"ริทพยายามจะพิสูจน์ว่าในขณะที่เราเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มันไม่ได้ฉุดให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแย่ลงเลยนะ"
ฉลองผลสอบ NL และ A ตัวสุดท้ายของปี3 สรุปเกรดเฉลี่ยเทอมนี้ 3.88 ดีใจ...เรียนไปทำงานไป ได้แบบนี้ พอใจที่สุดแล้ว ^^
"ได้ A ก็ดีใจมาก เพราะว่า เราก็ตั้งใจ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เอา A มาได้ ก็แอบดีใจกับตัวเอง"
มีเคล็ดลับไหมคะ
"1. ริทต้องพยายามแ่บ่งเวลาให้เป็น ริทรู้ว่า ริทงานหนัก ริทมีเวลาน้อย
ริทต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มที่สุด
2. ริทมีกำลังใจเยอะ มีหลายคนที่จับจ้องมีหลายคนที่มองอยู่
"เห็นพี่ริททวิตเกรดว่าได้ A หนูอยากได้อย่างพี่ริทบ้าง หนูก็พยายามตั้งใจอ่านหนังสือนะ"
เหมือนว่าเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย
เราก็เลย "ไม่เป็นไรหรอก
เกรดก็เกรดเรานี่แหละ ได้ดีก็ได้ดีของเรา แต่ว่าคนอื่นก็เป็นกำลังใจไปด้วย"
เราก็พยายามทำดีกว่า
ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีก่อนสอบ #comprekku
"การที่เราเ้ข้าติวทุกครั้ง เข้าเรียนทุกครั้ง มันต้องมีอะไรติดตัวกลับบ้านบ้าง
บอกตรงๆว่า เวลาเรียน ไม่มีใครหรอก เรียนปุ๊บได้เลย มันต้องเอากลับไปทบทวน
เอาเนื้อหาที่เราได้เรียนรู้ ได้ฟังมา ประมวลผล แล้วค่อยเอามาจำในสมองเรา"
มีเทคนิคอะไรให้น้อง ๆ นำไปใช้อ่านหนังสือสอบบ้าง
"เค้าจะมีการแ่บ่งเปอร์เซนต์ จากความสำคัญในการเรียนในอนาคต ฉะนั้นก็เน้นวิชาที่หนักๆ ก่อน ตอนริทสอบริทก็ดูแบบนี้"
(ภาษาไทย 10 สังคม 10 อังกฤษ 20 คณิต เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ อย่างละ 15 แต่ละวิชาไม่น้อยกว่า 30% คะแนนรวมไม่น้อยกว่า 50%)
ให้แนะนำน้องๆ ก่อน Admission
"ความรู้ที่อาจารย์สอนในห้องเรียนก็เพียงพอ ถ้าเราตั้งใจเรียนตามที่อาจารย์สอนในห้อง
เก็บเกี่ยวเอาทุกอย่างที่อาจารย์พูดมาให้ได้ จริงๆ ก็พอที่เราจะสู้โรงเรียนอื่นได้แล้ว"
ริท The Star 6 อวยพรน้องๆ ที่สอบ GAT
เอา pat1 มาฝาก 2 ข้อ เผื่อเด็ก ม.6 ไว้สอบ วันที่ 26 เม.ย.นี้ ^___^
ปล.เอามาเป็นภาพประกอบ ความรู้ในห้องเรียน ก็ทำได้^^
"อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะเนื้อหามันเยอะ
เราต้องเอาเนื้อหาตั้งแต่ ม.4 - ม.6 มายำใส่หัว เอาไปสอบให้ได้ ต้องจำให้เยอะที่สุด เท่าที่จะทำได้
อดทนนิดนึง อย่าพึ่งท้อกับมัน
ใ้ห้เรามองถึงเป้าหมาย มองถึงเส้นชัย สุดท้ายผลลัพธ์ออกมา มันจะทำให้เราหายเหนื่อยเอง"
ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไหวมั้ย
"ไหวไหม ไหว แต่ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อย เพราะว่ามันเรียนหนักมากไงครับ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกไง
เราเลือกจะเรียนหมอแต่มันไม่มีหมอเบาๆ เราก็เลยจะต้องหนัก"
ขณะที่ต้องทำสองอย่างไปพร้อมกันเครียดมั้ย
"เครียดๆ เพราะว่าเนื้อหามันเยอะ แล้วมันก็ยาก แล้วอีกอย่างนึงคือถ้าเราจะเอาพอให้ผ่าน มันก็ไม่ได้ไง
เพราะว่าความรู้มันต้องเก็บไปใช้เรื่อยๆในอนาคตของเรา
ต้องทำให้ดีที่สุด เพียงแต่ว่าเราไม่เคยกดดันตัวเอง
ไม่งั้นคนเขาจะว่าเราได้ว่าหลงแสงสีจนไม่สนใจเรื่องเรียน อนาคตข้างหน้าคนไข้เขาจะคิดยังไงถ้าคุณได้เกรดเท่านี้
เขาคงลังเลว่าจะรักษากับเราดีมั้ยนะ"
เคยคิดท้อแท้บ้างไหม
"ทั้งเรียนและทำงาน ต้องรับผิดชอบตัวเอง ไหนจะกดดันเรื่องเกรด แต่ละวันใช้สมองจนล้า
เรื่องท้อ ไม่ท้อครับ ต้องทำให้ได้"
ด้วยความตั้งใจที่มีตลอดทั้งเทอม เรียน 5 ตัว
A 4 ตัว , B+ 1 ตัว เกรดเฉลี่ยรวม 3.88
แล้วริทแบ่งเวลาการเรียนอย่างไร
"ริทเป็นคนอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยประถมและมัธยมแล้ว ริทเรียนไปด้วยและก็ทำกิจกรรมไปด้วย ก็ถือว่ามันเป็นสิ่งที่ผ่อนคลาย
และริทก็ไม่ได้กลัวว่าจะเรียนได้ไหม เพราะพวกนี้มันทำหลังเลิกเรียนอยู่แล้ว"
ริทคิดว่า คุณสมบัติไหนที่จำเป็นกับนักศึกษาแพทย์
"ก็ต้องตั้งใจเพราะว่ามันเรียนหนัก เรียน 5 วันเต็ม แล้วบางทีก็มีเสาร์-อาิทิตย์ อาจารย์ก็เอาเวลาไปสอนด้วยอะไรแบนี้ครับ กลาย
เป็นว่าต้องเรียน 6 วัน 7 วันเลยด้วยซ้ำ แล้วปิดเทอมก็ไม่ได้มีเหมือนคณะอื่น เพราะต้องมาทำกิจกรรม และในเวลาเรียนจันทร์ถึงศุกร์
นี่ก็เรียนตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเลย ต้องตั้งใจ ต้องอดทน เพราะเวลาสอบต้องอ่านหนังสือเยอะมาก หนึ่งคาบคือหนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงคือ
หนึ่งเรื่อง (เรียนเร็วมากครับ)"
"พอมาอยู่ที่นี่(คณะแพทย์ ม.ขอนแก่น) มันจะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
บางวันก็มีคนใส่สายน้ำเกลือมากินข้าว บางวันก็มีเด็กพิการ
ซึ่งตอนแรกที่เห็น จนถึงทุกวันนี้ มันกลายเป็นภาพชินตาไปแล้ว
แต่ว่าเราไปช่วยอะไรเค้าไม่ได้ เราไปช่วยให้เค้าหายจากโรคไม่ได้
เราได้แต่คิดว่า จบไปคงดีนะ จะได้ช่วยเค้าได้"
ธรรมดีมีเฮ
ความรู้สึกที่คนเรียก "หมอริท" เป็นยังไงคะ
