สวัสดีวันศุกร์ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ยิ่งคนที่ชมรูปแล้วยิ่งลอยเลย อิอิ...เป็นปลื้มอ่ะค่ะ
ยอมรับค่ะว่าโลภเที่ยวจริงๆ ไม่รู้คิดยังไงตอนนั้น...อาจเป็นเพราะเวลาในชีวิตที่น้อยนิด ทำให้พอมีโอกาสก็รีบคว้าเอาไว้อย่างตะกละตะกราม เลยได้เมือง นาริตะ-มัทสึโมโตะ-ชิราคาวาโกะ-คานาซาว่า-ฟุคุโอกะ-เบบปุ-ยุฟอิน-คุมาโมโตะ-ทาคายาม่า-คาวากูชิโกะ-อาซาคุสะ-อาซาชิคาว่า-ฟุราโนะ-ฮาโกดาเตะ-ซัปโปโร-โอตารุ-อุเอโนะ อย่างที่เห็นอ่ะค่ะ...555
ใครอยากเริ่มตั้งต้นการเดินทางกัน ไปที่
http://ppantip.com/topic/31803274
ตอนที่ 1 มัทสึโมโตะ
http://ppantip.com/topic/31812434
ตอนที่ 2 ชิราคาว่า-คานาซาว่า
http://ppantip.com/topic/31807590
ออกจากคานาซาว่ามุ่งหน้าสู่สถานีฮากาตะ เมืองฟุคุโอกะ ภาคใต้สุดของญี่ปุ่นค่ะ เป็นอีกส่วนที่น่าเที่ยวนะคะ ยิ่งล่าสุดเพิ่งมีบินตรงจาก สุวรรณภูมิ-ฟุคุโอกะ ยิ่งสะดวกมากขึ้นค่ะ ส่วนใครที่จะมาด้วยชินคันเซ็น ใน hyperdia ต้องหาด้วยคำว่า Hakata นะคะ เพราะถ้าใส่ fukuoka มันจะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ
ที่นี่เป็นจุดมุ่งหมายที่สามที่ต้องการมาญี่ปุ่นทริปนี้ค่ะ คือ...มาเยี่ยนเพื่อนนั่นเอง
เล่าเรื่อยเปื่อย คือเพื่อนคนนี้นี่เองที่ทำให้ initiate ทริปนี้ขึ้นมา เพื่อนมาแลกเปลี่ยนคอร์ส MBA 5 เดือนที่ฟุคุโอกะค่ะ ชีก็ชวนเล่นๆ ให้ตามไปเที่ยวเราดันถือเอาจริงจังซะงั้น แถมเวลาที่ชีว่างก็ทำให้ชีวิตการเดินทางต้องล่องลงมาใต้สุด ก่อนจะวกกลับไปเหนือสุดอย่างที่ทุกคนไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเพราะ "เหนื่อยโฮก" ค่ะ
เราใช้เวลาสามวันสามคืนที่นี่ค่ะ โดยพักที่ฟุคุ แล้วตระเวณเที่ยวเอา ได้พักหายใจจากการขนกระเป๋า และได้ซักเสื้อผ้ารอบแรกค่ะ ข้อคิดจากการซักและปั่นแห้ง เอาเสื้อที่ไม่ต้องรีดมากมานะคะ ไม่อย่างนั้นคงยับน่าดู
ติดต่อเพื่อนคนนี้ก็ทางไลน์ค่ะ เพิ่งได้รู้เหมือนกันว่าเพื่อนมาอยู่ห้าเดือนชีก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลยค่ะ แต่ใช้ pocket wifi เอา เรียกว่าสัญญาณเค้าดีจริง อ่อ...วันนี้เอาลิงก์ที่ซื้อซิมมาฝากด้วยค่ะ
