4 ปีที่แล้ว วงดนตรี 'Lomosonic' ได้ทิ้งผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขา ที่ใช้ชื่อว่า 'ดอกไม้ไฟ' เอาไว้ให้วงการเพลงไทย ด้วยการเรียบเรียงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งแตกต่างจากทุกๆวงในเวลานั้น รวมถึงไอเดียในการเล่นอันสดใหม่ และฝีไม้ลายมือชนิดหาตัวจับได้ยากของสมาชิกทั้ง 6 คน ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้อัลบั้มดอกไม้ไฟของ Lomosonic กลายมาเป็นผลงานที่น่าสนใจมากที่สุดในปีนั้นสำหรับผมไปชนิดที่แทบจะไร้คู่แข่ง และการกลับมากับ Studio Album ชุดที่ 2 พวกเขาก็ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลงแทบจะในทันที เมื่อเริ่มประกาศออกมาว่ามันจะเป็นอัลบั้มคู่ ที่ประกอบไปด้วย CD 2 แผ่นนั่นคือ 'Echo' และ 'Silence'
หากจะมองย้อนกลับไป เราจะพบว่าการออกผลงานในลักษณะนี้ในบ้านเราไม่ค่อยจะมีมาให้เห็นกันบ่อยนัก ที่พอจะนึกออกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอย่างอัลบั้ม 'Zero' ของวงพรู หรือ 'Difference Part 1 & 2' ของ Sleeper One แม้จะเป็นอัลบั้มที่ถูกนักวิจารณ์จากทั่วสารทิศออกมายกย่องกันอย่างมาก แต่ก็ไม่มีอัลบั้มไหนที่ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายเลย และยิ่งเมื่อมองจากสภาพที่เป็นของวงการเพลงทั่วโลก ณ เวลานี้ ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นความกล้าเอามากๆ ที่เลือกจะทำงานออกมาในรูปแบบของอัลบั้มคู่ ของทั้งทางวงเอง รวมไปถึงค่ายที่ให้การสนับสนุนการทำงานชุดนี้อย่าง Smallroom ด้วย เพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการทำ Production ที่เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว ยังไม่นับไปถึงการควบคุมภาพรวมของเพลงแต่ละเพลงในอัลบั้ม เพื่อที่จะให้ทั้ง 20 เพลง สามารถรวมอยู่ในอัลบั้มเดียวกันให้ได้อีกต่างหาก
แต่บนความเสี่ยงเหล่านั้นก็ยังมีข้อดีอยู่ นอกเหนือจากที่แฟนเพลงของพวกเขา จะได้เต็มอิ่มไปกับทั้ง 20 เพลงจากงานชุดนี้ ให้สมกับที่หายหน้าไปนานกว่า 4 ปีแล้วนั้น การทำอัลบั้มคู่โดยใช้ Concept ของทั้ง Echo และ Silence ยังสามารถนำพาให้เราได้ไปทำความรู้จักกับอีกหลายๆด้านที่เราไม่เคยได้รู้จักกับ Lomosonic ในมุมนั้นมาก่อนอีกด้วย
หากเราจะพออนุมานได้ว่า ทั้ง 10 เพลงจากอัลบั้มดอกไม้ไฟ รวมไปถึงการแสดงสดตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาของ Lomosonic ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความทรงพลังและดุเดือด ราวกับระเบิดที่ส่งเสียงกึกก้องออกมานั้น คือส่วนที่เราเรียกว่า Echo สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงมีให้ได้ยินกันอยู่ในเพลงอย่าง 'ถึงเวลา' 'อึด' 'เหยียบ' 'เก็บไว้' คือเพลงที่มีดนตรีซึ่งรุกเร้าและพาคนฟังพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด นี่คือลายเซ็นต์ของพวกเขาตลอดระยะเวลาที่ผมได้ทำความรู้จักกับ Lomosonic มา
