ช่วงนี้เห็นกระทู้วิจารณ์งาน CG เมืองไทยหลายกระทู้ เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าเอาข้อมูลที่เราพอจะรู้มาแบ่งปันกัน
เริ่มต้นจากคำถามว่า เมืองไทยไม่มี CG เก่งๆเลยหรอ ?
ส่วนตัวเราคิดว่ามี แต่เทียบสัดส่วนแล้วเป็นแค่คนหยิบมือนึง ที่รู้จักกันไปมาในวงการ ไม่ใช่วิชาชีพที่เก่งเกลื่อนกลาด
แล้วพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกันหมด ?
ตามธรรมชาติของคนเก่ง ก็มักจะอยู่ในที่ๆ เงินเดือนดี รายรับสูง
แต่ถามว่าในเมืองไทย ต้องทำ CG แบบไหนถึงจะมีเงินเดือนดี รายรับสูง
บอกเลยว่า ไม่ใช่วงการละครและภาพยนตร์อย่างแน่นอน
คนทำ CG เก่งๆในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะทำงานโฆษณา หรือไม่ก็รับทำงานให้ต่างประเทศ
หนัง/MV ต่างประเทศ หรือ animation ต่างประเทศ เป็นต้น
ทำงานโฆษณาและงานต่างประเทศได้เงินเยอะกว่ามากแค่ไหน?
เราขอเทียบพอประมาณว่า งบของโฆษณาความยาว 60วิ หรือ 30วิ บางรื่อง
เฉพาะค่าทำ CG เพียงส่วนเดียว สามารถทำหนังไทยคัทชนที่ยาว 2 ชม. ได้เรื่องนึง
เป็นเหตุผลว่า ทำไม CG เก่งๆถึงไม่ค่อยรับงานภาพยนตร์และละคร เพราะ
1. ปริมาณงานที่เยอะกว่ามหาศาล (เทียบจากความยาวของหนัง)
2. ระยะเวลาในการทำ งานโฆษณาเรื่องนึงอาจจะใช้เวลาทำ 1-2 เดือน งานภาพยนตร์เรื่องนึงอาจจะใช้เวลาครึ่งปีหรือมากกว่านั้น
3. จำนวนเงินที่ได้เมื่อหารกับเวลาที่ต้องเสียไปแล้ว บางทีได้น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐกำหนดด้วยซ้ำ
แล้วงานภาพยนตร์หรือละครเค้าใช้ใครทำ CG กันล่ะ
เราคิดว่าในส่วนของละคร อาจจะมีฝ่ายที่ผลิตงานตรงนี้เป็นของตัวเองอยู่บ้าง (เช่น กันตนา)
แต่บางคนไม่ได้ถนัดเทคนิคเฉพาะทาง หรือบางคนต้องทำหลายๆหน้าที่จนงานโหลด ทำกันไม่ทันก็มี
ในส่วนของภาพยนตร์ เท่าที่เคยประสบมา บางเรื่องงบน้อยจริงๆก็ ตัดปัญหาโดยการจ้าง freelance ไปเลย
บางเรื่องเป็นหนัง CG แต่ก็ได้แค่หา CG ที่รับเงินจำนวนนี้ได้มาทำ
แบบนี้จะได้งานสวยๆ มั้ย?
ตอบเลยว่าค่อนข้างยาก เพราะงาน CG เป็นงานที่ทำเป็นทีมแบ่งตามความถนัด ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งจะทำได้ดีทุกเทคนิค
บางคนเก่งทำน้ำ บางคนเก่งทำระเบิด บางคนเก่งทำโมเดล บางคนเก่ง composite (ต่างประเทศจะแบ่งเป็นฝ่ายชัดเจน)
และที่สำคัญที่สุดคือ การมีเวลาให้ test เนื่องจาก CG เป็นงานที่ต้องลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เพราะหนังแต่ละเรื่อง details ต่างกัน การ test ให้ทุกอย่างสวยจึงต้องการเวลา ยิ่งคนไม่ถนัดเทคนิคเฉพาะทาง
ยิ่งต้องการเวลามากเป็นสองสามเท่า ของคนที่เก่งอยู่แล้ว
แล้วการลดงบใช้ freelance หรือบริษัทเล็กจะส่งผลอย่างไร ?