http://www.bmobile.ne.jp/english/product.html
เอาเป็นว่าคืนนั้นเจอเพื่อนอย่างปลอดภัย นอนฟรีสบายๆ แล้ววันนี้เราก็ไปเที่ยวเปปปุกันค่ะ
start กันที่สถานีฮากาตะค่ะ เพื่อนพามากิน "ครัวซองขั้นเทพ" ไอเท็มที่ต้องมาเก็บ ส่วนตัวเฉยๆ กับครัวซองค่ะ เพราะมันจืด แต่ต้องบอกว่าอันนี้ "เทพ" มากจริงๆ ค่ะ อร่อยยยยยสุดๆ
เพื่อนบอกว่าปกติต้องต่อคิวกันยาวเหยียด โชคดีที่มาเลยเวลาเร่งด่วนไปแล้ว เลยจัดกันไปค่ะ อิ่มอร่อยยามเช้า นั่งชินคันเซ็นต่อเดียวไปที่ Beppu ค่ะ
สถานีเบ็บปุเป็นสถานีเล็กๆ ค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าบ้านนอกนั่นเอง วิธีเดินทางโดยรถบัสค่ะ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อน 8 แบบ ให้ไปชมกัน
มาถึงแล้วก็แวะหยิบตารางรถบัสที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันสักหน่อยนะคะ จะได้สะดวกมากขึ้น
เพราะฉะนั้นก็เดินออกมาทาง west exit ค่ะ ไปต่อคิวรอที่ป้ายรถเมล์ เบอร์ที่ขึ้นคือ 5 หรือ 41 ก็ได้ค่ะ
จุดมุ่งหมายแรกของเราคือป้าย Umijigoku mae กระจุกนี้จะมีอยู่ 5 บ่อให้เดินชมได้ นั่งมาแค่ 18 นาทีค่ะ จ้องนาฬิกาไว้ให้ดีๆ นะคะ เป็นตัวตัดสินกันเลยทีเดียว ทำไมน่ะเหรอ...
"แกๆ อันนี้มีควันพุ่งด้วย ใช่ป่าวหว่า" ถามเมื่อนั่งมาสักพัก
"อันก่อนก็มี ไม่ใช่หรอก เห็นไปทางไหนก็มีควันหมดนี่หว่าเมืองนี้" จริงของมัน เงียบกันไปพัก
"แก...นั่นไง ป้ายออนเซ็น ที่มันชอบขึ้นเวลาเซ็นเซอร์อะไรโป๊ๆ อ่ะ ในพันทิพเขาบอกให้ลงอันนี้ล่ะ" เงี่ยหูฟังชื่อป้ายก็ฟังไม่ออกแฮะ
"เหรอแก งั้นลงมั๊ย"
"แต่เอ...ไม่เห็นมีใครลงเลยอ่ะ มีแต่ป้าๆ"
"นั่นสิ มันเป็นโรงแรมรึเปล่า ที่เที่ยวมันต้องคนลงเยอะๆ มะ งั้นอย่าเพิ่งลงเลย"
....
...
"แก...จาชั่วโมงแล้วอ่ะ"
"นั่นสิ" เหงื่อโง่ไหลซึม แม้จะมีเพื่อนร่วมทางก็ตาม "อ้าว! นี่ไงๆ ลงกันหมดเลย"
"แล้วที่แห่งนี้มันคือที่ใดกัน...."
"
"
ปรากฎว่าที่ลงๆ กันนั้นคือนักศึกษามหาลัยแปซิฟิคค่ะ หนึ่งในมหาลัยนานาชาติที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ฮ่ะๆๆ ก็ถือว่าได้มาเปิดหูเปิดตากัน ยิ่งใหญ่อลังการมาก อารมณ์ประมาณศาลายา แต่....อยู่บนเขาค่ะ!!! ขึ้นลงทางเดียว เท่ห์ฝุดๆ