แต่กับเพลงช้า หรือด้านที่เป็นอารมณ์อันอ่อนไหวต่อความรักความสัมพันธ์ ซึ่งถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา ในแบบที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนจากอัลบั้มแรกของพวกเขานั้น แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นตัวตนด้าน Silence ของวง เพลงอย่าง 'อยากจะรักแค่ไหน' 'ความรู้สึกของวันนี้' 'ไม่เคยเข้าใจเรื่องที่ต้องเข้าใจ' 'หลงทาง' เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ในบทเพลงของพวกเขามาก่อน รวมถึงการที่เรื่องราวถูกเล่าออกมา ผ่านเสียงดนตรี ที่ถูกนำด้วยกีต้าร์โปร่ง และการเรียบเรียงจัดวางเสียงของแต่ละเครื่องดนตรี ที่บรรจงให้ออกมาแผ่วเบากว่าเพลงในหมวดหมู่เพลงเร็วอย่างชัดเจน ซึ่งสำหรับการเป็นวงดนตรีสักวงหนึ่งแล้ว ความกล้าที่จะหยิบจับเอาอารมณ์ความรู้สึกลึกๆออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาได้นั้น ในส่วนนี้ผมคงต้องบอกว่า Lomosonic ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว
นอกเหนือจากการเติบโตขึ้นในฐานะวงดนตรีแล้ว อีกส่วนคือภาคของดนตรีในอัลบั้มชุดนี้ ที่ก็เปลี่ยนแปลงไปจากอัลบั้มชุดแรกอยู่ไม่น้อยเช่นกัน อาจจะด้วยการขาดหายไปของ 2 สมาชิกวงในตำแหน่งเบส และ Synthesizer ที่ทำให้ในชุดนี้ เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงสังเคราะห์อยู่เลย ยิ่งเมื่อเทียบกับชุดแรกที่แทบจะเป็นพระเอกเคียงบ่าเคียงไหล่เครื่องดนตรีทุกชิ้น หรืออาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลง Producer ร่วม จากอัลบั้มชุดแรกที่เป็นทางวงทำงานร่วมกับหัวเรือใหญ่ของค่าย smallroom อย่าง 'รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์' มาเป็น 'เทอดศักดิ์ ศิริเจน' อดีตมือกีต้าร์จากวงพาย ที่นอกจากจะมาเป็น Producer ร่วมกับ Lomosonic แล้ว ยังมาช่วยทางวงกับการแสดงสดในบางงาน กับบทบาทมือกีต้าร์สมทบอีกด้วย จนทางวง ยกให้เป็นสมาชิกคนที่ 5 ไปกลายๆ
ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใดก็ตาม ในอัลบั้มนี้ ภาคดนตรีของ Lomosonic ได้ตัดทอนเอารายละเอียดอันรุงรัง ทั้งจากวิธีการเล่น รวมไปถึงการเรียบเรียงเพลงหลักๆออกไป ซึ่งในหลายๆโอกาส มันก็กลายเป็นส่วนเกิน หรืออาจจะทำให้คนที่ไปดูคอนเสิร์ตของพวกเขา ไม่สนุกไปกับตัวเพลงเท่าที่ควรออกไปบ้าง มันถูกเรียบเรียงออกมาให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้แฟนเพลงที่ถูกใจกับการเรียบเรียงดนตรีอันซับซ้อนและจัดจ้านแบบในอัลบั้มดอกไม้ไฟต้องใจหายแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เรากลับสามารถได้ยิน จับจ้อง และรู้สึกไปกับเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้มากกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อหยิบเอาข้อสังเกตุจากการปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของวิธีการพูดถึงเนื้อหาในแต่ละเพลง และภาคดนตรี ผมพอจะสรุปได้ว่า Lomosonic กำลังพยายามที่จะขยับเข้าหา และสื่อสารกับคนฟังของพวกเขาเองให้มากขึ้นกว่าในอัลบั้มชุดแรก แต่มันคือการขยับในแบบที่คนฟังอย่างเราๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปวิตก ว่าเราอาจจะสูญเสียอีกวงดนตรีที่เรารู้จักไป เพราะไม่ว่าจะเป็นแผดเสียงอันกึกก้อง หรือสำเนียงอันเงียบงัน ทั้งหมดทั้งมวล พวกเขาก็ยังเป็น Lomosonic วงเดิมที่เรารู้จักนั่นแหละ หากเพียงแต่งานชุดนี้ จะทำให้พวกเราได้รู้จักกับเขาในมุมอื่นมากขึ้นก็เท่านั้นเอง