"ดีใจครับ ถามว่าริทเป็นหมอหรือยัง ริทยังไม่ได้เป็นหมอ แต่นักศึกษาแพทย์เนี่ยตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วจะถูกแม่ค้าในโรงอาหาร หรือคนไข้ในโรงพยาบาลเรียกพวกเราว่าคุณหมอ เรียกทุกคนไม่ใช่เฉพาะริท เรียกเร็วไปมั้ย(หัวเราะ) เพราะยังไม่ได้เป็นหมอ แต่ถามว่าดีมั้ย ดีครับเพราะเป็นกำลังใจให้พวกเรา
มีคนเรียกหมอ ริทภูมิใจนะ อยากเรียนให้จบ"
พวกเรา คือ หมอของแผ่นดิน
"จะพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เก็บเกี่ยวความรู้มาให้ได้เยอะที่สุด
แล้วก็ออกมารักษา ไม่ว่าจะเป็นคนไข้จริงๆของริท ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับที่เฝ้าคอยการรักษาจากริทอยู่"
ขอบคุณบทสัมภาษณ์จากนิตยสารทุกฉบับ ภาพประกอบจาก @piggie_aoi และ อินสตาแกรม @ritz_rueangritz
ข้อคิดดีดีจาก "ริท เรืองฤทธิ์" คว้า 3.88 ก่อนขึ้นปี4 คณะแพทย์
"ได้ A ก็ดีใจมาก เพราะว่า เราก็ตั้งใจ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เอา A มาได้ ก็แอบดีใจกับตัวเอง"
"1. ริทต้องพยายามแ่บ่งเวลาให้เป็น ริทรู้ว่า ริทงานหนัก ริทมีเวลาน้อย ริทต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มที่สุด
2. ริทมีกำลังใจเยอะ มีหลายคนที่จับจ้องมีหลายคนที่มองอยู่
"เห็นพี่ริททวิตเกรดว่าได้ A หนูอยากได้อย่างพี่ริทบ้าง หนูก็พยายามตั้งใจอ่านหนังสือนะ"
เหมือนว่าเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย
เราก็เลย "ไม่เป็นไรหรอก เกรดก็เกรดเรานี่แหละ ได้ดีก็ได้ดีของเรา แต่ว่าคนอื่นก็เป็นกำลังใจไปด้วย"
เราก็พยายามทำดีกว่า
บอกตรงๆว่า เวลาเรียน ไม่มีใครหรอก เรียนปุ๊บได้เลย มันต้องเอากลับไปทบทวน
เอาเนื้อหาที่เราได้เรียนรู้ ได้ฟังมา ประมวลผล แล้วค่อยเอามาจำในสมองเรา"
"เค้าจะมีการแ่บ่งเปอร์เซนต์ จากความสำคัญในการเรียนในอนาคต ฉะนั้นก็เน้นวิชาที่หนักๆ ก่อน ตอนริทสอบริทก็ดูแบบนี้"
(ภาษาไทย 10 สังคม 10 อังกฤษ 20 คณิต เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ อย่างละ 15 แต่ละวิชาไม่น้อยกว่า 30% คะแนนรวมไม่น้อยกว่า 50%)
"ความรู้ที่อาจารย์สอนในห้องเรียนก็เพียงพอ ถ้าเราตั้งใจเรียนตามที่อาจารย์สอนในห้อง
เก็บเกี่ยวเอาทุกอย่างที่อาจารย์พูดมาให้ได้ จริงๆ ก็พอที่เราจะสู้โรงเรียนอื่นได้แล้ว"
เอา pat1 มาฝาก 2 ข้อ เผื่อเด็ก ม.6 ไว้สอบ วันที่ 26 เม.ย.นี้ ^___^
ปล.เอามาเป็นภาพประกอบ ความรู้ในห้องเรียน ก็ทำได้^^
เราต้องเอาเนื้อหาตั้งแต่ ม.4 - ม.6 มายำใส่หัว เอาไปสอบให้ได้ ต้องจำให้เยอะที่สุด เท่าที่จะทำได้
อดทนนิดนึง อย่าพึ่งท้อกับมัน
ใ้ห้เรามองถึงเป้าหมาย มองถึงเส้นชัย สุดท้ายผลลัพธ์ออกมา มันจะทำให้เราหายเหนื่อยเอง"
