ไม่ชอบเดาอนาคต ขุดอดีต มาคุยละกัน พูดถึงฟอร์มโดยรวม พยายามจะเขียนให้สั้นที่สุดนะจร๊ะ
Barcelona v Atlético
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแอธแลติโก มาดริด ที่ต้องมาเจอบาร์เซโลน่า ทีมร่วมลีกในฟุตบอลถ้วยนี้ บาซ่า มาเร่งเครื่องคว้าแชมป์รายการนี้เอาตอนยุคเมซซี่รุ่งเรือง - เป็ปเฟื่องฟู ในช่วง 10 หลัง เพิ่มไปอีก 3 สมัย ขณะที่ทางด้าน แอธแลติโก เคยไปไกลสุดแค่ รองแชมป์ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา ตอนปี 1973-74 นั่นเลย หมายความว่า ถ้าวัดเอาจากดีกรีอายุความขลังในรายการนี้ แอธมาดริด ก็กระดูกคนละเบอร์กับบาซ่าเลยทีเดียว แต่ ทุกวันนี้ แอธฯมาดริด มันเคี้ยวง่ายซะที่ไหน
ก็ดูอันดับบนตารางลาลีกาเอาเองก็แล้วกัน
แอธฯมาดริด ยุคนี้ มีกองหน้าระดับเพชรฆาตเบอร์ต้นๆของโลก กองกลางคมกริบดีกรีทีมชาติสเปน กองหลังชวนอุ่นใจ (แม้จะโหดไปบ้างก็ตามที) เรียกได้กว่า หลายคนกำลังอยู่ในช่วงพีคของตัวเองเลยทีเดียว ขณะที่บาซ่านั้น แม้จะยังมี เมสซี่ แอนด์ โค อยู่ครบ แต่ก็ดูเหมือนในบางตำแหน่งของทีม เริ่มมีอาการหลุดฟอร์มให้เห็นเป็นระยะ ในลาลีกา จากไอ้ที่ "ชนะแน่ๆ" บางนัดก็เริ่มหืดจับสะแล้ว อย่าว่างั้นงี้เลยนะ "ขาดเป็ป เหมือนขาดใจ" ไปพอสมควรสำหรับบาเซโลน่า
บอลที่ต้องพึ่งพาระบบ และแท็คติกเข้มข้นแบบนี้
ถ้า ตาต้า มองไม่ขาดอาจพลาดเจอ ซิเมโอเน่ เชือดเอาได้ง่ายๆ
ศึกแห่งบสเปนอันดุเดือด เริ่มนับถอยหลังแล้ววววว!!!
Real Madrid v Dortmund
แผลเก่ายังเห็นเป็นรอยแผลเป็นจางๆอยู่เลย ไม่คิดว่าจะโคจรมาเจอกันเร็วกว่าที่คาด ปีที่แล้ว ทหารเสือโรเบิร์ต ซัดชัยส่งมาดริดตกรอบไปอย่าง เจ็บปวด รวดร้าว สุดเศร้า แสนช้ำ เซืองซึม แบบที่มัน .. ลึกสุดใจ... นอกจากปีนั้นมาดริด จะพลาดถ้วยนี้ ยังอุตส่าห์ไปพลาดถ้วยนั้น (โคปา เดลเรย์) อีก พลาดถ้วยนั้น นี่ โน่น จนหมด ปีที่แล้ว เลยมีคำอธิบายสั้นๆสำหรับผลงานของรีล มาดริดว่า
"แชมป์ว่าว" สินะ สินะ ...
ลูกผู้ชายเป็นหนี้ 20 ปีก็ไม่สาย!
ในที่นี้หมายถึง ฟลอเรนติโน เปเรซ และ บอร์ดบริหารของรีล มาดริด การที่ชุดขาวอันอุดมไปด้วยสตาร์ระดับโลกนั้น ไม่มีรางวัลอะไรให้ไปโม้ให้ลูกหลานฟังได้เลยในปีนั้น มันเจ็บใจและอับอาย ยิ่งกว่าเอาขี้มาป้ายหน้า ว่าแล้วก็อัดมันเต็มที่ เอามา!!! เอาหน้าลิง ปีกพญาวานรมาให้ได้!!! จัดหนัก เด็กๆดาวรุ่งมาอีกฝูง!!! กองหน้าขายไป!!! กองกลางขายไป!!! กองหลังขายไป!!!! ขายให้หมด ระดมเงินมาซื้อของใหม่ เงินไม่พอไม่เป็นไร ผ่อนเอาเฟร้ยยยย!!!!