====================
Artist : Lomosonic
Album : Echo & Silence
Producer : Lomosonic , เทอดศักดิ์ ศิริเจน
Label : Smallroom
====================
* ในชุดนี้ สมาชิกของ Lomosonic ประกอบไปด้วย
- พีระสิฐ พลตาล : ร้องนำ
- ปิติ เอสตราลาโด สหพงษ์ : กีต้าร์
- ฉัตรชัย งามศิริมงคลชัย : กีต้าร์
- ชาญเดช ว่องสันธพงศ์ : กลอง
*
http://soundsyndrome.exteen.com/20090821/lomosonic
Review อัลบั้ม ดอกไม้ไฟ ของ Lomosonic
เสียง - Lomosonic
คำร้อง : พีระสิฐ พลตาล , ประภพ ชมถาวร
ทำนอง : พีระสิฐ พลตาล
เรียบเรียง : Lomosonic
[CR] Lomosonic อัลบั้ม Echo & Silence
หากจะมองย้อนกลับไป เราจะพบว่าการออกผลงานในลักษณะนี้ในบ้านเราไม่ค่อยจะมีมาให้เห็นกันบ่อยนัก ที่พอจะนึกออกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอย่างอัลบั้ม 'Zero' ของวงพรู หรือ 'Difference Part 1 & 2' ของ Sleeper One แม้จะเป็นอัลบั้มที่ถูกนักวิจารณ์จากทั่วสารทิศออกมายกย่องกันอย่างมาก แต่ก็ไม่มีอัลบั้มไหนที่ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายเลย และยิ่งเมื่อมองจากสภาพที่เป็นของวงการเพลงทั่วโลก ณ เวลานี้ ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นความกล้าเอามากๆ ที่เลือกจะทำงานออกมาในรูปแบบของอัลบั้มคู่ ของทั้งทางวงเอง รวมไปถึงค่ายที่ให้การสนับสนุนการทำงานชุดนี้อย่าง Smallroom ด้วย เพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการทำ Production ที่เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว ยังไม่นับไปถึงการควบคุมภาพรวมของเพลงแต่ละเพลงในอัลบั้ม เพื่อที่จะให้ทั้ง 20 เพลง สามารถรวมอยู่ในอัลบั้มเดียวกันให้ได้อีกต่างหาก
แต่บนความเสี่ยงเหล่านั้นก็ยังมีข้อดีอยู่ นอกเหนือจากที่แฟนเพลงของพวกเขา จะได้เต็มอิ่มไปกับทั้ง 20 เพลงจากงานชุดนี้ ให้สมกับที่หายหน้าไปนานกว่า 4 ปีแล้วนั้น การทำอัลบั้มคู่โดยใช้ Concept ของทั้ง Echo และ Silence ยังสามารถนำพาให้เราได้ไปทำความรู้จักกับอีกหลายๆด้านที่เราไม่เคยได้รู้จักกับ Lomosonic ในมุมนั้นมาก่อนอีกด้วย
หากเราจะพออนุมานได้ว่า ทั้ง 10 เพลงจากอัลบั้มดอกไม้ไฟ รวมไปถึงการแสดงสดตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาของ Lomosonic ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความทรงพลังและดุเดือด ราวกับระเบิดที่ส่งเสียงกึกก้องออกมานั้น คือส่วนที่เราเรียกว่า Echo สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงมีให้ได้ยินกันอยู่ในเพลงอย่าง 'ถึงเวลา' 'อึด' 'เหยียบ' 'เก็บไว้' คือเพลงที่มีดนตรีซึ่งรุกเร้าและพาคนฟังพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด นี่คือลายเซ็นต์ของพวกเขาตลอดระยะเวลาที่ผมได้ทำความรู้จักกับ Lomosonic มา
