ก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกคับ แค่ประทับใจมากว่า
ปกติสังคม คนในเมือง เช่น กรุงเทพ มีแต่ คนทำหน้าบึ่งตึงใส่กัน อยากรู้จักทักไปไม่ตอบบ้างก็มี ทำให้ดูเหมือน ชีวิตคนในกรุงจะจืดชืด
ส่วนตัวผมเอง ก็เป็น หนึ่งในนั้น หน้าผมดุ แต่ผมไม่มีอะไรหรอก แค่โลกส่วนตัวสูงน่ะคับ ชอบฟังเพลง ตะลอน ด้วย สองเท้า เดินเที่ยว
และทุกๆที เวลาผมอยากปั่นจักรยาน ผมก็จะไปใช้บริการที่ สวนรถไฟ มีหลากหลาย รุ่นให้ขี่ [จักรยานทั่วๆไปสมัยเด็กที่เคยปั่นกัน]
เริ่มตั้งแต่ 20 บาท [จักรยานแม่บ้าน] ไปจนถึง 60 บาท [เสือภูเขาเบรกดิส]
ใน 1 อาทิตย์ วันไหนสักวันที่ผมว่างผมก็ จะไป โดยเริ่มเดินทางจาก ม.รามคำแหง ด้วยวินมอไซค์ 20 บาท ไปลงหน้าบิ๊กซีลาดพร้าว
ต่อด้วย นั่งรถเมล์ สาย 92 122 หรือ สายอื่นๆ ที่มันไป ถึง แยกเซ็นทรัลลาดพร้าว หรือ ยูเนี่ยนมอล ตี ซะ 8 บาท
และเดินต่อ ไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงที่หมาย นั่นคือ สวนรถไฟ ....
พอได้จักรยานที่พอไปวัดไปวาได้ [ดอกยางไม่หมด,เบรคดี,เบาะไม่เจ็บตูด] ก็เริ่มปั่นในสวน โดยมี เป้คู่ใจ ใส่ลำโพงคอม 1 คู่ แบตพกพา และมือถือ
ความจุเพลง 800 กว่าเพลง เปิดไป ขณะปั่น เวลาผมปั่นผ่าน คนอื่นก็จะมอง ในใจผมคิดแหล่ะ คิดว่าไอนี่บ้า เปิดเพลงปั่นจักรยาน
แต่ไม่เปนไร ความสุขผม และผมคิดว่าดีนะ เพราะ ปกติ ในสวน กฏเขา มี ว่า ปั่นจักรยาน เบี่ยงซ้าย วิ่งเบี่ยงขวา สวนมาอีกทาง
แต่บางคน เล่นปั่น คร่อมเลน ย้อนศรบ้าง กลางเลน บ้าง กะไม่ให้ ข้างหลังแซงกันเลยทีเดียว บางทีอยากเลี้ยวก็เลี้ยว อยากเบี่ยงก็เบี่ยง ไม่มองหลัง
ข้างหลังปั่นมาก็ ตู้ม กลายเป้นโกโก้ครั้นช์ แต่พอมีเสียงเพลงดังมาแต่ไกล พวกคุณก็รู้ได้เลยว่า มีจักรยานตามหลังมา ซึ่งก็ทำให้ปลอดภัยไปนิดนึง
ผมใช้เวลาทั้งวัน อยู่ใน สวนรถไฟ ปั่นสบายๆ 10 รอบ ต่อ 1 อาทิตย์ [1รอบในสวนประมาณ 3 กิโล]
ส่วนขากลับ ก็ตามเดิมคับ ซึ่งผมจะหมดค่าใช้จ่ายไปประมาณ 200 + บางทีอาจนั่งใต้ดินกลับ รถติด ปั่นรอบจัดจนเดินไม่ไหวก็มี
ส่วนผมก็ไม่รู้หรอกว่า มันเร็วแค่ไหน เพราะไม่มีไมค์แสดงให้เห็น
หลังจากวันนั้นผมก็ได้แต่คิดว่า มันน่าจะถึงเวลาที่เราจะมีจักรยานเป็นของตัวเองได้แล้วสักทีนะ หลังจากเลิกปั่นมา 5 เดือน