ย้ำอีกครั้ง ลูกผู้ชายเป็นหนี้ 20 ปีก็ไม่สาย!!!!
การผ่าทีมไปพอสมควร ทำให้ฤดูกาลนี้ของ รีลมาดริด ฟอร์มดีขึ้นผิดหูผิดตา รวมทั้งบรรยากาศการเล่นก็ไม่ได้กดดันและตึงเครียดแบบฤดูกาลก่อน ฟอร์มขณะนี้ค่อนข้างร้อนแรง และมีลุ้นแชมป์ทุกรายการ และมีนักเตะให้เลือกใช้ในหลายๆตำแหน่งอีกด้วย
ขณะที่ทางด้าน เสือเหลืองโบรุซเซียร์ ดอร์ทมุนด์ ปีนี้เหมือนเป็นปีแห่งมรสุม ปีที่แล้วพวกเขาคือม้ามืด พึ่งคว้าแชมป์ บุนเดสลิกาติดกัน 2 สมัย การที่ได้เข้ามาถึง รอบ 8 ทีม / 4 ทีม และสุดท้ายไปถึงรอบชิง กับสภาพทีมที่เต็มไปด้วยบรรดานักเตะ วัยคะนอง ทำให้ปีนั้น เป็นปีสุดพีคของดอร์ทมุนด์เลยทีเดียว แต่หลังจากพ่าย บาร์เยิร์น มิวนิคในนัดชิง ทุกอย่างก็เหมือนจะดิ่งลงเหวหมด
ปีนี้เขาเสีย เกิธเซ พร้อมกับยังมาเจอข่าว ว่าเลวานดอฟสกี้ก็จะไปอีกคน ต้นฤดูกาลเจอมหกรรม "เจ็บแหลก แหกจ้ะ" เมื่อกองหลังพากันทะยอยเจ็บเกือบหมดแผง จนทีมต้องไปเซนต์สัญญานักเตะไร้สังกัดมาช่วยทีมต้นฤดูกาล ฟอร์มในลีกที่ไม่สม่ำเสมอ บางนัดแพ้ยับ บางนัดยิงกระจุย และอันดับ 2 ในลีกตอนนี้ดูจะไม่มีความหมายอะไรนักเมื่อ มีแต้มห่างจากอันดับ 1 อย่างบาร์เยิร์นฯ เกือบ 20 แต้ม นั่นคือแทบจะถวายแชมป์ให้ไปเสือใน้แล้ว ปีนี้สภาพทีมโดยรวมถือว่าเป็น เสือลำบาก ไม่ได้ พลิ้ว หรือ ลื่นปรื้ดๆ เท่าไรนัก
แค่ปีเดียว อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปขนาดนี้
คู่นี้ต้องมาลุ้นกันต่อไป มาดริดฟูลทีม จะอกหักซ้ำจากดอร์ทมุนด์ทีมแห่งความรักหรือไม่
ลุ้นกันเองนะจ๊ะ!
Paris Saint Germain v Chelsea
ปารีสฯพึ่งกับมาเล่นถ้วยนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายปี ปีที่แล้วพวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝันตกรอบไปตอนเจอ บาเซโลน่าในรอบ 8 ทีม แพ้ด่วยสกอร์เกร๋ๆ ไปกลับ 3 ลูกเท่ากันแต่พ่ายกฏประตูทีมเยือนนะจ๊ะ จุ้บบบ และเมื่อปีนี้เชลซีจับมาเจอปารีสฯ คู่นี้อิฉันคงคิดไปคนเดียว แต่มองว่า เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทอง ใบหยก!
เศรษฐีลอนดอนเนอร์ เจอ เศรษฐีปารีเซียง วัดกันไปปอนด์ต่อปอนด์ไปเลยล้ะกัน..
