ตอนนี้กระแสข่าวของนิตยสารการ์ตูน BooM จะปิดตัวลงหนาหูมาก
(ทั้งๆที่เพิ่งเปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็นเครื่องหมาย อินฟินิตี้ = "ความไม่มีที่สิ้นสุด" มาแท้ๆ)
ผมอยากจะแชร์ประสบการ์ณในฐานะที่เป็นคนคนนึงที่เมื่อก่อนตามซื้อนิตยสารหัวนี้มาตลอด และอยากชวนคนในห้องการ์ตูนนี้มาพูดคุยกัน
เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ประถมไล่มาจน มัธยมปลาย ซื้อทุกอาทิตย์ ทั้ง BooM ทั้ง C-Kids เป็นคนเดียวในห้องที่ซื้อ ทุกๆเช้าจะมีเพื่อนๆมารออ่าน C-Kids BooM 2 เล่ม ต่อคิวอ่านกันครึ่งห้องเป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ จนจบ มัธยม 6 ยังจำคำพูดตอนแยกย้ายกับเพื่อนสนิทคนนึงไปเรียนกันต่างมหาลัย
"แล้วต่อไป G_ จะไปหา BooM กะ C-Kids อ่านได้ที่ไหนวะ?"
(เห็นประโยชน์กันแค่นี้??)
เข้ามหาลัยได้ปีกว่าๆ เจอเรื่องเรียน เรื่องอะไรๆต่อมิอะไรมากมาย +กับพอซื้อๆทุกสัปดาห์ ทุกเดือน เป็นปีๆ มันก็รกห้องไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ไหน ก็เลิกซื้อเริ่มจาก C-Kids แต่ยังตามซื้อ BooM เพราะรู้สึกว่าชอบ รู้สึกว่าคุ้มเพราะมีหน้าสี่เหมือนต้นฉบับมาให้
แต่บรรยากาศการอ่านแตกต่างกันสิ้นเชิงกับตอนมัธยมตรงที่ไม่เคยมีใครมาขออ่านอีกแล้ว เวลานั่งอ่านตอนเช้าๆ บางทีก็มีเพื่อนสนิทบ้าง ไม่สนิทบ้าง มีสาวๆมาแซวบ้าง "ยังไม่เลิกอ่านการ์ตูนอีกเหรอ" จนบางทีก็เขินตัวเองซื้อมาก็ต้องเก็บไว้รออ่านตอนเย็นเวลาถึงบ้านแล้ว
ยังคงซื้อ BooM จนจบมหาลัย......
จบมหาลัย เตะฝุ่นไม่มีงานทำอยู่ ปีกว่าๆ บุพการีไม่เคยด่าว่าเรื่องซื้อการ์ตูน เพราะเป็นสิ่งที่เรารัก เค้าไม่ได้มองว่าไร้สาระเหมือนผู้ใหญ่ไดโนเสาร์หลายๆคน (แม่ผมอ่านรักม่า 1/2 ด้วยนะเออ) แต่ไม่ต้องให้ใครเตือน เป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ต้องรู้ตัวเอง ในสภาวะที่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเก็บเป็นเรื่องเป็นราว ขอเงินแม่ แม่ก็ให้แต่มันละอายใจ มาวันนึงมองรอบๆห้องมีแต่หนังสือ กับนิตยสาร BooM เป็นตั้งๆปีต่อปีเรียงกันแทบไม่มีที่เก็บ
คิดในใจระหว่างไม่มีงานทำต้องตัดอะไรที่เป็นรายจ่ายทิ้งบ้าง การ์ตูนชุดใหญ่ที่อ่านแล้วไม่ค่อยสนุกแต่เหมือนซื้อตามหน้าที่โดนเอาไปปล่อย
แน่นอนรวมถึงเลิกซื้อนิตยสาร BooM
สารภาพว่า ตอนนั้น จากสิ่งที่"รักมาก" กลายเป็น "รกมาก"และเป็น"ส่วนเกิน" ไปแล้ว....
