เราเช่าอาคารพาณิชย์ห้าชั้นเปิดร้านอาหารค่ะ วันแรกที่มาดูตัวตึก สภาพไม่ได้สมบูรณ์ร้อยเปอเซ็นต์ค่ะ ต้องทำความสะอาดเยอะมาก และเพดานชั้นห้าเองก็แลดูไม่สวยงามนัก แต่ไม่เป็นไรไม่ได้มีผลกระทบมากนัก แต่อยู่ไปอยู่มาสภาพตึกแย่ลงเรื่อยๆ เริ่มจากกระจกชั้นสี่ร่วงลงมาจนเกือบโดนพนักงานในร้านที่กำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียงชั้นสาม หลังคาชั้นห้ารั่วเป็นรูโหว่ หนักที่สุดคือเมื่อฝนตกบ้านรั่วน้ำไหลมาตั้งแต่ชั้นห้าถึงชั้นหนึ่ง น้ำคงผ่านสนิมผ่านอะไรลงมาจึงกลายเป็นน้ำสีน้ำตาลคล้ำส่งกลิ่นเหม็นแต่ไม่ถึงกับรบกวนลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ภายในร้าน ตรงที่พักบันไดชั้นสองต่อชั้นสามน้ำเจิ่งนอง และฝ้าใกล้จะหล่น ห้องน้ำชั้นสามซึ่งเป็นห้องน้ำเดียวของตึกห้าชั้นนี้ก็ผุ ปลวกกินมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำในห้องส้วมก็ดันมารั่วหลังจากที่เจ้าของตึกให้ช่างเข้ามาซ่อมเพราะเจ้าของตึกถูกร้องเรียนเรื่องน้ำซึมไปข้างบ้าน
ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและแย่ลงเรื่อยๆหลังจากที่เราเซ็นสัญญาแล้ว ซึ่งอย่างที่กล่าวข้างต้นว่าวันที่มาดูตึกนั้นมันไม่ได้แย่ขนาดนี้ และไม่ได้มาช่วงหน้าฝนที่จะทำให้ทราบว่าถ้าฝนตกน้ำอาจท่วมบ้านได้ เจ้าของตึกเองเคยอยู่ที่นี้ประมาณปีนึง ไม่ทราบว่าปีนั้นฝนไม่ตกทั้งปีเลยหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ทราบว่าบ้านตัวเองรั่ว หรือตั้งใจจะปิดบัง
เราเช่าตึกนี้ด้วยราคาที่คุยไว้ครั้งแรก3x,xxx และลดลงมาห้าพันบาท เนื่องจากร้านอาหารของเราไม่ได้ขายดีอย่างที่คิดไว้ ในสัญญาไม่มีระบุราคาค่าเช่าไว้ด้วยเหตุผลบางประการ ไม่ระบุว่าเราหรือใครเป็นผู้รับผิดชอบความเสื่อมโทรมของบ้าน อีกทั้งพื้นที่หน้าตึกตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป ซึ่งเป็นจุดโฆษณาร้านที่ดีมาก เจ้าของตึกก็ให้ผู้เช่ารายอื่นเช่าติดป้ายโฆษณา อันนี้เราทราบตั้งแต่มาวันแรกแล้ว แต่ในสัญญาระบุชัดเจนว่าเรามีกรรมสิทธิ์กับตึวตึกทั้งหมดภายในสัญญาสามปี เราจึงถือว่าห้าพันบาทที่ลดไปเราได้สิทธิ์ตรงนี้มา
เรื่องปัญหาตึกสภาพแย่ลงเราคุยกับเจ้าของตึกแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาไม่แสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด เราเองไม่มีประสบการณ์ ตัวคนเดียวก็ไม่กล้าอะไรมาก ปล่อยๆไป อะไรแก้ไขเองได้ก็แก้ไขเองไปก่อน จนมาปีนี้ซึ่งมันไม่ไหวแล้วบวกกับข้างบ้านรุกหนัก เราเลยเอาบ้าง บอกเขาว่าช่วยซ่อมในส่วนที่เราเดือดร้อนด้วย เขาบอกได้ๆเดี๋ยวให้ช่างซ่อมไปด้วยเลย จนวันนี้ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้วยังไม่เห็นเงา