กลับมาสู่เส้นทางของเรา ลงที่ป้ายอุมิจิโกคุอีกครั้ง ซื้อตั๋วแบบรวมแปดบ่อราคาสองพันเยน (แยกบ่อบ่อละหกร้อยมั้งคะ จำไม่ได้ ปกติก็ไม่มีใครเที่ยวครบกันเท่าไร) เข้าบ่อแรกกันเลย
Oniishibozu-Jigoku หรือ "บ่อโคลน" (definition by me)
ข้างๆ มีให้นั่งแช่เท้าได้ค่ะ มีส้มขัดเท้าด้วย 555 แต่ข้าพเจ้าใส่ลองจอนแบบหุ้มเท้ามาค่ะ อดของฟรีเลย
เดินวนไปวนมา ก็จะไปเจอบ่อต่อไป
Yama-Jigoku หรือ "บ่อสวนสัตว์" เพราะเขามีสัตว์เลี้ยงให้ดูเต็มไปหมด ส่วนบ่อมีอยู่เท่าเนี่ย
ข้างในเป็นสัตว์หลายๆ แบบค่ะ ญี่ปุ่นเขาก็พยายามหาจุดขายอ่ะนะ
เลยเดินต่อไปยังบ่อต่อไป Oniyama-Jigoku "บ่อจรเข้" ค่ะ ไม่มีรูปสวยๆ มาอวด เอาเป็นว่าไปเที่ยวฟาร์มจรเข้บ้านเราเวิร์กกว่าเยอะค่ะ ข้ามไปไฮไลท์เลยดีกว่า
Umi-Jigoku "บ่อน้ำร้อนศาลาแดง"
ให้ชื่อนี้เพราะข้างๆ จะมีศาลเจ้าสีแดงตัดกับน้ำสีฟ้าแบบฟินสุดๆ ค่ะ
ข้างหน้ามีสระบัวให้ดูด้วย
เดินต่อไปบ่อสุดท้ายของกลุ่มป้ายรถเมล์นี้ค่ะ
Kamado-Jigoku "บ่อยักษ์แดง"
เขาก็พยายามโชว์ว่าดอกไม้บานแม้ในหน้าหนาวที่บ่อนำ้พุร้อน
เจ้าตัวนี้เองที่เป็นสัญลักษณ์
ความจริงเราเดินต่อมาจนถึงป้าย Kannawa ซึ่งสามารถขึ้นรถบัสกลับสถานีรถไฟได้ค่ะ หรือไม่อย่างนั้นก็นั่งรถต่อไปลง Chinoike Jigoku-mae ดูอีกสองบ่อ แต่ไม่ไหวอีกแล้วค่ะ หิวมาก...จัดอุด้งร้อนๆ กันไปคนละชาม แล้วขอกลับแล้วค่ะ
เราเลยมารอขึ้นรถไฟขบวนพิเศษค่ะ มีเฉพาะเส้นทางนี้เท่านั้น Yufuin no mori
ข้างในคล้ายๆ อะโสะบอยค่ะ(จะโผล่มาในตอนหน้า) ขอข้ามไปก่อนแล้วกัน ชักจะเยอะ
มากันจนถึง Yufuin ขอขนานนามว่า "เมืองปายของญี่ปุ่น" ค่ะ เพราะเป็นเมืองเล็กที่มีของทำมือขายไปตลอดทาง
โบราณและงดงาม ขอจัดคำนี้ ออกจากสถานีรถไฟก็เดินตรงไปเลยจนสุดค่ะ เสียดายไม่มีเวลาเช่าจักรยานปั่นไปจนถึงทะเลสาป แนะนำให้จัดเวลาให้เมืองนี้หนึ่งวันเต็มดีกว่านะคะ
ของน่ารักๆ ก็เยอะค่ะ ของกินก็อร่อย (สังเกตว่ามักจะไม่ค่อยมีรูปของกิน เพราะห้ามใจให้ถ่ายรูปก่อนไม่ไหวสักที 555) แต่มีอันนี้ค่ะ ที่ยกให้ฟินหนึ่งในห้าของทริปนิ "บี-โรล"
ของขึ้นชื่อของเมืองนี้ค่ะ ไปเอาก็คิดว่าเป็นของที่เอาไปฝากกันน่าจะธรรมดาๆ เน้นแพ็คเกจเหมือนเดิม ปรากฎ....
