหนไม่ได้เลยครับ ถ้าไปหน้าหนาวก็หาบูทเตี้ยๆ เดินสบายๆไปก็ได้ครับ หรือใครชอบแตะ ก็ลากแตะก็ได้ ไม่มีใครสนหรอกครับ ขอแค่ใส่สบายพอ
- เสื้อกันหนาวสำหรับคนขี้หนาวก็เตรียมขนเป็ดไปก็ได้ครับ หรือแบบไหนก็ได้ที่เรามี ถ้าอยากสวยๆก็ไปหาโคทที่โน่นใส่ก็ได้ ราคาถูกกว่าเมืองไทยมากครับ
- ยาสามัญต่างๆ โดยเฉพาะพวกแก้ปวดเมื่อ คลายกล้ามเนื้อ ยานวด ยาพารา แก้หวัด คัดจมูก เอาไปให้หมดครับ เพราะยาที่โน่นแพงมากกก
- ฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะท่านต้องเดินเยอะมาก ถึงมากที่สุดครับ
- ผมไม่ได้ซื้อ JR Pass เพราะใช้ไม่คุ้ม ลองศึกษาเส้นทางดูว่าเราจะต้องใช้ไหม ถ้าไปทริปแบบผมไม่ต้องใช้ครับ
- สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไดร์เป่าผม หวี ไม่ต้องเอาไปครับ มีทุก โรงแรมเป็นมาตรฐาน นอกจากว่าใครชอบใช้แบบยี่ห้อไหนโดยเฉพาะ ก็ไม่สงวนครับ
- แผนที่รถไฟใต้ดิน บนดินของจังหวัดที่เราไปครับ หาได้จาก google เลยง่ายๆ ดูว่าเราจะไปไหน ลงสถานีไหน โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ ดูง่ายดีครับ หรือไปขอแผนที่ ที่ Info Center ที่สถานีรถไฟก็ได้
- Internet สำหรับเปิด map หรือเปิดเวบครับ ผมว่าสำคัญนะครับ หลายๆครั้งผมใช้ Map ช่วยจากโทรศัพท์ในการนำทางได้ดีทีเดียว แนะนำ B-mobile ไปแค่ 10 วันซื้อแบบ 1GB ดีกว่าครับ ความเร็วไม่จำกัด
- ร้านรวงต่างๆในญี่ปุ่น เปิด 11 โมง และปิดสองทุ่ม เร็วมากๆครับ ไม่มีรีวิวสำนักไหนบอกเลยครับ ตอนแรกนึกว่าญี่ปุ่น ดินแดนแห่งแสงสี กะจะโต้รุ่ง ปรากฏว่าสองทุ่ม เงียบเชียบ ร้านปิดหมด คนเดินเยอะมาก แต่ร้านค้าปิดแล้ว จะเปิดก็พวกร้านขายของกินบางอย่าง ดังนั้นอย่าไว้ใจเที่ยวจนดึกนะครับ ร้านที่อยากไปปิดก่อน
- ณ ตอนนี้ไม่ต้องใช้ Visa นะครับ ใช้แต่ Passport แต่ไปได้แค่ 15 วันนะครับ ไม่ใช่จัดทริปเพลิน 20 วัน จะกลับประเทศไม่ได้เอา
วันแรก จันทร์ 17 มีค. 57
- ออกเดินทางจากไทย โดย TG 8.30 น. ไปถึง Kansai ประมาณบ่ายสามครึ่งครับ ตอนอยู่บนเครื่องกรอกใบที่เขาให้มาให้ครบนะครับ ที่สำคัญเลยคือ โรงแรมที่เราจะไปพัก ถ้าเราไปหลายที่แบบผม ก็ใส่แค่โรงแรมแรกที่พักก็พอ ถ้าไม่ใส่ ก็ต้องมีหลักฐานให้เขาดูว่าเราพักที่ไหน ไม่งั้น ตม.จะคุยกับเราเป็นพิเศษ ถ้ากรอกครบ ก็ผ่านสบายๆครับไม่ต้องกังวล บางคนอาจโดนถามบ้างว่ามากี่วัน ทำอะไรบ้างนิดหน่อยพอเป็นกระสัย ไม่มีปัญหา
ถึงญี่ปุ่นแว้ว
เลือกเดินทางกับ Nankai Rapit ครับ
- ถึง Kansai ก็ต่อรถ Nankai Rapit เข้าตรงสู่ Namba เลยครับ จาก Namba ก็ต่อรถไฟใต้ดินไปอีกสถานีเดียว ลงสถานี Shinsaibashi แล้วเดินเข้าโรงแรม ผมพักโรงแรมชื่อ
Hearton Hotel Minami Samba ผมแนะนำโรงแรมนี้เลยครับ เพราะใกล้แหล่งถนนคนเดิน Shinsaibashi เดินแค่ 1 นาทีก็ถึงแล้ว แถมใกล้ๆก็มีร้าน Family Mart และ Lawson อีกด้วย เรียกว่ามีกิน 24 ชม.