แต่กับเพลงช้า หรือด้านที่เป็นอารมณ์อันอ่อนไหวต่อความรักความสัมพันธ์ ซึ่งถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา ในแบบที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนจากอัลบั้มแรกของพวกเขานั้น แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นตัวตนด้าน Silence ของวง เพลงอย่าง 'อยากจะรักแค่ไหน' 'ความรู้สึกของวันนี้' 'ไม่เคยเข้าใจเรื่องที่ต้องเข้าใจ' 'หลงทาง' เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ในบทเพลงของพวกเขามาก่อน รวมถึงการที่เรื่องราวถูกเล่าออกมา ผ่านเสียงดนตรี ที่ถูกนำด้วยกีต้าร์โปร่ง และการเรียบเรียงจัดวางเสียงของแต่ละเครื่องดนตรี ที่บรรจงให้ออกมาแผ่วเบากว่าเพลงในหมวดหมู่เพลงเร็วอย่างชัดเจน ซึ่งสำหรับการเป็นวงดนตรีสักวงหนึ่งแล้ว ความกล้าที่จะหยิบจับเอาอารมณ์ความรู้สึกลึกๆออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาได้นั้น ในส่วนนี้ผมคงต้องบอกว่า Lomosonic ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใดก็ตาม ในอัลบั้มนี้ ภาคดนตรีของ Lomosonic ได้ตัดทอนเอารายละเอียดอันรุงรัง ทั้งจากวิธีการเล่น รวมไปถึงการเรียบเรียงเพลงหลักๆออกไป ซึ่งในหลายๆโอกาส มันก็กลายเป็นส่วนเกิน หรืออาจจะทำให้คนที่ไปดูคอนเสิร์ตของพวกเขา ไม่สนุกไปกับตัวเพลงเท่าที่ควรออกไปบ้าง มันถูกเรียบเรียงออกมาให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้แฟนเพลงที่ถูกใจกับการเรียบเรียงดนตรีอันซับซ้อนและจัดจ้านแบบในอัลบั้มดอกไม้ไฟต้องใจหายแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เรากลับสามารถได้ยิน จับจ้อง และรู้สึกไปกับเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้มากกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อหยิบเอาข้อสังเกตุจากการปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของวิธีการพูดถึงเนื้อหาในแต่ละเพลง และภาคดนตรี ผมพอจะสรุปได้ว่า Lomosonic กำลังพยายามที่จะขยับเข้าหา และสื่อสารกับคนฟังของพวกเขาเองให้มากขึ้นกว่าในอัลบั้มชุดแรก แต่มันคือการขยับในแบบที่คนฟังอย่างเราๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปวิตก ว่าเราอาจจะสูญเสียอีกวงดนตรีที่เรารู้จักไป เพราะไม่ว่าจะเป็นแผดเสียงอันกึกก้อง หรือสำเนียงอันเงียบงัน ทั้งหมดทั้งมวล พวกเขาก็ยังเป็น Lomosonic วงเดิมที่เรารู้จักนั่นแหละ หากเพียงแต่งานชุดนี้ จะทำให้พวกเราได้รู้จักกับเขาในมุมอื่นมากขึ้นก็เท่านั้นเอง
Artist : Lomosonic
Album : Echo & Silence
Producer : Lomosonic , เทอดศักดิ์ ศิริเจน
Label : Smallroom
====================
- พีระสิฐ พลตาล : ร้องนำ
- ปิติ เอสตราลาโด สหพงษ์ : กีต้าร์
- ฉัตรชัย งามศิริมงคลชัย : กีต้าร์
- ชาญเดช ว่องสันธพงศ์ : กลอง
* http://soundsyndrome.exteen.com/20090821/lomosonic
Review อัลบั้ม ดอกไม้ไฟ ของ Lomosonic
ทำนอง : พีระสิฐ พลตาล
เรียบเรียง : Lomosonic