นุ่มสุดๆ ค่ะ แทบจะละลายในปาก ครีมก็หวานกำลังดี ฟิน!!!!! ยกให้เลย (ตอนไปซื้อนี่อันเล็กหมดแล้วขอบอก ของเขาดีจริง) แต่ต้องระวังซื้อผิดร้านนะคะ เพราะขายโรลกันทั้งเมือง ของแท้ต้องอันนี้ค่ะ
บอกลาเมืองนี้อย่างเสียดายค่ะ เข้าใจว่าจะนอนเมืองนี้ได้ต้องมีทรัพย์พอควร ทั้งที่นอนที่น้อย ทั้งการเดินทาง ใครมีกำลังก็ฝากฟินด้วยนะคะ
กลับฟุคุไปกิน "อิจิซัน" ราเม็งค่ะ ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไง ตามไปพรุ่งนี้ค่ะพร้อมกับเที่ยว...คุมาโมโตะ-อะโสะ
[CR] @@ ลุยเดี่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ไปให้ไกลต้องเอาให้คุ้ม (15 days 14 nights) @@ ตอนที่ 3 ... Beppu - YuFuin
ยอมรับค่ะว่าโลภเที่ยวจริงๆ ไม่รู้คิดยังไงตอนนั้น...อาจเป็นเพราะเวลาในชีวิตที่น้อยนิด ทำให้พอมีโอกาสก็รีบคว้าเอาไว้อย่างตะกละตะกราม เลยได้เมือง นาริตะ-มัทสึโมโตะ-ชิราคาวาโกะ-คานาซาว่า-ฟุคุโอกะ-เบบปุ-ยุฟอิน-คุมาโมโตะ-ทาคายาม่า-คาวากูชิโกะ-อาซาคุสะ-อาซาชิคาว่า-ฟุราโนะ-ฮาโกดาเตะ-ซัปโปโร-โอตารุ-อุเอโนะ อย่างที่เห็นอ่ะค่ะ...555
ใครอยากเริ่มตั้งต้นการเดินทางกัน ไปที่ http://ppantip.com/topic/31803274
ตอนที่ 1 มัทสึโมโตะ http://ppantip.com/topic/31812434
ตอนที่ 2 ชิราคาว่า-คานาซาว่า http://ppantip.com/topic/31807590
ออกจากคานาซาว่ามุ่งหน้าสู่สถานีฮากาตะ เมืองฟุคุโอกะ ภาคใต้สุดของญี่ปุ่นค่ะ เป็นอีกส่วนที่น่าเที่ยวนะคะ ยิ่งล่าสุดเพิ่งมีบินตรงจาก สุวรรณภูมิ-ฟุคุโอกะ ยิ่งสะดวกมากขึ้นค่ะ ส่วนใครที่จะมาด้วยชินคันเซ็น ใน hyperdia ต้องหาด้วยคำว่า Hakata นะคะ เพราะถ้าใส่ fukuoka มันจะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ
ที่นี่เป็นจุดมุ่งหมายที่สามที่ต้องการมาญี่ปุ่นทริปนี้ค่ะ คือ...มาเยี่ยนเพื่อนนั่นเอง
เล่าเรื่อยเปื่อย คือเพื่อนคนนี้นี่เองที่ทำให้ initiate ทริปนี้ขึ้นมา เพื่อนมาแลกเปลี่ยนคอร์ส MBA 5 เดือนที่ฟุคุโอกะค่ะ ชีก็ชวนเล่นๆ ให้ตามไปเที่ยวเราดันถือเอาจริงจังซะงั้น แถมเวลาที่ชีว่างก็ทำให้ชีวิตการเดินทางต้องล่องลงมาใต้สุด ก่อนจะวกกลับไปเหนือสุดอย่างที่ทุกคนไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเพราะ "เหนื่อยโฮก" ค่ะ
เราใช้เวลาสามวันสามคืนที่นี่ค่ะ โดยพักที่ฟุคุ แล้วตระเวณเที่ยวเอา ได้พักหายใจจากการขนกระเป๋า และได้ซักเสื้อผ้ารอบแรกค่ะ ข้อคิดจากการซักและปั่นแห้ง เอาเสื้อที่ไม่ต้องรีดมากมานะคะ ไม่อย่างนั้นคงยับน่าดู