ย่าน Shinsaibashi มีหลังคายาวตลอดกิโลกว่าๆ
- มาถึงก็ประมาณ 4 โมงเย็น ก็เดินตะลุยย่านนี้เลยครับ เดินยาวๆๆๆ ลงไปจนสุดทางเลยครับ ย่าน Namba ก็คือย่านกูลิโกะนั่นเองครับ คนไทยเพียบเลย วันนี้ก็ได้ไปกินปูทาระบะ ที่ร้านหัวมุมกูลิโกะ ตามลายแทงหลายสำนัก ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาโอซาก้าคือ ทาโกะยากิครับ อร่อยกว่าบ้านเราหลายเท่าเลยครับ จากนั้นก็เดินกลับ เจออะไรน่ากิน กินหมดเลยครับ เครป ไก่คาราเกะ ไอติม ขอบอกเลยว่าอะไรที่เป็นชาเขียวที่ญี่ปุ่น อร่อยกว่าบ้านเราทุกอย่างครับ แม้กระทั่งไอติมชาเขียวไก่กาข้างทาง ยังอร่อยกว่าบ้านเราเยอะ Confirm เดินย้อนกลับมาทางเดิม เข้าโรงแรม นอน
กุ๊ลิโก๊ะ
ทาโกะยากิ อร่อยเวอร์
กุ้งหอยปูปลา
ปูย่าง ปูย่าง
อาหารอื่นๆตามข้างทาง
วันที่สอง อังคาร 18 มีค.57
- ตื่นประมาณแปดโมงครับ ไม่รีบ ออกจากโรงแรม ไปสถานีรถไฟ Namba จะมี Tourist Info ขาย
Osaka Pass ครับ 2 วัน 2700 เยน ขึ้นรถไฟใต้ดินได้ทุกสาย และมีคูปองเข้าสถานที่ต่างๆฟรี(หรือลดราคา) แนะนำให้ซื้อเลยครับ อ้อที่โอซาก้านี่บันไดเขายืนชิดขวานะครับ เว้นทางซ้ายไว้ให้คนที่รีบเขาเดิน
สถานีรถไฟนัมบะ ใหญ่โตจริงๆ
- ช่วงเช้าเราเดินทางไปวัด Tenoji ครับ เขาว่าเป็นวัดจีนแห่งแรกในโอซาก้า อากาศประมาณ 10 องศากำลังชิลเลยครับ มาวันนี้โชคดีเขามีเทศกาลซากุระบานวันแรกพอดี เลยมีลานขายของคล้ายๆงานวัดบ้านเราครับ มีตลาดขายของกิน ขนม เสื้อผ้า สนุกดี แต่..ไม่ซากุระสักดอกเลยย เซ็ง เพราะอากาศญี่ปุ่นช่วงนี้เปลี่ยนแปลงครับ หนาวนานไปหน่อย ซากุระไม่บานเลย
บรรยากาศรอบๆวัด
งานวัดขนาดย่อมๆ
เห็นต้นนี้อยู่ ตอนแรกดีใจ นึกว่าซากุระ แต่ผู้สันทัดกรณีบอกว่าเป็นบ๊วย แหง่วว
- เสร็จจากวัดก็ไปต่อที่ปราสาทโอซาก้า ทางเดินไปปราสาทก็ผ่านตึก NHK ด้วยครับ อลังการมาก พอถึงปราสาทเช่นเดิมซากุระไม่บานตามเคย ถ่ายได้แต่ต้นกับกิ่ง เดินไปเรื่อยๆ ขึ้นไปบนปราสาท สนุกดีครับ มีนิทรรศกาลคล้ายๆพิพิธพรรณ หน้าปราสาทก็มีขนมขายเพียบไปหมด ซื้อกินกันตามสะดวก
ตึก NHK ใหญ่โตมาก จริงๆเขาให้เข้าไปได้นะ แต่ไม่ได้เข้า
กิ่งซากุระ กับปราสาทโอซาก้า สวยจริงๆปราสาทนี้ ชอบ
ยอดปราสาท ปลา(สี)ทอง อร่าม