เพราะบางที จักรยานก็ไม่มีให้เช่า เพราะถ้าเป็น วัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด
จักรยานเช่า แทบไม่เหลือเลย มีมากกว่า 300 คัน ยังไม่พอเลย
ก็เลยไปสอยมาใช้เวลาศึกษา ข้อมูล เล็ง จักรยาน ก็ ปีนึง กว่าจะเก็บตังได้ก็ประมาณ 7 เดือน และแล้ว แท่นแทน แท๊น
Merida Matt 5D 2014 รวมออฟชั่น ทั้งหมด ก็ 14000 ถ้วน!!! แถมเป็นคันสุดท้ายของทางร้านที่มี เพราะมีแต่สีอื่นที่เข้ามา
และ อีก 6 เดือน รถปี 2015 ออก แต่ผมคงไม่รอล่ะ
วันแรก คับ ที่ได้เจ้านี้ มา แบกขึ้น BTS ก็เจอ พี่ท่านนึง แก พงกหัว ยิ้มให้ สองมือ ก็จูงจักรยานพับผ่านเข้าช่อง บัตรไป
ตอนนั้นผมคิดเลยว่า คนรู้จักเหรอ ไม่มั้ง แต่เขาทักเรานะ ก็รู้สึกดีคับ เหมือน อยู่ในอีกสังคมนึง
หลังจากนั้น ผมก็เจอเรื่อยๆคับ ปั่นรอบจัดมาพอดีถึงไฟแดง หอบแฮ่กๆ พี่แกก็มาจอดข้างๆพอดี ทัก สวัสดีคับ
ผมก็ ตกใจ ใครเนี่ย ... แต่ก็ทักกลับไป สวัสดีคับ และก็ คุยไป ปั่นไป เรื่อง จักรยาน สาวๆ บลาฯ
และก็หลายๆที่ คับ ปั่นไปคนเดียว เลาะข้างทาง ฝ่า ฝูง รถเมล์ซิ่ง ต้านลมคนเดียว เหนื่อยแทบขาดใจ หยุดปั่นก็ไม่ได้ รถเมล์ตามตูด
[ความเร็วตอนนั้น 38-40] ก็มี พี่ท่านนึง ปั่นหมอบผ่านมา และ ขึ้นไปต้านลมให้แทน และก็พูดตามเสียงลมที่ ตีผ่านหูผมมา
เหนื่อยมั้ยน้อง มาพี่ช่วย โอ้!!! ประทับใจจ๊อช ผมปั่นชลอความเร็วเพื่อที่จะหยิบน้ำมาดื่ม ตอนก้มไปหยิบน้ำ ก็ได้เห็นแสงมาจากข้างหลัง
เลยหันไปว่ามีอะไร รถเมล์ จี้ตูดเหรอ!!! ที่ไหนได้ พวกพี่ๆ ที่ปั่นหมอบ มาด้วย กัน มากันเป็นขบวน เลยคับ 4 5 คันได้ หมอบทั้งนั้น
มีผมคนเดียว ที่ปั่นเสือ ตอนนั้น มีแรงฮึดคับ คึกคักกะปักกิ่ง ปั่นรอบจัด ไม่อยากเป็นภาระของพี่เขา แต่สุดท้ายก็ตายที่ ไมล์ 42 สุดแรงแล้ว
เลยขอลาจร จากพี่เขา มานั่งหอบข้างทางแทน โอยจะตาย ใจเต้นรัวมาก แต่บอกตรงๆ สนุก คับ
สำหรับผม จักรยาน ได้ มิตรภาพเพิ่มขึ้น ได้เพื่อนต่างวัย โดยไม่แบ่งชนชั้นกัน คุยกัน ด้วย จักรยาน ทักทาย ด้วย จักรยาน และอื่นๆที่คน ในกรุงไม่ค่อยแสดงออกมา ทั้งๆที่ อยู่ข้างใน แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ที่ลังเล จะปั่นจักรยาน มาปั่นกันเถอะคับ แล้ว คุณจะได้อะไรจากมันอีกเยอะ !!!