"ไหวไหม ไหว แต่ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อย เพราะว่ามันเรียนหนักมากไงครับ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกไง
เราเลือกจะเรียนหมอแต่มันไม่มีหมอเบาๆ เราก็เลยจะต้องหนัก"
"เครียดๆ เพราะว่าเนื้อหามันเยอะ แล้วมันก็ยาก แล้วอีกอย่างนึงคือถ้าเราจะเอาพอให้ผ่าน มันก็ไม่ได้ไง
เพราะว่าความรู้มันต้องเก็บไปใช้เรื่อยๆในอนาคตของเรา ต้องทำให้ดีที่สุด เพียงแต่ว่าเราไม่เคยกดดันตัวเอง
ไม่งั้นคนเขาจะว่าเราได้ว่าหลงแสงสีจนไม่สนใจเรื่องเรียน อนาคตข้างหน้าคนไข้เขาจะคิดยังไงถ้าคุณได้เกรดเท่านี้
เขาคงลังเลว่าจะรักษากับเราดีมั้ยนะ"
"ทั้งเรียนและทำงาน ต้องรับผิดชอบตัวเอง ไหนจะกดดันเรื่องเกรด แต่ละวันใช้สมองจนล้า เรื่องท้อ ไม่ท้อครับ ต้องทำให้ได้"
A 4 ตัว , B+ 1 ตัว เกรดเฉลี่ยรวม 3.88
"ริทเป็นคนอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยประถมและมัธยมแล้ว ริทเรียนไปด้วยและก็ทำกิจกรรมไปด้วย ก็ถือว่ามันเป็นสิ่งที่ผ่อนคลาย
และริทก็ไม่ได้กลัวว่าจะเรียนได้ไหม เพราะพวกนี้มันทำหลังเลิกเรียนอยู่แล้ว"
"ก็ต้องตั้งใจเพราะว่ามันเรียนหนัก เรียน 5 วันเต็ม แล้วบางทีก็มีเสาร์-อาิทิตย์ อาจารย์ก็เอาเวลาไปสอนด้วยอะไรแบนี้ครับ กลาย
เป็นว่าต้องเรียน 6 วัน 7 วันเลยด้วยซ้ำ แล้วปิดเทอมก็ไม่ได้มีเหมือนคณะอื่น เพราะต้องมาทำกิจกรรม และในเวลาเรียนจันทร์ถึงศุกร์
นี่ก็เรียนตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเลย ต้องตั้งใจ ต้องอดทน เพราะเวลาสอบต้องอ่านหนังสือเยอะมาก หนึ่งคาบคือหนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงคือ
หนึ่งเรื่อง (เรียนเร็วมากครับ)"
บางวันก็มีคนใส่สายน้ำเกลือมากินข้าว บางวันก็มีเด็กพิการ
ซึ่งตอนแรกที่เห็น จนถึงทุกวันนี้ มันกลายเป็นภาพชินตาไปแล้ว
แต่ว่าเราไปช่วยอะไรเค้าไม่ได้ เราไปช่วยให้เค้าหายจากโรคไม่ได้
เราได้แต่คิดว่า จบไปคงดีนะ จะได้ช่วยเค้าได้"
ธรรมดีมีเฮ
"ดีใจครับ ถามว่าริทเป็นหมอหรือยัง ริทยังไม่ได้เป็นหมอ แต่นักศึกษาแพทย์เนี่ยตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วจะถูกแม่ค้าในโรงอาหาร หรือคนไข้ในโรงพยาบาลเรียกพวกเราว่าคุณหมอ เรียกทุกคนไม่ใช่เฉพาะริท เรียกเร็วไปมั้ย(หัวเราะ) เพราะยังไม่ได้เป็นหมอ แต่ถามว่าดีมั้ย ดีครับเพราะเป็นกำลังใจให้พวกเรา มีคนเรียกหมอ ริทภูมิใจนะ อยากเรียนให้จบ"
พวกเรา คือ หมอของแผ่นดิน
แล้วก็ออกมารักษา ไม่ว่าจะเป็นคนไข้จริงๆของริท ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับที่เฝ้าคอยการรักษาจากริทอยู่"