- จากนั้นก็ไปต่อที่ Aquarium Kaiyukan เขาว่าเป็น Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ข้างๆกันก็มีชิงช้า Tempozan สูงสุดใน Kansai แต่เสียดายชิงช้าปิดซ่อม เลยอดขึ้นเลยครับ ในอวาเรี่ยมมีทางเดินไปเรื่อยๆ มีป้ายบอก 750 เมตร แม่เจ้า ใหญ่มาก พอเดินจบหมดแรงเลยครับ ไม่เคยเดินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ปวดขาไปหมด แต่ยังสู้ครับ
ไคยูคังควาเรียม และเทมโปซานชิงช้า
ปลา??ไฮไลท์ในนี้ แทงค์น้ำใหญ่มากๆ เดิน 5 ชั้นยังไม่ถึงก้น
- จากปราสาทก็ไปต่อที่ Yodobashi ไปเดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนสาวๆก็ไปเดินห้าง Hyokyo(จำชื่อไม่ได้อ่ะครับ แต่ประมาณนี้ แฮะๆ) เดินได้ครึ่ง ชม.ม่ายไหว ปวดขา+เท้ามาก เลยนั่งรถกลับ รร.ค่อยมาซ่อมใหม่วันหลัง
โยโดบาชิ
วันที่สาม พุธ 19 มีค.57
- วันนี้ก็ยังอยู่โอซาก้า มีการปรับแผนนิดหน่อย ตอนแรกว่าจะไป Universal แต่ไม่ไหวปวดเท้ามาก โหวตกับเพื่อนแล้ว เลย Cancel ไป เลยเปลี่ยนแผนไปปราสาทโอซาก้า ออกแต่เช้า ไปถึงเก้าโมง ไม่มีคนเลย นึกว่าปิด แต่ไปถามดูก็เปิดส่วนหอคอย แต่พวกร้านขายของเปิด 11 โมง เลยขึ้นไปบนหอคอยก่อน กลับลงมาร้านเปิดพอดีครับ โอ้วว กุลิโกะมากมายเต็มเลย มีรสชาเขียวยอดนิยม และรสอื่นๆอีกมากมาย โคล่อนแท่งยาวๆ คาปูลิโกะที่ไทยไม่มีขายแล้ว เพียบ เลือกซื้อกันตามสะดวก ผมยังงงอย่างนึงตรงที่ ที่นี่มีประวัติ และตัวละครคินนิกุแมนด้วย ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวกันยังไงเหมือนกันครับ ใครทราบบอกที
หอคอยโอซาก้า และย่านชินเซไก เช้าตรู่ ร้านยังปิดอยู่เลย
ด้านในมีกูลิโกะมากมายให้เลือกสรร
หุ่นคินิกุแมนเท่าตัวจริง มีสินค้าเกี่ยวกับคินนิกุแมนด้วย
- ลงมาด้านล่างจะมีร้านขายส่ง ร้านนี้พวกคิทแคท กูลิโกะถูกมากๆครับ หากใครคิดจะซื้อฝาก ให้สอยเลย รับรองไปโตเกียว หรือสนามบินไม่มีถูกแบบนี้แล้วครับ แต่ผมไม่ได้ซื้อ เพราะไม่รู้ราคาว่าเขาขายกันเท่าไหร่ เซ็งไปเลย ต้องซื้อแพงกว่าที่ Ameyoko โตเกียว
- ตอนบ่ายไปซ่อมที่ yodobashi อีกรอบ เพื่อนผมได้เลนส์ Lumix ราคาแจ่มมา แต่ผมไม่ได้อะไรครับ น้องฝากซื้อหูฟังแต่หารุ่นไม่เจอ เลยพากันกลับเดินย่าน Namba อีกรอบ แฟนผมก็สอยเสื้อโค้ทกับรองเท้าบูทมาเรียบร้อยโรงเรียนโอซาก้า กลับโรงแรม เก็บกระเป๋า...
