เช้านี้ พ.อ.ดร.นที สุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธาน กสท. ได้ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ @DrNateeDigital เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการถ่ายทอดสด
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่ง RS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และมีการเปิดตัว "กล่องบอลโลก" ข้อความมีดังนี้ครับ
ปรากฏข่าวที่แพร่หลายในสื่อเป็นการทั่วไปถึงกรณีที่ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกล่องดาวเทียม “กล่องบอลโลก”
โดยมีการให้ข้อมูลว่ากล่องดังกล่าวสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ได้จำนวน 64 นัด
ระบุว่า บริษัทฯ จะถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายผ่านฟรีทีวี 22 นัด ซึ่งจะเป็นนัดการแข่งขันที่สำคัญเท่านั้น
โดยช่องทางที่จะสามารถรับชมบอลโลกได้ครบทุกนัด มีเพียงการชมผ่าน “กล่องรับบอลโลก (SD)” และ กล่อง PSI O2 (HD)
การดำเนินการดังกล่าวอาจขัดกติกา Must Have ที่กำหนดให้รายการสำคัญบางรายการเผยแพร่ได้เฉพาะในฟรีทีวีเท่านั้น
เพราะกติกาดังกล่าวกำหนดให้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็น 1 ใน 7 รายการ ที่จะต้องถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีทุกนัด
เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนรวมถึงคนด้อยโอกาสให้รับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการทีวีสำคัญได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศ Must Have
และได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการบังคับใช้ประกาศ Must Have กับ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014
ซึ่งศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องของบริษัทฯ เมื่อ 28 พ.ย.56 ส่งผลให้ประกาศ Must Have ยังมีผลบังคับใช้กับฟุตบอลโลก 2014
ดังนั้นการแข่งขันรอบสุดท้าย 64 นัด จะสามารถถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวีที่ทุกคนสามารถชมได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การดำเนินการของ RS นั้นจะต้องพิจารณาภายใต้อำนาจของ กสท. เป็น 2 กรณี คือ ในฐานะเจ้าของสิทธิ์ และในฐานะผู้รับอนุญาต
RS Inter ในฐานะเจ้าของสิทธิ์ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสท. แต่ “ช่อง 8” และ K Master รวมถึง PSI เป็นผู้รับอนุญาต
ในฐานะผู้รับอนุญาต ถ้าฝ่าฝืนประกาศของ กสทช. (รวมถึง ประกาศ Must Have) ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขของการอนุญาต
ซึ่งอาจมีโทษได้ตั้งแต่ ปรับ/พักใช้/เพิกถอน ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ หรือ ใบอนุญาตประกอบกิจการโครงข่าย
นอกจากนี้การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการเอาเปรียบผู้บริโภค เป็นการโฆษณาที่ไม่สามารถดำเนินการได้
ดังนั้น กสท. จึงได้มีมติให้แจ้งเตือนผู้ประกอบกิจการโครงข่ายดาวเทียม เคเบิล และช่องรายการทุกรายให้ปฏิบัติตามกฎ กติกา
แจ้งเตือน RS/PSI ให้ปฏิบัติตาม ประกาศ Must Have โดยเคร่งครัด ให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลที่เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้ง
นอกจากนี้ให้แจ้งมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทราบในกรณีที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับการแจ้งเตือนจาก กสทช.
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใส ให้ สนง.กสทช. แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนมีคำสั่ง
และให้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้สั่ง RS และ บริษัทในเครือระงับการให้ข้อมูลไม่ถูกต้องต่อประชาชน ครับ
พ.อ.นที ชี้แจงเรื่องRS กับบอลโลก
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่ง RS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และมีการเปิดตัว "กล่องบอลโลก" ข้อความมีดังนี้ครับ
ปรากฏข่าวที่แพร่หลายในสื่อเป็นการทั่วไปถึงกรณีที่ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกล่องดาวเทียม “กล่องบอลโลก”
โดยมีการให้ข้อมูลว่ากล่องดังกล่าวสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ได้จำนวน 64 นัด
ระบุว่า บริษัทฯ จะถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายผ่านฟรีทีวี 22 นัด ซึ่งจะเป็นนัดการแข่งขันที่สำคัญเท่านั้น
โดยช่องทางที่จะสามารถรับชมบอลโลกได้ครบทุกนัด มีเพียงการชมผ่าน “กล่องรับบอลโลก (SD)” และ กล่อง PSI O2 (HD)
การดำเนินการดังกล่าวอาจขัดกติกา Must Have ที่กำหนดให้รายการสำคัญบางรายการเผยแพร่ได้เฉพาะในฟรีทีวีเท่านั้น
เพราะกติกาดังกล่าวกำหนดให้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็น 1 ใน 7 รายการ ที่จะต้องถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีทุกนัด
เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนรวมถึงคนด้อยโอกาสให้รับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการทีวีสำคัญได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศ Must Have
และได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการบังคับใช้ประกาศ Must Have กับ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014
ซึ่งศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องของบริษัทฯ เมื่อ 28 พ.ย.56 ส่งผลให้ประกาศ Must Have ยังมีผลบังคับใช้กับฟุตบอลโลก 2014
ดังนั้นการแข่งขันรอบสุดท้าย 64 นัด จะสามารถถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวีที่ทุกคนสามารถชมได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การดำเนินการของ RS นั้นจะต้องพิจารณาภายใต้อำนาจของ กสท. เป็น 2 กรณี คือ ในฐานะเจ้าของสิทธิ์ และในฐานะผู้รับอนุญาต
RS Inter ในฐานะเจ้าของสิทธิ์ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสท. แต่ “ช่อง 8” และ K Master รวมถึง PSI เป็นผู้รับอนุญาต
ในฐานะผู้รับอนุญาต ถ้าฝ่าฝืนประกาศของ กสทช. (รวมถึง ประกาศ Must Have) ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขของการอนุญาต
ซึ่งอาจมีโทษได้ตั้งแต่ ปรับ/พักใช้/เพิกถอน ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ หรือ ใบอนุญาตประกอบกิจการโครงข่าย
นอกจากนี้การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการเอาเปรียบผู้บริโภค เป็นการโฆษณาที่ไม่สามารถดำเนินการได้
ดังนั้น กสท. จึงได้มีมติให้แจ้งเตือนผู้ประกอบกิจการโครงข่ายดาวเทียม เคเบิล และช่องรายการทุกรายให้ปฏิบัติตามกฎ กติกา
แจ้งเตือน RS/PSI ให้ปฏิบัติตาม ประกาศ Must Have โดยเคร่งครัด ให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลที่เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้ง
นอกจากนี้ให้แจ้งมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทราบในกรณีที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับการแจ้งเตือนจาก กสทช.
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใส ให้ สนง.กสทช. แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนมีคำสั่ง
และให้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้สั่ง RS และ บริษัทในเครือระงับการให้ข้อมูลไม่ถูกต้องต่อประชาชน ครับ