เราขอสมมติตัวอย่าง เช่น ถ้าอยากสร้างเสือ 1 ตัวแบบ Life of pi ในหนัง 1 เรื่อง มี 30 shot ความยาวรวม 1 ชม. มันควรจะมีอะไรบ้าง
1. การ research ลักษณะของเสือ นิสัย การเคลื่อนไหว เพื่อเป็น reference ในการสร้าง
2. ภาพถ่ายความละเอียดสูง เก็บรายละเอียดผิวหนังส่วนต่างๆของเสือ
3. จำนวนคนที่เก่งเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับปริมาณงาน กรณีนี้สมมติว่า ใช้คนทำ 10 คน
4. ระยะเวลา 6-7 เดือน (สมมติ)
5. งบประมาณทั้งหมด 1 ล้านบาท (โดยสมตติว่า ตกเดือนละ 20,000/คน)
แต่สิ่งที่มีอยู่จริงในวงการเมืองไทยคือ
1. ไม่มีการ research ให้หาดูคลิปเสือจาก youtube
2. ไม่มีภาพถ่ายความละเอียดสูง ให้หาผิวหนังเสือเองจาก internet
3. ใช้ freelance คนเดียว หรือไม่เกิน 3 คน ตามงบที่มีอยู่
4. ระยะเวลาขอไม่เกิน 2-3 เดือน (ถ้าเป็น MV หรืองานโฆษณาบางทีเหลือแค่หน่วยวัน ละครที่ถ่ายไปออนแอร์ไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง)
5. งบประมาณ บางทีโดนกดลงไปเหลือหลักหมื่น พอทำเสร็จไม่จ่ายเงิน freelance ก็มี
กรณีข้างต้น เป็นกรณีตัวอย่างที่เรายกขึ้นมาให้เห็นว่า เป็นเรื่องยากที่เราจะเห็นงาน CG ดีๆ ในสภาพแวดล้อมแบบนี้
แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายเหมือนกันที่จะทำให้งานดีหรือไม่ดี เราขอยกลงไปต่อในความเห็นด้านล่างนะ
ระบบ CG เมืองไทยและงานดีๆ ที่หลายคนถามหา
เริ่มต้นจากคำถามว่า เมืองไทยไม่มี CG เก่งๆเลยหรอ ?
ส่วนตัวเราคิดว่ามี แต่เทียบสัดส่วนแล้วเป็นแค่คนหยิบมือนึง ที่รู้จักกันไปมาในวงการ ไม่ใช่วิชาชีพที่เก่งเกลื่อนกลาด
แล้วพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกันหมด ?
ตามธรรมชาติของคนเก่ง ก็มักจะอยู่ในที่ๆ เงินเดือนดี รายรับสูง
แต่ถามว่าในเมืองไทย ต้องทำ CG แบบไหนถึงจะมีเงินเดือนดี รายรับสูง
บอกเลยว่า ไม่ใช่วงการละครและภาพยนตร์อย่างแน่นอน
คนทำ CG เก่งๆในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะทำงานโฆษณา หรือไม่ก็รับทำงานให้ต่างประเทศ
หนัง/MV ต่างประเทศ หรือ animation ต่างประเทศ เป็นต้น
ทำงานโฆษณาและงานต่างประเทศได้เงินเยอะกว่ามากแค่ไหน?