[CR] ญี่ปุ่น 101 : รีวิว โอซากา เกียวโต โตเกียว ฮาโกเน่ 9 วัน 9 คืน ครับ
ที่มารีวิวครั้งนี้ ผมจะมาเสนอเรื่องที่ DO and Don’t ด้วยครับ บางอย่างตามหนังสือ หรือตามเวบที่มีคนไปมาแล้วไม่ได้บอก ทำให้ผมพลาดบางอย่างไป รีวิวผมไม่เน้นว่าต้องลงสถานีไหน ไปยังไงนะครับ จะเอาแค่สถานที่ที่ไป โปรแกรมที่ไป และสิ่งที่ควรและไม่ควรทำเวลาไปที่โน่น เพื่อเป็นไกด์ให้คนที่อยากไปเองได้ทราบไว้นะครับ ดังนั้นอาจไม่ละเอียดมาก หรือบางรีวิวอาจไปได้มากกว่าและละเอียดกว่า ก็ขออภัยครับ
เกริ่นก่อนว่าผมไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย ครั้งนี้ไปแบบไปเอง (ไม่อยากใช้คำว่า Backpack เพราะเอาเข้าจริงมันไม่ด้ Pack เลยครับ ลากกันสามสี่ใบ) จองโรงแรมเองผ่าน agoda และ booking.com ซื้อตั๋วเอง ศึกษารถไฟเองหมดเลย เตรียมตัวตั้งแต่ ธค.56 ไปเมื่อ 17-25 มีค.57 ที่ผ่านมาครับ แนะนำสำหรับคนที่ไปเองเวบ www. hyperdia.com มีประโยชน์มากๆสำหรับการเดินทางโดยรถไฟครับ แล้วก็ทริปนี้ไม่เน้นประหยัดครับ เน้นกิน กินแหลก เที่ยวตามใจฉัน ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักนะครับ
รีวิวผมออกแนวเล่าเรื่องประกอบภาพนะครับ ดังนั้นจะยาวมากๆๆๆๆ ใครขี้เกียจก็สครอลงไปยาวๆดูแต่รูปก็ได้ครับแฮะๆ
สิ่งที่ควรเตรียม และควรทราบเมื่อไปญี่ปุ่นแบบไปเอง
- รองเท้า+ถุงเท้า รองเท้าแบบที่เราใส่สบายที่สุดในชีวิต แนะนำผ้าใบเลยครับ อย่าซื้อใหม่กิ๊งแล้วเอาไปใส่ เพราะถ้ากัดขึ้นมา ไปไหนไม่ได้เลยครับ ถ้าไปหน้าหนาวก็หาบูทเตี้ยๆ เดินสบายๆไปก็ได้ครับ หรือใครชอบแตะ ก็ลากแตะก็ได้ ไม่มีใครสนหรอกครับ ขอแค่ใส่สบายพอ
- เสื้อกันหนาวสำหรับคนขี้หนาวก็เตรียมขนเป็ดไปก็ได้ครับ หรือแบบไหนก็ได้ที่เรามี ถ้าอยากสวยๆก็ไปหาโคทที่โน่นใส่ก็ได้ ราคาถูกกว่าเมืองไทยมากครับ
- ยาสามัญต่างๆ โดยเฉพาะพวกแก้ปวดเมื่อ คลายกล้ามเนื้อ ยานวด ยาพารา แก้หวัด คัดจมูก เอาไปให้หมดครับ เพราะยาที่โน่นแพงมากกก
- ฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะท่านต้องเดินเยอะมาก ถึงมากที่สุดครับ
- ผมไม่ได้ซื้อ JR Pass เพราะใช้ไม่คุ้ม ลองศึกษาเส้นทางดูว่าเราจะต้องใช้ไหม ถ้าไปทริปแบบผมไม่ต้องใช้ครับ
- สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไดร์เป่าผม หวี ไม่ต้องเอาไปครับ มีทุก โรงแรมเป็นมาตรฐาน นอกจากว่าใครชอบใช้แบบยี่ห้อไหนโดยเฉพาะ ก็ไม่สงวนครับ
- แผนที่รถไฟใต้ดิน บนดินของจังหวัดที่เราไปครับ หาได้จาก google เลยง่ายๆ ดูว่าเราจะไปไหน ลงสถานีไหน โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ ดูง่ายดีครับ หรือไปขอแผนที่ ที่ Info Center ที่สถานีรถไฟก็ได้
- Internet สำหรับเปิด map หรือเปิดเวบครับ ผมว่าสำคัญนะครับ หลายๆครั้งผมใช้ Map ช่วยจากโทรศัพท์ในการนำทางได้ดีทีเดียว แนะนำ B-mobile ไปแค่ 10 วันซื้อแบบ 1GB ดีกว่าครับ ความเร็วไม่จำกัด
- ร้านรวงต่างๆในญี่ปุ่น เปิด 11 โมง และปิดสองทุ่ม เร็วมากๆครับ ไม่มีรีวิวสำนักไหนบอกเลยครับ ตอนแรกนึกว่าญี่ปุ่น ดินแดนแห่งแสงสี กะจะโต้รุ่ง ปรากฏว่าสองทุ่ม เงียบเชียบ ร้านปิดหมด คนเดินเยอะมาก แต่ร้านค้าปิดแล้ว จะเปิดก็พวกร้านขายของกินบางอย่าง ดังนั้นอย่าไว้ใจเที่ยวจนดึกนะครับ ร้านที่อยากไปปิดก่อน
- ณ ตอนนี้ไม่ต้องใช้ Visa นะครับ ใช้แต่ Passport แต่ไปได้แค่ 15 วันนะครับ ไม่ใช่จัดทริปเพลิน 20 วัน จะกลับประเทศไม่ได้เอา
วันแรก จันทร์ 17 มีค. 57
- ออกเดินทางจากไทย โดย TG 8.30 น. ไปถึง Kansai ประมาณบ่ายสามครึ่งครับ ตอนอยู่บนเครื่องกรอกใบที่เขาให้มาให้ครบนะครับ ที่สำคัญเลยคือ โรงแรมที่เราจะไปพัก ถ้าเราไปหลายที่แบบผม ก็ใส่แค่โรงแรมแรกที่พักก็พอ ถ้าไม่ใส่ ก็ต้องมีหลักฐานให้เขาดูว่าเราพักที่ไหน ไม่งั้น ตม.จะคุยกับเราเป็นพิเศษ ถ้ากรอกครบ ก็ผ่านสบายๆครับไม่ต้องกังวล บางคนอาจโดนถามบ้างว่ามากี่วัน ทำอะไรบ้างนิดหน่อยพอเป็นกระสัย ไม่มีปัญหา
ถึงญี่ปุ่นแว้ว
เลือกเดินทางกับ Nankai Rapit ครับ
- ถึง Kansai ก็ต่อรถ Nankai Rapit เข้าตรงสู่ Namba เลยครับ จาก Namba ก็ต่อรถไฟใต้ดินไปอีกสถานีเดียว ลงสถานี Shinsaibashi แล้วเดินเข้าโรงแรม ผมพักโรงแรมชื่อ Hearton Hotel Minami Samba ผมแนะนำโรงแรมนี้เลยครับ เพราะใกล้แหล่งถนนคนเดิน Shinsaibashi เดินแค่ 1 นาทีก็ถึงแล้ว แถมใกล้ๆก็มีร้าน Family Mart และ Lawson อีกด้วย เรียกว่ามีกิน 24 ชม.