เดี๋ยวจะเจอแฟนเชลซีด่าเอาได้ เพราะว่ากันจริงๆหากมาดูที่ขุมกำลังแล้ว แม้ทีมของท่านชีคดูเหมือนจะได้เปรียบกว่า แต่เสี่ยรัสเซียที่รวยอู้ฟู่พอกัน ปีนี้ก็ใช้ของเดิมๆ ประยุกต์กับผู้เล่นเกรดมาตรฐานจากหลายลีกทั่วโลก รวมทั้งการได้มา รียูเนี่ยนกับ กุนซือเจ้าแท็คติคอย่างมูริญโญ่ คราวนี้การสู้กันของ 2 ทีม เศรษฐี อาจไม่ได้วัดกันแค่ ชื่อชั้นนักเตะบนสนามแล้ว
โลลองก์ บลองก์ อาจจะไม่เขี้ยวเท่ามูริญโญ่ก็ได้ ต่อให้เขามี อิบรา/คาวา นี่ก็ตามที สำหรับมูริญโญ่ ต่อให้เขามีแค่ เอโต้ ตอร์เรส หรือแม้แต่บา ก็อาจจะถลุงประตูจาก ชิริกูได้เหมือนกัน!! ยังไม่ต้องพูดถึงไอ้พวกแถว 2 อีกนะ! ว่าเข้าไปนั่น!!
จะเก็บแต้มจาก เชลซีในยุคมูริญโญ่ มันไม่ง่ายนะเฟร้ย!!
ด้านปารีสฯ แม้ใครจะว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอก ที่หากใครได้เผลอใจไปดูบอลฝรั่งเศสอาจเกิดอาการยี้ กับสไตล์การเล่นสุดปั่นป่วน เป็นสไตล์ใครสไตล์มันทรงบอลไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ส่ากันไปแบยาวๆ จะมาสู้บอลระบบแบบสเปน และ แกร่งทั้งแผ่นดินอย่างบุนเดสได้อย่างไร ปารีสฯก็มีแค่ อิบรา/คาวานี่ ละม้าง งงง
นั่นน่ะถูกเป๊ะ เพราะจริงๆแค่มีอิบรากับคาวานี่ ปารีสฯก็น่าหวั่นพอแล้ว ปีที่แล้วพวกเขามาเล่นถ้วยนี้ด้วยภาวะเซงเป็ดเล็กๆ ตามประสาทีมหน้าเก่ารีเทิร์น ซลาตันเหมือนแบกทีมไว้ นักเตะแต่ละคน ยังตะกุก ตะกัก ไม่ค่อยรู้ใจกันเท่าไหร่
แต่ปีนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วไอ้น้อง!! บาร์เยิร์นแกร่งทั้งแผ่นดิน ปารีสฯก็ปรี๊ดได้ทุกแนวเหมือนกัน! ฟอร์มของปารีสฯในปีนี้จะเป็นแบบเดิม คือ ต่างคนต่างเล่น แต่ละคนมีสไตล์ตัวเอง ที่ต่างไปคือ พวกเขาเริ่มรู้จังหวะของแต่เพื่อร่วมทีมมากขึ้น ปารีสฯไม่ได้เล่นบอลต่อมากนัก และก็ไม่ได่เล่นโยนด้วย ริมเส้นยิ่งไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น ว่าง่ายๆ เป็นสไตล์ผสมรวม มิกซ์ ของแท้
"อ้าวเห้ย ใครอยู่ตรงนั้นล่ะนั่น! อ้าว กาบายเหรอวะ งั้นเอ็งยิงละกันนะ"
อารมณ์ ประมาณนี้ ฟุตบอลแบบ ศิลปินอินดี้ของแท้ เป็นสไตล์ #เมิงยิงละกัน จากที่ก่อนหน้านี้จะเป็นสไตล์ "คิดไม่ออกบอก อิบราฯ เดี๋ยวนี้ "ใครก็ได้จ้ะ ยิงไปเลยจ้ะ ..."