ติดต่อเพื่อนคนนี้ก็ทางไลน์ค่ะ เพิ่งได้รู้เหมือนกันว่าเพื่อนมาอยู่ห้าเดือนชีก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลยค่ะ แต่ใช้ pocket wifi เอา เรียกว่าสัญญาณเค้าดีจริง อ่อ...วันนี้เอาลิงก์ที่ซื้อซิมมาฝากด้วยค่ะ http://www.bmobile.ne.jp/english/product.html
เอาเป็นว่าคืนนั้นเจอเพื่อนอย่างปลอดภัย นอนฟรีสบายๆ แล้ววันนี้เราก็ไปเที่ยวเปปปุกันค่ะ
start กันที่สถานีฮากาตะค่ะ เพื่อนพามากิน "ครัวซองขั้นเทพ" ไอเท็มที่ต้องมาเก็บ ส่วนตัวเฉยๆ กับครัวซองค่ะ เพราะมันจืด แต่ต้องบอกว่าอันนี้ "เทพ" มากจริงๆ ค่ะ อร่อยยยยยสุดๆ
เพื่อนบอกว่าปกติต้องต่อคิวกันยาวเหยียด โชคดีที่มาเลยเวลาเร่งด่วนไปแล้ว เลยจัดกันไปค่ะ อิ่มอร่อยยามเช้า นั่งชินคันเซ็นต่อเดียวไปที่ Beppu ค่ะ
สถานีเบ็บปุเป็นสถานีเล็กๆ ค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าบ้านนอกนั่นเอง วิธีเดินทางโดยรถบัสค่ะ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อน 8 แบบ ให้ไปชมกัน
มาถึงแล้วก็แวะหยิบตารางรถบัสที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันสักหน่อยนะคะ จะได้สะดวกมากขึ้น
เพราะฉะนั้นก็เดินออกมาทาง west exit ค่ะ ไปต่อคิวรอที่ป้ายรถเมล์ เบอร์ที่ขึ้นคือ 5 หรือ 41 ก็ได้ค่ะ
จุดมุ่งหมายแรกของเราคือป้าย Umijigoku mae กระจุกนี้จะมีอยู่ 5 บ่อให้เดินชมได้ นั่งมาแค่ 18 นาทีค่ะ จ้องนาฬิกาไว้ให้ดีๆ นะคะ เป็นตัวตัดสินกันเลยทีเดียว ทำไมน่ะเหรอ...
"แกๆ อันนี้มีควันพุ่งด้วย ใช่ป่าวหว่า" ถามเมื่อนั่งมาสักพัก
"อันก่อนก็มี ไม่ใช่หรอก เห็นไปทางไหนก็มีควันหมดนี่หว่าเมืองนี้" จริงของมัน เงียบกันไปพัก
"แก...นั่นไง ป้ายออนเซ็น ที่มันชอบขึ้นเวลาเซ็นเซอร์อะไรโป๊ๆ อ่ะ ในพันทิพเขาบอกให้ลงอันนี้ล่ะ" เงี่ยหูฟังชื่อป้ายก็ฟังไม่ออกแฮะ
"เหรอแก งั้นลงมั๊ย"
"แต่เอ...ไม่เห็นมีใครลงเลยอ่ะ มีแต่ป้าๆ"
"นั่นสิ มันเป็นโรงแรมรึเปล่า ที่เที่ยวมันต้องคนลงเยอะๆ มะ งั้นอย่าเพิ่งลงเลย"
....
...
"แก...จาชั่วโมงแล้วอ่ะ"
"นั่นสิ" เหงื่อโง่ไหลซึม แม้จะมีเพื่อนร่วมทางก็ตาม "อ้าว! นี่ไงๆ ลงกันหมดเลย"
"แล้วที่แห่งนี้มันคือที่ใดกัน...."
""
ปรากฎว่าที่ลงๆ กันนั้นคือนักศึกษามหาลัยแปซิฟิคค่ะ หนึ่งในมหาลัยนานาชาติที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ฮ่ะๆๆ ก็ถือว่าได้มาเปิดหูเปิดตากัน ยิ่งใหญ่อลังการมาก อารมณ์ประมาณศาลายา แต่....อยู่บนเขาค่ะ!!! ขึ้นลงทางเดียว เท่ห์ฝุดๆ
กลับมาสู่เส้นทางของเรา ลงที่ป้ายอุมิจิโกคุอีกครั้ง ซื้อตั๋วแบบรวมแปดบ่อราคาสองพันเยน (แยกบ่อบ่อละหกร้อยมั้งคะ จำไม่ได้ ปกติก็ไม่มีใครเที่ยวครบกันเท่าไร) เข้าบ่อแรกกันเลย