ปรึกษาพี่คนหนึ่งวันนี้ เขาบอกว่าให้เจ้าของบ้านซ่อมมันไม่ถูก ผู้เช่าต่างหากต้องรับผิดชอบ เขาบอกว่าก็เซ็นสัญญาไปแล้ว ก็รู้ว่าตึกไม่สมบูรณ์ยังจะเซ็น เราก็เฮ้ย!ไงงั้น เราบอกใช่ ก็รู้ว่าึตึกไม่สมบูรณ์แต่มันไม่ได้คงสภาพความไม่สมบูรณ์เล็กๆน้อยๆเหมือนที่เห็นในวันเซ็นสัญญา มันโทรมลง และโทรมลงมาก กระจกหล่นเกือบโดนหัวคน หลังคารั่ว น้ำซึมทั้งตัวตึก วันไหนฝนตกน้ำแทบจะท่วมบ้าน เจ้าของตึกก็เคยอยู่แต่เขาปิดบัง ฝ้าเปื่อยจากน้ำซึมจนจะหล่นอยู่แล้ว ห้องน้ำก็จอมปลวกดีๆนี่เอง มันเป็นความรับผิดชอบของเขาเต็มๆ พี่คนนั้นยกตัวอย่างว่าถ้าก้าวเท้าเข้ามาในบ้านภายในสามสิบนาทีแรกแล้วหลอดไฟขาดก็คงต้องให้เจ้าของบ้านซื้อมาเปลี่ยนงั้นสิ เราก็สวนไปว่ามันไม่เหมือนกัน แต่มันอธิบายไม่ถูกว่าต่างกันยังไง
เรามั่นใจแบบไม่ผลักภาระว่ามันเป็นหน้าที่ของเจ้าของตึก แต่พอมีคนท้วงก็เลยเขวเพราะไม่มีประสบการณ์
ความจริงแล้วเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ใครกันคะที่ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
*ครั้งที่ช่างมาซ่อมกรณีที่เจ้าของตึกถูกร้องเรียนเรื่องน้ำซึมไปข้างบ้าน เขาบอกให้เราบอกช่างว่าถอดเศษกระจกชั้นสี่ที่ยังเหลืออยู่ออกไปเลย เดี๋ยวร่วงลงมาเกิดใครได้รับบาดเจ็บ เราบอกช่าง ช่างบอกว่าถอดอ่ะถอดได้ แ่ต่เขาไม่มีกระจกใหม่มาเปลี่ยนให้นะ เพราะเจ้าของบ้านไม่ได้บอกเขาในกรณีนี้ เราเลยถามกลับว่า อ้าวแล้วอย่างนี้จะถอดทำไม ไม่มีใหม่มาเปลี่ยน ไหนจะแมวกระโดดเข้ามา ไหนจะโจร อะไรของเขา พอเราบอกเจ้าของตึกว่าช่างไม่มีกระจกใหม่มาใส่ให้นะ เจ้าของตึกตอบว่างั้นก็ยังไม่ต้องถอด รับผิดชอบดีไหม
ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบคะ
ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและแย่ลงเรื่อยๆหลังจากที่เราเซ็นสัญญาแล้ว ซึ่งอย่างที่กล่าวข้างต้นว่าวันที่มาดูตึกนั้นมันไม่ได้แย่ขนาดนี้ และไม่ได้มาช่วงหน้าฝนที่จะทำให้ทราบว่าถ้าฝนตกน้ำอาจท่วมบ้านได้ เจ้าของตึกเองเคยอยู่ที่นี้ประมาณปีนึง ไม่ทราบว่าปีนั้นฝนไม่ตกทั้งปีเลยหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ทราบว่าบ้านตัวเองรั่ว หรือตั้งใจจะปิดบัง