ย่าน Shinsaibashi มีหลังคายาวตลอดกิโลกว่าๆ
- มาถึงก็ประมาณ 4 โมงเย็น ก็เดินตะลุยย่านนี้เลยครับ เดินยาวๆๆๆ ลงไปจนสุดทางเลยครับ ย่าน Namba ก็คือย่านกูลิโกะนั่นเองครับ คนไทยเพียบเลย วันนี้ก็ได้ไปกินปูทาระบะ ที่ร้านหัวมุมกูลิโกะ ตามลายแทงหลายสำนัก ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาโอซาก้าคือ ทาโกะยากิครับ อร่อยกว่าบ้านเราหลายเท่าเลยครับ จากนั้นก็เดินกลับ เจออะไรน่ากิน กินหมดเลยครับ เครป ไก่คาราเกะ ไอติม ขอบอกเลยว่าอะไรที่เป็นชาเขียวที่ญี่ปุ่น อร่อยกว่าบ้านเราทุกอย่างครับ แม้กระทั่งไอติมชาเขียวไก่กาข้างทาง ยังอร่อยกว่าบ้านเราเยอะ Confirm เดินย้อนกลับมาทางเดิม เข้าโรงแรม นอน
กุ๊ลิโก๊ะ
ทาโกะยากิ อร่อยเวอร์
กุ้งหอยปูปลา
ปูย่าง ปูย่าง
อาหารอื่นๆตามข้างทาง
วันที่สอง อังคาร 18 มีค.57
- ตื่นประมาณแปดโมงครับ ไม่รีบ ออกจากโรงแรม ไปสถานีรถไฟ Namba จะมี Tourist Info ขาย Osaka Pass ครับ 2 วัน 2700 เยน ขึ้นรถไฟใต้ดินได้ทุกสาย และมีคูปองเข้าสถานที่ต่างๆฟรี(หรือลดราคา) แนะนำให้ซื้อเลยครับ อ้อที่โอซาก้านี่บันไดเขายืนชิดขวานะครับ เว้นทางซ้ายไว้ให้คนที่รีบเขาเดิน
สถานีรถไฟนัมบะ ใหญ่โตจริงๆ
- ช่วงเช้าเราเดินทางไปวัด Tenoji ครับ เขาว่าเป็นวัดจีนแห่งแรกในโอซาก้า อากาศประมาณ 10 องศากำลังชิลเลยครับ มาวันนี้โชคดีเขามีเทศกาลซากุระบานวันแรกพอดี เลยมีลานขายของคล้ายๆงานวัดบ้านเราครับ มีตลาดขายของกิน ขนม เสื้อผ้า สนุกดี แต่..ไม่ซากุระสักดอกเลยย เซ็ง เพราะอากาศญี่ปุ่นช่วงนี้เปลี่ยนแปลงครับ หนาวนานไปหน่อย ซากุระไม่บานเลย
บรรยากาศรอบๆวัด
งานวัดขนาดย่อมๆ
เห็นต้นนี้อยู่ ตอนแรกดีใจ นึกว่าซากุระ แต่ผู้สันทัดกรณีบอกว่าเป็นบ๊วย แหง่วว
- เสร็จจากวัดก็ไปต่อที่ปราสาทโอซาก้า ทางเดินไปปราสาทก็ผ่านตึก NHK ด้วยครับ อลังการมาก พอถึงปราสาทเช่นเดิมซากุระไม่บานตามเคย ถ่ายได้แต่ต้นกับกิ่ง เดินไปเรื่อยๆ ขึ้นไปบนปราสาท สนุกดีครับ มีนิทรรศกาลคล้ายๆพิพิธพรรณ หน้าปราสาทก็มีขนมขายเพียบไปหมด ซื้อกินกันตามสะดวก
ตึก NHK ใหญ่โตมาก จริงๆเขาให้เข้าไปได้นะ แต่ไม่ได้เข้า
กิ่งซากุระ กับปราสาทโอซาก้า สวยจริงๆปราสาทนี้ ชอบ
ยอดปราสาท ปลา(สี)ทอง อร่าม