ปัจจุบัน ใน 1 อาทิตย์ 1วันที่ผมว่าง ผมปั่นไปกลับ จาก ม.รามคำแหง ไป สวนรถไฟ และปั่นใน สวนอีก 10 รอบ มาดูไมล์จักรยาน ประมาณ 59 กิโล
เวลา นั่งส้วม แต่ก่อน ต้นขาผมใหญ่ นั่งที ต้นขาชนกันปิด ใช้สายยางฉีดไม่ได้เลย แต่พอมาปั่นจักรยานเพียงแค่ไม่นาน ต้นขาผมก็เริ่มห่างออกจากกัน
เดินก็เหมือนกัน ต้นขาชอบเสียดสีกันตลอด ทำให้ เป็นผื่นแดง แต่หลังจากนั้น มันก็ไม่ค่อยโดนกันเลย เพราะ จักรยานเลยนะ เนี่ย
ผมขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่อ่านกัน ทุกตัวอักษร ถ้ามีโอกาสได้เจอกัน ก็ทักกันได้นะคับ ขอบคุณคับ
ปั่นจักรยาน แล้วได้เพื่อนใหม่โดยไม่รู้ตัว
ปกติสังคม คนในเมือง เช่น กรุงเทพ มีแต่ คนทำหน้าบึ่งตึงใส่กัน อยากรู้จักทักไปไม่ตอบบ้างก็มี ทำให้ดูเหมือน ชีวิตคนในกรุงจะจืดชืด
ส่วนตัวผมเอง ก็เป็น หนึ่งในนั้น หน้าผมดุ แต่ผมไม่มีอะไรหรอก แค่โลกส่วนตัวสูงน่ะคับ ชอบฟังเพลง ตะลอน ด้วย สองเท้า เดินเที่ยว
และทุกๆที เวลาผมอยากปั่นจักรยาน ผมก็จะไปใช้บริการที่ สวนรถไฟ มีหลากหลาย รุ่นให้ขี่ [จักรยานทั่วๆไปสมัยเด็กที่เคยปั่นกัน]
เริ่มตั้งแต่ 20 บาท [จักรยานแม่บ้าน] ไปจนถึง 60 บาท [เสือภูเขาเบรกดิส]
ใน 1 อาทิตย์ วันไหนสักวันที่ผมว่างผมก็ จะไป โดยเริ่มเดินทางจาก ม.รามคำแหง ด้วยวินมอไซค์ 20 บาท ไปลงหน้าบิ๊กซีลาดพร้าว
ต่อด้วย นั่งรถเมล์ สาย 92 122 หรือ สายอื่นๆ ที่มันไป ถึง แยกเซ็นทรัลลาดพร้าว หรือ ยูเนี่ยนมอล ตี ซะ 8 บาท
และเดินต่อ ไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงที่หมาย นั่นคือ สวนรถไฟ ....
พอได้จักรยานที่พอไปวัดไปวาได้ [ดอกยางไม่หมด,เบรคดี,เบาะไม่เจ็บตูด] ก็เริ่มปั่นในสวน โดยมี เป้คู่ใจ ใส่ลำโพงคอม 1 คู่ แบตพกพา และมือถือ
ความจุเพลง 800 กว่าเพลง เปิดไป ขณะปั่น เวลาผมปั่นผ่าน คนอื่นก็จะมอง ในใจผมคิดแหล่ะ คิดว่าไอนี่บ้า เปิดเพลงปั่นจักรยาน
แต่ไม่เปนไร ความสุขผม และผมคิดว่าดีนะ เพราะ ปกติ ในสวน กฏเขา มี ว่า ปั่นจักรยาน เบี่ยงซ้าย วิ่งเบี่ยงขวา สวนมาอีกทาง
แต่บางคน เล่นปั่น คร่อมเลน ย้อนศรบ้าง กลางเลน บ้าง กะไม่ให้ ข้างหลังแซงกันเลยทีเดียว บางทีอยากเลี้ยวก็เลี้ยว อยากเบี่ยงก็เบี่ยง ไม่มองหลัง
ข้างหลังปั่นมาก็ ตู้ม กลายเป้นโกโก้ครั้นช์ แต่พอมีเสียงเพลงดังมาแต่ไกล พวกคุณก็รู้ได้เลยว่า มีจักรยานตามหลังมา ซึ่งก็ทำให้ปลอดภัยไปนิดนึง
ผมใช้เวลาทั้งวัน อยู่ใน สวนรถไฟ ปั่นสบายๆ 10 รอบ ต่อ 1 อาทิตย์ [1รอบในสวนประมาณ 3 กิโล]
ส่วนขากลับ ก็ตามเดิมคับ ซึ่งผมจะหมดค่าใช้จ่ายไปประมาณ 200 + บางทีอาจนั่งใต้ดินกลับ รถติด ปั่นรอบจัดจนเดินไม่ไหวก็มี
ส่วนผมก็ไม่รู้หรอกว่า มันเร็วแค่ไหน เพราะไม่มีไมค์แสดงให้เห็น
หลังจากวันนั้นผมก็ได้แต่คิดว่า มันน่าจะถึงเวลาที่เราจะมีจักรยานเป็นของตัวเองได้แล้วสักทีนะ หลังจากเลิกปั่นมา 5 เดือน