เราเช่าตึกนี้ด้วยราคาที่คุยไว้ครั้งแรก3x,xxx และลดลงมาห้าพันบาท เนื่องจากร้านอาหารของเราไม่ได้ขายดีอย่างที่คิดไว้ ในสัญญาไม่มีระบุราคาค่าเช่าไว้ด้วยเหตุผลบางประการ ไม่ระบุว่าเราหรือใครเป็นผู้รับผิดชอบความเสื่อมโทรมของบ้าน อีกทั้งพื้นที่หน้าตึกตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป ซึ่งเป็นจุดโฆษณาร้านที่ดีมาก เจ้าของตึกก็ให้ผู้เช่ารายอื่นเช่าติดป้ายโฆษณา อันนี้เราทราบตั้งแต่มาวันแรกแล้ว แต่ในสัญญาระบุชัดเจนว่าเรามีกรรมสิทธิ์กับตึวตึกทั้งหมดภายในสัญญาสามปี เราจึงถือว่าห้าพันบาทที่ลดไปเราได้สิทธิ์ตรงนี้มา
เรื่องปัญหาตึกสภาพแย่ลงเราคุยกับเจ้าของตึกแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาไม่แสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด เราเองไม่มีประสบการณ์ ตัวคนเดียวก็ไม่กล้าอะไรมาก ปล่อยๆไป อะไรแก้ไขเองได้ก็แก้ไขเองไปก่อน จนมาปีนี้ซึ่งมันไม่ไหวแล้วบวกกับข้างบ้านรุกหนัก เราเลยเอาบ้าง บอกเขาว่าช่วยซ่อมในส่วนที่เราเดือดร้อนด้วย เขาบอกได้ๆเดี๋ยวให้ช่างซ่อมไปด้วยเลย จนวันนี้ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้วยังไม่เห็นเงา
ปรึกษาพี่คนหนึ่งวันนี้ เขาบอกว่าให้เจ้าของบ้านซ่อมมันไม่ถูก ผู้เช่าต่างหากต้องรับผิดชอบ เขาบอกว่าก็เซ็นสัญญาไปแล้ว ก็รู้ว่าตึกไม่สมบูรณ์ยังจะเซ็น เราก็เฮ้ย!ไงงั้น เราบอกใช่ ก็รู้ว่าึตึกไม่สมบูรณ์แต่มันไม่ได้คงสภาพความไม่สมบูรณ์เล็กๆน้อยๆเหมือนที่เห็นในวันเซ็นสัญญา มันโทรมลง และโทรมลงมาก กระจกหล่นเกือบโดนหัวคน หลังคารั่ว น้ำซึมทั้งตัวตึก วันไหนฝนตกน้ำแทบจะท่วมบ้าน เจ้าของตึกก็เคยอยู่แต่เขาปิดบัง ฝ้าเปื่อยจากน้ำซึมจนจะหล่นอยู่แล้ว ห้องน้ำก็จอมปลวกดีๆนี่เอง มันเป็นความรับผิดชอบของเขาเต็มๆ พี่คนนั้นยกตัวอย่างว่าถ้าก้าวเท้าเข้ามาในบ้านภายในสามสิบนาทีแรกแล้วหลอดไฟขาดก็คงต้องให้เจ้าของบ้านซื้อมาเปลี่ยนงั้นสิ เราก็สวนไปว่ามันไม่เหมือนกัน แต่มันอธิบายไม่ถูกว่าต่างกันยังไง
เรามั่นใจแบบไม่ผลักภาระว่ามันเป็นหน้าที่ของเจ้าของตึก แต่พอมีคนท้วงก็เลยเขวเพราะไม่มีประสบการณ์
ความจริงแล้วเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ใครกันคะที่ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
*ครั้งที่ช่างมาซ่อมกรณีที่เจ้าของตึกถูกร้องเรียนเรื่องน้ำซึมไปข้างบ้าน เขาบอกให้เราบอกช่างว่าถอดเศษกระจกชั้นสี่ที่ยังเหลืออยู่ออกไปเลย เดี๋ยวร่วงลงมาเกิดใครได้รับบาดเจ็บ เราบอกช่าง ช่างบอกว่าถอดอ่ะถอดได้ แ่ต่เขาไม่มีกระจกใหม่มาเปลี่ยนให้นะ เพราะเจ้าของบ้านไม่ได้บอกเขาในกรณีนี้ เราเลยถามกลับว่า อ้าวแล้วอย่างนี้จะถอดทำไม ไม่มีใหม่มาเปลี่ยน ไหนจะแมวกระโดดเข้ามา ไหนจะโจร อะไรของเขา พอเราบอกเจ้าของตึกว่าช่างไม่มีกระจกใหม่มาใส่ให้นะ เจ้าของตึกตอบว่างั้นก็ยังไม่ต้องถอด รับผิดชอบดีไหม