- จากนั้นก็ไปต่อที่ Aquarium Kaiyukan เขาว่าเป็น Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ข้างๆกันก็มีชิงช้า Tempozan สูงสุดใน Kansai แต่เสียดายชิงช้าปิดซ่อม เลยอดขึ้นเลยครับ ในอวาเรี่ยมมีทางเดินไปเรื่อยๆ มีป้ายบอก 750 เมตร แม่เจ้า ใหญ่มาก พอเดินจบหมดแรงเลยครับ ไม่เคยเดินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ปวดขาไปหมด แต่ยังสู้ครับ
ไคยูคังควาเรียม และเทมโปซานชิงช้า
ปลา??ไฮไลท์ในนี้ แทงค์น้ำใหญ่มากๆ เดิน 5 ชั้นยังไม่ถึงก้น
- จากปราสาทก็ไปต่อที่ Yodobashi ไปเดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนสาวๆก็ไปเดินห้าง Hyokyo(จำชื่อไม่ได้อ่ะครับ แต่ประมาณนี้ แฮะๆ) เดินได้ครึ่ง ชม.ม่ายไหว ปวดขา+เท้ามาก เลยนั่งรถกลับ รร.ค่อยมาซ่อมใหม่วันหลัง
โยโดบาชิ
วันที่สาม พุธ 19 มีค.57
- วันนี้ก็ยังอยู่โอซาก้า มีการปรับแผนนิดหน่อย ตอนแรกว่าจะไป Universal แต่ไม่ไหวปวดเท้ามาก โหวตกับเพื่อนแล้ว เลย Cancel ไป เลยเปลี่ยนแผนไปปราสาทโอซาก้า ออกแต่เช้า ไปถึงเก้าโมง ไม่มีคนเลย นึกว่าปิด แต่ไปถามดูก็เปิดส่วนหอคอย แต่พวกร้านขายของเปิด 11 โมง เลยขึ้นไปบนหอคอยก่อน กลับลงมาร้านเปิดพอดีครับ โอ้วว กุลิโกะมากมายเต็มเลย มีรสชาเขียวยอดนิยม และรสอื่นๆอีกมากมาย โคล่อนแท่งยาวๆ คาปูลิโกะที่ไทยไม่มีขายแล้ว เพียบ เลือกซื้อกันตามสะดวก ผมยังงงอย่างนึงตรงที่ ที่นี่มีประวัติ และตัวละครคินนิกุแมนด้วย ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวกันยังไงเหมือนกันครับ ใครทราบบอกที
หอคอยโอซาก้า และย่านชินเซไก เช้าตรู่ ร้านยังปิดอยู่เลย
ด้านในมีกูลิโกะมากมายให้เลือกสรร
หุ่นคินิกุแมนเท่าตัวจริง มีสินค้าเกี่ยวกับคินนิกุแมนด้วย
- ลงมาด้านล่างจะมีร้านขายส่ง ร้านนี้พวกคิทแคท กูลิโกะถูกมากๆครับ หากใครคิดจะซื้อฝาก ให้สอยเลย รับรองไปโตเกียว หรือสนามบินไม่มีถูกแบบนี้แล้วครับ แต่ผมไม่ได้ซื้อ เพราะไม่รู้ราคาว่าเขาขายกันเท่าไหร่ เซ็งไปเลย ต้องซื้อแพงกว่าที่ Ameyoko โตเกียว
- ตอนบ่ายไปซ่อมที่ yodobashi อีกรอบ เพื่อนผมได้เลนส์ Lumix ราคาแจ่มมา แต่ผมไม่ได้อะไรครับ น้องฝากซื้อหูฟังแต่หารุ่นไม่เจอ เลยพากันกลับเดินย่าน Namba อีกรอบ แฟนผมก็สอยเสื้อโค้ทกับรองเท้าบูทมาเรียบร้อยโรงเรียนโอซาก้า กลับโรงแรม เก็บกระเป๋า...