เราขอเทียบพอประมาณว่า งบของโฆษณาความยาว 60วิ หรือ 30วิ บางรื่อง
เฉพาะค่าทำ CG เพียงส่วนเดียว สามารถทำหนังไทยคัทชนที่ยาว 2 ชม. ได้เรื่องนึง
เป็นเหตุผลว่า ทำไม CG เก่งๆถึงไม่ค่อยรับงานภาพยนตร์และละคร เพราะ
1. ปริมาณงานที่เยอะกว่ามหาศาล (เทียบจากความยาวของหนัง)
2. ระยะเวลาในการทำ งานโฆษณาเรื่องนึงอาจจะใช้เวลาทำ 1-2 เดือน งานภาพยนตร์เรื่องนึงอาจจะใช้เวลาครึ่งปีหรือมากกว่านั้น
3. จำนวนเงินที่ได้เมื่อหารกับเวลาที่ต้องเสียไปแล้ว บางทีได้น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐกำหนดด้วยซ้ำ
แล้วงานภาพยนตร์หรือละครเค้าใช้ใครทำ CG กันล่ะ
เราคิดว่าในส่วนของละคร อาจจะมีฝ่ายที่ผลิตงานตรงนี้เป็นของตัวเองอยู่บ้าง (เช่น กันตนา)
แต่บางคนไม่ได้ถนัดเทคนิคเฉพาะทาง หรือบางคนต้องทำหลายๆหน้าที่จนงานโหลด ทำกันไม่ทันก็มี
ในส่วนของภาพยนตร์ เท่าที่เคยประสบมา บางเรื่องงบน้อยจริงๆก็ ตัดปัญหาโดยการจ้าง freelance ไปเลย
บางเรื่องเป็นหนัง CG แต่ก็ได้แค่หา CG ที่รับเงินจำนวนนี้ได้มาทำ
แบบนี้จะได้งานสวยๆ มั้ย?
ตอบเลยว่าค่อนข้างยาก เพราะงาน CG เป็นงานที่ทำเป็นทีมแบ่งตามความถนัด ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งจะทำได้ดีทุกเทคนิค
บางคนเก่งทำน้ำ บางคนเก่งทำระเบิด บางคนเก่งทำโมเดล บางคนเก่ง composite (ต่างประเทศจะแบ่งเป็นฝ่ายชัดเจน)
และที่สำคัญที่สุดคือ การมีเวลาให้ test เนื่องจาก CG เป็นงานที่ต้องลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เพราะหนังแต่ละเรื่อง details ต่างกัน การ test ให้ทุกอย่างสวยจึงต้องการเวลา ยิ่งคนไม่ถนัดเทคนิคเฉพาะทาง
ยิ่งต้องการเวลามากเป็นสองสามเท่า ของคนที่เก่งอยู่แล้ว
แล้วการลดงบใช้ freelance หรือบริษัทเล็กจะส่งผลอย่างไร ?
เราขอสมมติตัวอย่าง เช่น ถ้าอยากสร้างเสือ 1 ตัวแบบ Life of pi ในหนัง 1 เรื่อง มี 30 shot ความยาวรวม 1 ชม. มันควรจะมีอะไรบ้าง
1. การ research ลักษณะของเสือ นิสัย การเคลื่อนไหว เพื่อเป็น reference ในการสร้าง
2. ภาพถ่ายความละเอียดสูง เก็บรายละเอียดผิวหนังส่วนต่างๆของเสือ
3. จำนวนคนที่เก่งเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับปริมาณงาน กรณีนี้สมมติว่า ใช้คนทำ 10 คน
4. ระยะเวลา 6-7 เดือน (สมมติ)
5. งบประมาณทั้งหมด 1 ล้านบาท (โดยสมตติว่า ตกเดือนละ 20,000/คน)
แต่สิ่งที่มีอยู่จริงในวงการเมืองไทยคือ
1. ไม่มีการ research ให้หาดูคลิปเสือจาก youtube
2. ไม่มีภาพถ่ายความละเอียดสูง ให้หาผิวหนังเสือเองจาก internet
3. ใช้ freelance คนเดียว หรือไม่เกิน 3 คน ตามงบที่มีอยู่
4. ระยะเวลาขอไม่เกิน 2-3 เดือน (ถ้าเป็น MV หรืองานโฆษณาบางทีเหลือแค่หน่วยวัน ละครที่ถ่ายไปออนแอร์ไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง)
5. งบประมาณ บางทีโดนกดลงไปเหลือหลักหมื่น พอทำเสร็จไม่จ่ายเงิน freelance ก็มี
กรณีข้างต้น เป็นกรณีตัวอย่างที่เรายกขึ้นมาให้เห็นว่า เป็นเรื่องยากที่เราจะเห็นงาน CG ดีๆ ในสภาพแวดล้อมแบบนี้
แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายเหมือนกันที่จะทำให้งานดีหรือไม่ดี เราขอยกลงไปต่อในความเห็นด้านล่างนะ