Oniishibozu-Jigoku หรือ "บ่อโคลน" (definition by me)
ข้างๆ มีให้นั่งแช่เท้าได้ค่ะ มีส้มขัดเท้าด้วย 555 แต่ข้าพเจ้าใส่ลองจอนแบบหุ้มเท้ามาค่ะ อดของฟรีเลย
เดินวนไปวนมา ก็จะไปเจอบ่อต่อไป
Yama-Jigoku หรือ "บ่อสวนสัตว์" เพราะเขามีสัตว์เลี้ยงให้ดูเต็มไปหมด ส่วนบ่อมีอยู่เท่าเนี่ย
ข้างในเป็นสัตว์หลายๆ แบบค่ะ ญี่ปุ่นเขาก็พยายามหาจุดขายอ่ะนะ
เลยเดินต่อไปยังบ่อต่อไป Oniyama-Jigoku "บ่อจรเข้" ค่ะ ไม่มีรูปสวยๆ มาอวด เอาเป็นว่าไปเที่ยวฟาร์มจรเข้บ้านเราเวิร์กกว่าเยอะค่ะ ข้ามไปไฮไลท์เลยดีกว่า
Umi-Jigoku "บ่อน้ำร้อนศาลาแดง"
ให้ชื่อนี้เพราะข้างๆ จะมีศาลเจ้าสีแดงตัดกับน้ำสีฟ้าแบบฟินสุดๆ ค่ะ
ข้างหน้ามีสระบัวให้ดูด้วย
เดินต่อไปบ่อสุดท้ายของกลุ่มป้ายรถเมล์นี้ค่ะ
Kamado-Jigoku "บ่อยักษ์แดง"
เขาก็พยายามโชว์ว่าดอกไม้บานแม้ในหน้าหนาวที่บ่อนำ้พุร้อน
เจ้าตัวนี้เองที่เป็นสัญลักษณ์
ความจริงเราเดินต่อมาจนถึงป้าย Kannawa ซึ่งสามารถขึ้นรถบัสกลับสถานีรถไฟได้ค่ะ หรือไม่อย่างนั้นก็นั่งรถต่อไปลง Chinoike Jigoku-mae ดูอีกสองบ่อ แต่ไม่ไหวอีกแล้วค่ะ หิวมาก...จัดอุด้งร้อนๆ กันไปคนละชาม แล้วขอกลับแล้วค่ะ
เราเลยมารอขึ้นรถไฟขบวนพิเศษค่ะ มีเฉพาะเส้นทางนี้เท่านั้น Yufuin no mori
ข้างในคล้ายๆ อะโสะบอยค่ะ(จะโผล่มาในตอนหน้า) ขอข้ามไปก่อนแล้วกัน ชักจะเยอะ
มากันจนถึง Yufuin ขอขนานนามว่า "เมืองปายของญี่ปุ่น" ค่ะ เพราะเป็นเมืองเล็กที่มีของทำมือขายไปตลอดทาง
โบราณและงดงาม ขอจัดคำนี้ ออกจากสถานีรถไฟก็เดินตรงไปเลยจนสุดค่ะ เสียดายไม่มีเวลาเช่าจักรยานปั่นไปจนถึงทะเลสาป แนะนำให้จัดเวลาให้เมืองนี้หนึ่งวันเต็มดีกว่านะคะ
ของน่ารักๆ ก็เยอะค่ะ ของกินก็อร่อย (สังเกตว่ามักจะไม่ค่อยมีรูปของกิน เพราะห้ามใจให้ถ่ายรูปก่อนไม่ไหวสักที 555) แต่มีอันนี้ค่ะ ที่ยกให้ฟินหนึ่งในห้าของทริปนิ "บี-โรล"
ของขึ้นชื่อของเมืองนี้ค่ะ ไปเอาก็คิดว่าเป็นของที่เอาไปฝากกันน่าจะธรรมดาๆ เน้นแพ็คเกจเหมือนเดิม ปรากฎ....
นุ่มสุดๆ ค่ะ แทบจะละลายในปาก ครีมก็หวานกำลังดี ฟิน!!!!! ยกให้เลย (ตอนไปซื้อนี่อันเล็กหมดแล้วขอบอก ของเขาดีจริง) แต่ต้องระวังซื้อผิดร้านนะคะ เพราะขายโรลกันทั้งเมือง ของแท้ต้องอันนี้ค่ะ
บอกลาเมืองนี้อย่างเสียดายค่ะ เข้าใจว่าจะนอนเมืองนี้ได้ต้องมีทรัพย์พอควร ทั้งที่นอนที่น้อย ทั้งการเดินทาง ใครมีกำลังก็ฝากฟินด้วยนะคะ
กลับฟุคุไปกิน "อิจิซัน" ราเม็งค่ะ ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไง ตามไปพรุ่งนี้ค่ะพร้อมกับเที่ยว...คุมาโมโตะ-อะโสะ