ก็อาจต้แงวัดกันด้วย กุนซือ ประมาณนึง นักเตะประมาณนึง ที่แน่ๆ
อย่าเผลอ พวกพี่เจออิบราฯ แน่
รู้จักคู่หู่ต่างวัย "ซลารัตตี้" ไหม ... เดี๋ยวรู้เลย! (ชื่อน่าขนลุกมาก = =')
ตยทีอิบรามีร้องอ่ะติดดู
Man. United v Bayern
เดี๋ยวมาเพิ่มแมนฯยู กับ บาร์เยิร์น และเนื้อหาบางส่วนให้ระคะ พอดีรีบอัพมาก ไม่ได้รีเชคบางส่วนด้วย ลืมเขียนหลายเรื่องเลย
แต่แบตจะหมดละ เดี๋ยวอัพต่อให้ที่บ้านนะจ๊ะ
UEFA CHAMPION LEAGUE 2013-2014 : QUARTER FINAL ... เต็ง 8 ออกแล้ว มาวิเคราะห์เต็ง 4 กัน
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแอธแลติโก มาดริด ที่ต้องมาเจอบาร์เซโลน่า ทีมร่วมลีกในฟุตบอลถ้วยนี้ บาซ่า มาเร่งเครื่องคว้าแชมป์รายการนี้เอาตอนยุคเมซซี่รุ่งเรือง - เป็ปเฟื่องฟู ในช่วง 10 หลัง เพิ่มไปอีก 3 สมัย ขณะที่ทางด้าน แอธแลติโก เคยไปไกลสุดแค่ รองแชมป์ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา ตอนปี 1973-74 นั่นเลย หมายความว่า ถ้าวัดเอาจากดีกรีอายุความขลังในรายการนี้ แอธมาดริด ก็กระดูกคนละเบอร์กับบาซ่าเลยทีเดียว แต่ ทุกวันนี้ แอธฯมาดริด มันเคี้ยวง่ายซะที่ไหน
ก็ดูอันดับบนตารางลาลีกาเอาเองก็แล้วกัน
แอธฯมาดริด ยุคนี้ มีกองหน้าระดับเพชรฆาตเบอร์ต้นๆของโลก กองกลางคมกริบดีกรีทีมชาติสเปน กองหลังชวนอุ่นใจ (แม้จะโหดไปบ้างก็ตามที) เรียกได้กว่า หลายคนกำลังอยู่ในช่วงพีคของตัวเองเลยทีเดียว ขณะที่บาซ่านั้น แม้จะยังมี เมสซี่ แอนด์ โค อยู่ครบ แต่ก็ดูเหมือนในบางตำแหน่งของทีม เริ่มมีอาการหลุดฟอร์มให้เห็นเป็นระยะ ในลาลีกา จากไอ้ที่ "ชนะแน่ๆ" บางนัดก็เริ่มหืดจับสะแล้ว อย่าว่างั้นงี้เลยนะ "ขาดเป็ป เหมือนขาดใจ" ไปพอสมควรสำหรับบาเซโลน่า
บอลที่ต้องพึ่งพาระบบ และแท็คติกเข้มข้นแบบนี้
ถ้า ตาต้า มองไม่ขาดอาจพลาดเจอ ซิเมโอเน่ เชือดเอาได้ง่ายๆ
ศึกแห่งบสเปนอันดุเดือด เริ่มนับถอยหลังแล้ววววว!!!
แผลเก่ายังเห็นเป็นรอยแผลเป็นจางๆอยู่เลย ไม่คิดว่าจะโคจรมาเจอกันเร็วกว่าที่คาด ปีที่แล้ว ทหารเสือโรเบิร์ต ซัดชัยส่งมาดริดตกรอบไปอย่าง เจ็บปวด รวดร้าว สุดเศร้า แสนช้ำ เซืองซึม แบบที่มัน .. ลึกสุดใจ... นอกจากปีนั้นมาดริด จะพลาดถ้วยนี้ ยังอุตส่าห์ไปพลาดถ้วยนั้น (โคปา เดลเรย์) อีก พลาดถ้วยนั้น นี่ โน่น จนหมด ปีที่แล้ว เลยมีคำอธิบายสั้นๆสำหรับผลงานของรีล มาดริดว่า
"แชมป์ว่าว" สินะ สินะ ...
ลูกผู้ชายเป็นหนี้ 20 ปีก็ไม่สาย!
ในที่นี้หมายถึง ฟลอเรนติโน เปเรซ และ บอร์ดบริหารของรีล มาดริด การที่ชุดขาวอันอุดมไปด้วยสตาร์ระดับโลกนั้น ไม่มีรางวัลอะไรให้ไปโม้ให้ลูกหลานฟังได้เลยในปีนั้น มันเจ็บใจและอับอาย ยิ่งกว่าเอาขี้มาป้ายหน้า ว่าแล้วก็อัดมันเต็มที่ เอามา!!! เอาหน้าลิง ปีกพญาวานรมาให้ได้!!! จัดหนัก เด็กๆดาวรุ่งมาอีกฝูง!!! กองหน้าขายไป!!! กองกลางขายไป!!! กองหลังขายไป!!!! ขายให้หมด ระดมเงินมาซื้อของใหม่ เงินไม่พอไม่เป็นไร ผ่อนเอาเฟร้ยยยย!!!!