เพราะบางที จักรยานก็ไม่มีให้เช่า เพราะถ้าเป็น วัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด
จักรยานเช่า แทบไม่เหลือเลย มีมากกว่า 300 คัน ยังไม่พอเลย
ก็เลยไปสอยมาใช้เวลาศึกษา ข้อมูล เล็ง จักรยาน ก็ ปีนึง กว่าจะเก็บตังได้ก็ประมาณ 7 เดือน และแล้ว แท่นแทน แท๊น
Merida Matt 5D 2014 รวมออฟชั่น ทั้งหมด ก็ 14000 ถ้วน!!! แถมเป็นคันสุดท้ายของทางร้านที่มี เพราะมีแต่สีอื่นที่เข้ามา
และ อีก 6 เดือน รถปี 2015 ออก แต่ผมคงไม่รอล่ะ
วันแรก คับ ที่ได้เจ้านี้ มา แบกขึ้น BTS ก็เจอ พี่ท่านนึง แก พงกหัว ยิ้มให้ สองมือ ก็จูงจักรยานพับผ่านเข้าช่อง บัตรไป
ตอนนั้นผมคิดเลยว่า คนรู้จักเหรอ ไม่มั้ง แต่เขาทักเรานะ ก็รู้สึกดีคับ เหมือน อยู่ในอีกสังคมนึง
หลังจากนั้น ผมก็เจอเรื่อยๆคับ ปั่นรอบจัดมาพอดีถึงไฟแดง หอบแฮ่กๆ พี่แกก็มาจอดข้างๆพอดี ทัก สวัสดีคับ
ผมก็ ตกใจ ใครเนี่ย ... แต่ก็ทักกลับไป สวัสดีคับ และก็ คุยไป ปั่นไป เรื่อง จักรยาน สาวๆ บลาฯ
และก็หลายๆที่ คับ ปั่นไปคนเดียว เลาะข้างทาง ฝ่า ฝูง รถเมล์ซิ่ง ต้านลมคนเดียว เหนื่อยแทบขาดใจ หยุดปั่นก็ไม่ได้ รถเมล์ตามตูด
[ความเร็วตอนนั้น 38-40] ก็มี พี่ท่านนึง ปั่นหมอบผ่านมา และ ขึ้นไปต้านลมให้แทน และก็พูดตามเสียงลมที่ ตีผ่านหูผมมา
เหนื่อยมั้ยน้อง มาพี่ช่วย โอ้!!! ประทับใจจ๊อช ผมปั่นชลอความเร็วเพื่อที่จะหยิบน้ำมาดื่ม ตอนก้มไปหยิบน้ำ ก็ได้เห็นแสงมาจากข้างหลัง
เลยหันไปว่ามีอะไร รถเมล์ จี้ตูดเหรอ!!! ที่ไหนได้ พวกพี่ๆ ที่ปั่นหมอบ มาด้วย กัน มากันเป็นขบวน เลยคับ 4 5 คันได้ หมอบทั้งนั้น
มีผมคนเดียว ที่ปั่นเสือ ตอนนั้น มีแรงฮึดคับ คึกคักกะปักกิ่ง ปั่นรอบจัด ไม่อยากเป็นภาระของพี่เขา แต่สุดท้ายก็ตายที่ ไมล์ 42 สุดแรงแล้ว
เลยขอลาจร จากพี่เขา มานั่งหอบข้างทางแทน โอยจะตาย ใจเต้นรัวมาก แต่บอกตรงๆ สนุก คับ
สำหรับผม จักรยาน ได้ มิตรภาพเพิ่มขึ้น ได้เพื่อนต่างวัย โดยไม่แบ่งชนชั้นกัน คุยกัน ด้วย จักรยาน ทักทาย ด้วย จักรยาน และอื่นๆที่คน ในกรุงไม่ค่อยแสดงออกมา ทั้งๆที่ อยู่ข้างใน แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ที่ลังเล จะปั่นจักรยาน มาปั่นกันเถอะคับ แล้ว คุณจะได้อะไรจากมันอีกเยอะ !!!
ปัจจุบัน ใน 1 อาทิตย์ 1วันที่ผมว่าง ผมปั่นไปกลับ จาก ม.รามคำแหง ไป สวนรถไฟ และปั่นใน สวนอีก 10 รอบ มาดูไมล์จักรยาน ประมาณ 59 กิโล
เวลา นั่งส้วม แต่ก่อน ต้นขาผมใหญ่ นั่งที ต้นขาชนกันปิด ใช้สายยางฉีดไม่ได้เลย แต่พอมาปั่นจักรยานเพียงแค่ไม่นาน ต้นขาผมก็เริ่มห่างออกจากกัน
เดินก็เหมือนกัน ต้นขาชอบเสียดสีกันตลอด ทำให้ เป็นผื่นแดง แต่หลังจากนั้น มันก็ไม่ค่อยโดนกันเลย เพราะ จักรยานเลยนะ เนี่ย
ผมขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่อ่านกัน ทุกตัวอักษร ถ้ามีโอกาสได้เจอกัน ก็ทักกันได้นะคับ ขอบคุณคับ