นี่เป็นความเห็นส่วนตัว จากปสก.ที่ได้เห็นลูกเรา 2 คนเรียน

ลูกสาวจบป.ตรีที่ NZ แล้วมาเรียนอีกป.ตรีอีก 1 ใบที่Canada ส่วนลูกชายเรียน Primary School ที่ NZ ตอนนี้กำลังเรียน High School ที่ Canada จากปสก.ที่ได้จากการมองผ่านการเรียนของลูกทั้ง 2 เทียนกับปสก.ที่เราเรียนจบจากไทย จะเห็นความแตกต่างการเรียน-การสอนของคุณครู แตกต่างกันมากกับเมืองไทย

ทั้งที่ NZ & Canada เค้าเน้นการปฏิบัติจริงจากบทเรียน ต้องค้นคว้าเอง การบ้านส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีที่ครูสอน แต่เป็นการบ้านที่เน้นการค้นคว้านอกตำรามาตอบ  สอนให้คิดเอง ทำเอง มีอะไรสงสัยไม่แน่ใจ มา discuss กันในชั้นเรียนหรือออก Field ไปค้นคว้ากันเลย เราว่าเรียนแบบนี้สนุกดี เด็กไม่เครียด ทำให้เด็กเป็นคนช่างสังเกตุ ช่างคิด กล้าถาม กล้าตอบ  ทุกเทอมจะมีการพานร.ออกภาคสนามเสมอ บางครั้งไป camping 2-3 คืน เพื่อให้นร.ได้เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิต หรือเอาตัวรอดเมื่อจบออกไป  ช่วงWinter ก็จะมีการพาไปสอนวิธีการเล่นสกี ไม่ใช่สอนที่รร.นะ แต่พาขึ้นเขาไปเลย สอนกันที่ skii resort ของจริงคะ  (คชจ.บางที รร.ก็ออกให้ บางทีผู้ปกครองออกบางส่วน)

แม้นแต่การสอบของรร. ถ้าผลสอบออกมาแล้วนักเรียนคิดว่านร.น่าจะทำได้ดีกว่าผลที่ออกมา นร.สามารถเดินไปขอครูสอบใหม่ได้ ถ้าอันไหนดีกว่าก็เอาอันนั้น (การขอสอบใหม่ ต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของครูที่จะดูว่าเหตุผลของนร.สมควรหรือไม่) ลูกเรามีปสก.อันนี้ด้วย

ไม่ใช่เรียนแต่ในตำรา เรียนแค่ในห้องเรียนแล้วจบ-ใครจำได้มากกว่าสอบได้เกรดดีกว่า

นร.High school ถ้าหากยังไม่รู้ว่าจะอยากเป็นอะไรในอนาคต ที่รร.เค้าก็จะมีบางสาขาวิชา เป็นวิชาเลือก ที่ให้นร.ลงเรียนแล้วดูว่าชอบไหม ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนไปเรียนอย่างอื่นดี จนพบว่าจริงๆแล้วชอบอะไร พอจบHS เด็กพวกนี้ก็จะได้เรียนในสาขาที่ชอบ แล้วเค้าก็จะทำได้ดี มีความสุขกับงานที่ทำ มาช่วย develop ปท.คะ

วิชาเลือกที่เราพอรู้บ้างมี accounting, Law, ช่างไฟฟ้า, ช่างประปา, ก่อสร้างสาขาต่างๆ, cooking, etc พวกนี้ตอนเรียนจะมีการปฏิบัติจริง ออกไปทำงานกับบ.ต่างๆจริง ได้เงินด้วยแต่เป็นขั้นต่ำ บางคนก็ได้งานไปเลยก่อนจบอีกด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมด เราอยากให้จขกท.เห็นภาพว่าเค้าเรียนกันอย่างไร ทำไมที่บอกว่าฝรั่งจบเหมือนกันกับคนไทย ทำไมเค้าเก่งกว่า  ถามเรา-เราว่าจริง ถ้าเค้าเรียนในสิ่งที่ชอบ ก็จะอยากค้นคว้าเพิ่มเติม อยากรู้ อยากเห็น ประกอบกับวิธีการเรียนแตกต่างจากไทยมากคะ

มีเรื่องขำๆ แบบขำไม่ออกมาเล่าให้ฟัง ตอนลูกเราอายุประมาณ 3-4ขวบ ที่NZ ลูกเราไปเข้าคล้ายๆรร.อนุบาลเมืองไทย วันหนึ่งได้รับจม.จากรร.ขอพบผู้ปกครอง ทั้งเราและสามีและลูกสาว (ทั้งบ้านว่างั้น) ก็ตกใจว่าลูกต้องไปก่อปัญหาอะไรแน่ พอไปถึงรร.คุณครูเค้า Take serious มากว่าทำไมลูกเราใช้ฆ้อนไม่เป็น ตอกตาปูไม่เป็น  เลื่อยไม้ไม่เป็น เค้าบอกว่าเด็กอายุขนาดนี้ต้องใช้ได้แล้ว (รร.เค้ามีเหมือนให้นร.สร้างของเล่นโดยใช้ไม้เล็กๆ ตะปู เลื่อย ฆ้อน สร้างอะไรก็ได้ตามแต่จินตนาการ อะไรประมาณนั้น)  เค้ากลัวว่าลูกเราจะมีปัญหาด้านสมอง เราก็ต้องอธิบายไปว่าลูกเรายังเล็กเราไม่เคยให้เล่นหรือใช้อุปกรณ์พวกนี้หรอก เพราะมันอันตราย  ครูบอกไม่ได้นะ เค้าต้องใช้ได้แล้ว เพราะมัน basic มาก เด็กจะต้องเรียนรู้ถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้องและปลอดภัย การปกป้องเค้าด้วยการไม่อนุญาตให้เข้าใกล้หรือไม่ให้ใช้ เป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เราบอกครูว่า OK เราจะสอนให้เค้าเรียนรู้การใช้

หลังจากลูกกลับมาในวันนั้น สามีเราก็ต้องรีบสอนให้เค้าใช้คะ  เป็นตย.ที่อยากขำ แต่ขำไม่ออก

นี่เป็นบางส่วนคะ
.
.
.
เพิ่มเติมคะ  คุณรู้ไหม ลูกชายเรา เป็นคนสอนเราว่า วิธีการจับมีด ใช้มีดหั่นของที่ถูกต้อง ต้องจับ-หั่นอย่างไร  เค้าบอกว่าครูสอนเค้าที่รร. เราอึ้งมากเลย เค้าสอนแม้กระทั่งเรื่องที่เราคิดว่าเล็กๆอย่างนี้เลยหรือ สำหรับเด็กอายุแค่6-7ปี .....เราเองก็เพิ่งมารู้วิธีจากเค้านี่แหละคะ

ถ้าที่เมืองไทย....ลูก อย่าเล่นมีด วางไว้ รู้ไหมมันคม อันตราย จะเอาอะไรบอก เดี๋ยวจะมีคนเดินมาทำให้

วันดี คืนดี ลูกถามว่า แม่ถ้าแผ่นดินไหว แม่รู้ไหมต้องทำอน่างไร  รร.เค้าจะสอนหมดคะ  เค้าจะมีให้นร.ทดลองปฏิบัติ สมมุติเหตูการณ์ต่างๆ เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหว วิธีการโทรเรียกรถพยาบาล รถตำรวจ ดับเพลิง....