ย้ำอีกครั้ง ลูกผู้ชายเป็นหนี้ 20 ปีก็ไม่สาย!!!!
การผ่าทีมไปพอสมควร ทำให้ฤดูกาลนี้ของ รีลมาดริด ฟอร์มดีขึ้นผิดหูผิดตา รวมทั้งบรรยากาศการเล่นก็ไม่ได้กดดันและตึงเครียดแบบฤดูกาลก่อน ฟอร์มขณะนี้ค่อนข้างร้อนแรง และมีลุ้นแชมป์ทุกรายการ และมีนักเตะให้เลือกใช้ในหลายๆตำแหน่งอีกด้วย
ขณะที่ทางด้าน เสือเหลืองโบรุซเซียร์ ดอร์ทมุนด์ ปีนี้เหมือนเป็นปีแห่งมรสุม ปีที่แล้วพวกเขาคือม้ามืด พึ่งคว้าแชมป์ บุนเดสลิกาติดกัน 2 สมัย การที่ได้เข้ามาถึง รอบ 8 ทีม / 4 ทีม และสุดท้ายไปถึงรอบชิง กับสภาพทีมที่เต็มไปด้วยบรรดานักเตะ วัยคะนอง ทำให้ปีนั้น เป็นปีสุดพีคของดอร์ทมุนด์เลยทีเดียว แต่หลังจากพ่าย บาร์เยิร์น มิวนิคในนัดชิง ทุกอย่างก็เหมือนจะดิ่งลงเหวหมด
ปีนี้เขาเสีย เกิธเซ พร้อมกับยังมาเจอข่าว ว่าเลวานดอฟสกี้ก็จะไปอีกคน ต้นฤดูกาลเจอมหกรรม "เจ็บแหลก แหกจ้ะ" เมื่อกองหลังพากันทะยอยเจ็บเกือบหมดแผง จนทีมต้องไปเซนต์สัญญานักเตะไร้สังกัดมาช่วยทีมต้นฤดูกาล ฟอร์มในลีกที่ไม่สม่ำเสมอ บางนัดแพ้ยับ บางนัดยิงกระจุย และอันดับ 2 ในลีกตอนนี้ดูจะไม่มีความหมายอะไรนักเมื่อ มีแต้มห่างจากอันดับ 1 อย่างบาร์เยิร์นฯ เกือบ 20 แต้ม นั่นคือแทบจะถวายแชมป์ให้ไปเสือใน้แล้ว ปีนี้สภาพทีมโดยรวมถือว่าเป็น เสือลำบาก ไม่ได้ พลิ้ว หรือ ลื่นปรื้ดๆ เท่าไรนัก
แค่ปีเดียว อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปขนาดนี้
คู่นี้ต้องมาลุ้นกันต่อไป มาดริดฟูลทีม จะอกหักซ้ำจากดอร์ทมุนด์ทีมแห่งความรักหรือไม่
ลุ้นกันเองนะจ๊ะ!
ปารีสฯพึ่งกับมาเล่นถ้วยนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายปี ปีที่แล้วพวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝันตกรอบไปตอนเจอ บาเซโลน่าในรอบ 8 ทีม แพ้ด่วยสกอร์เกร๋ๆ ไปกลับ 3 ลูกเท่ากันแต่พ่ายกฏประตูทีมเยือนนะจ๊ะ จุ้บบบ และเมื่อปีนี้เชลซีจับมาเจอปารีสฯ คู่นี้อิฉันคงคิดไปคนเดียว แต่มองว่า เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทอง ใบหยก!
เศรษฐีลอนดอนเนอร์ เจอ เศรษฐีปารีเซียง วัดกันไปปอนด์ต่อปอนด์ไปเลยล้ะกัน..
เดี๋ยวจะเจอแฟนเชลซีด่าเอาได้ เพราะว่ากันจริงๆหากมาดูที่ขุมกำลังแล้ว แม้ทีมของท่านชีคดูเหมือนจะได้เปรียบกว่า แต่เสี่ยรัสเซียที่รวยอู้ฟู่พอกัน ปีนี้ก็ใช้ของเดิมๆ ประยุกต์กับผู้เล่นเกรดมาตรฐานจากหลายลีกทั่วโลก รวมทั้งการได้มา รียูเนี่ยนกับ กุนซือเจ้าแท็คติคอย่างมูริญโญ่ คราวนี้การสู้กันของ 2 ทีม เศรษฐี อาจไม่ได้วัดกันแค่ ชื่อชั้นนักเตะบนสนามแล้ว
โลลองก์ บลองก์ อาจจะไม่เขี้ยวเท่ามูริญโญ่ก็ได้ ต่อให้เขามี อิบรา/คาวา นี่ก็ตามที สำหรับมูริญโญ่ ต่อให้เขามีแค่ เอโต้ ตอร์เรส หรือแม้แต่บา ก็อาจจะถลุงประตูจาก ชิริกูได้เหมือนกัน!! ยังไม่ต้องพูดถึงไอ้พวกแถว 2 อีกนะ! ว่าเข้าไปนั่น!!
จะเก็บแต้มจาก เชลซีในยุคมูริญโญ่ มันไม่ง่ายนะเฟร้ย!!
ด้านปารีสฯ แม้ใครจะว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอก ที่หากใครได้เผลอใจไปดูบอลฝรั่งเศสอาจเกิดอาการยี้ กับสไตล์การเล่นสุดปั่นป่วน เป็นสไตล์ใครสไตล์มันทรงบอลไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ส่ากันไปแบยาวๆ จะมาสู้บอลระบบแบบสเปน และ แกร่งทั้งแผ่นดินอย่างบุนเดสได้อย่างไร ปารีสฯก็มีแค่ อิบรา/คาวานี่ ละม้าง งงง
นั่นน่ะถูกเป๊ะ เพราะจริงๆแค่มีอิบรากับคาวานี่ ปารีสฯก็น่าหวั่นพอแล้ว ปีที่แล้วพวกเขามาเล่นถ้วยนี้ด้วยภาวะเซงเป็ดเล็กๆ ตามประสาทีมหน้าเก่ารีเทิร์น ซลาตันเหมือนแบกทีมไว้ นักเตะแต่ละคน ยังตะกุก ตะกัก ไม่ค่อยรู้ใจกันเท่าไหร่
แต่ปีนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วไอ้น้อง!! บาร์เยิร์นแกร่งทั้งแผ่นดิน ปารีสฯก็ปรี๊ดได้ทุกแนวเหมือนกัน! ฟอร์มของปารีสฯในปีนี้จะเป็นแบบเดิม คือ ต่างคนต่างเล่น แต่ละคนมีสไตล์ตัวเอง ที่ต่างไปคือ พวกเขาเริ่มรู้จังหวะของแต่เพื่อร่วมทีมมากขึ้น ปารีสฯไม่ได้เล่นบอลต่อมากนัก และก็ไม่ได่เล่นโยนด้วย ริมเส้นยิ่งไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น ว่าง่ายๆ เป็นสไตล์ผสมรวม มิกซ์ ของแท้
"อ้าวเห้ย ใครอยู่ตรงนั้นล่ะนั่น! อ้าว กาบายเหรอวะ งั้นเอ็งยิงละกันนะ"
อารมณ์ ประมาณนี้ ฟุตบอลแบบ ศิลปินอินดี้ของแท้ เป็นสไตล์ #เมิงยิงละกัน จากที่ก่อนหน้านี้จะเป็นสไตล์ "คิดไม่ออกบอก อิบราฯ เดี๋ยวนี้ "ใครก็ได้จ้ะ ยิงไปเลยจ้ะ ..."
ก็อาจต้แงวัดกันด้วย กุนซือ ประมาณนึง นักเตะประมาณนึง ที่แน่ๆ
อย่าเผลอ พวกพี่เจออิบราฯ แน่
รู้จักคู่หู่ต่างวัย "ซลารัตตี้" ไหม ... เดี๋ยวรู้เลย! (ชื่อน่าขนลุกมาก = =')
ตยทีอิบรามีร้องอ่ะติดดู
Man. United v Bayern
เดี๋ยวมาเพิ่มแมนฯยู กับ บาร์เยิร์น และเนื้อหาบางส่วนให้ระคะ พอดีรีบอัพมาก ไม่ได้รีเชคบางส่วนด้วย ลืมเขียนหลายเรื่องเลย
แต่แบตจะหมดละ เดี๋ยวอัพต่อให้ที่บ้านนะจ๊ะ