แต่ยังแอบคิดอยู่ในใจว่าหางานทำได้เมื่อไหร่ ค่อยมาตามใหม่
ผมได้งานเป็นมั่นเป็นเหมาะ และ ก็เป็นยุคของเทคโนโลยีจากทั่วโลกเติบโตเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ.......จนก่อโรคขึ้นมาโรคหนึ่งในโลกการ์ตูน
"โรค Spoil"
เอาจริงๆ โรคนี้มีมาตั้งแต่ผมเรียนมหาลัยละ แต่ผมก็เป็นคนนึงน่ะนะที่ต่อต้านสุดพลัง อ่านในเน็ตจะสู้อ่านจากหนังสือ นิตยสารรายสัปดาห์ได้ไง?
ต่อต้านมาตลอด จนช่วงหางานไม่ได้นี่แหละที่ผมคิดว่าเปิดใจรับหน่อยๆคงไม่เสียหาย เครียดจากหางานไม่ได้แล้ว การ์ตูนก็ต้องเลิกซื้อ นิดๆหน่อยๆแล้วกัน.....
ผมทำงานมาแล้ว 4ปี กว่า........ วันนึงผมก็รู้ตัว ผมก็เหมือนหลายต่อหลายคนในนี้ ผมติดโรค Spoil ซะแล้ว เต็มๆและขั้นรุนแรง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเลิกต่อต้านโรคนี้ และไม่เคยคิดกลับไปซื้อ BooM อีกเลย....... ความตื่นเต้นในแต่ละสัปดาห์ในการรออ่านการ์ตูนตอนต่อตอนมันหายไปหมด
สิ่งเร้ามากมาย งานปาร์ตี้สังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง ที่ทำงาน สิ่งของจำเป็นต่างๆที่ต้องซื้อ ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเองต่างๆ จากเงินเดือนตัวเอง ความคิดที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้ผมคิดว่าการเสียเงินซื้อ นิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ เป็นเรื่อง "ไม่จำเป็น"และ"ไร้สาระ"ไปเสียแล้ว.....
จนเมื่อไม่นาน นิตยสาร BooM สมัยที่ยังซื้อที่เก็บไว้อย่างดีในตู้ ถูกเอาไปชั่งกิโลขาย แบบชนิดที่ตัวเอง"ไม่ได้รู้สึกเสียดายเท่าไหร่" ไม่เหมือนตอนที่เพื่อนต่างห้องคนนึงมาขอยืมแล้วไม่คืน ถึงกับตัดเพื่อน และต้องไปตามหาซื้อมาใหม่เพราะกลัวไม่เข้าชุด สุดท้ายหาไม่มีถูกเรียกคืนไปแล้ว และทุกวันนี้ก็ไม่เคยคุยกับเพื่อนคนนั้นอีก เพราะ Boom 1 เล่ม....หน้าปก ฮิคารุ (จำได้จนถึงทุกวันนี้)
ก็อย่างที่สารภาพมา ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้กลับไปซื้อ พอได้ยินข่าวนี้ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ คิดว่าคงเป็นแค่ข่าวโคมลอย ผมเคยคิดเล่นๆว่า "เดี๋ยวเด็กรุ่นใหม่ๆก็ซื้อเองแหละ" เราไม่ซื้อคนเดียวจะเป็นไรไป แต่ก็ลืมนึกไป เด็กๆพวกนั้นท่ามกลางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ติด โรค Spoil กันหมดไม่ได้เหมือนยุดก่อนๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ญี่ปุ่น นำเราไปกี่ตอนต่อกี่ตอน
ทุกวันนี้ยังตามซื้อรวมเล่มจากใน BooM อยู่ อย่าง Sket Dance , HUNTER x HUNTER , Naruto , BLEACH (ถึงเรื่องหลังสุดจะซื้อตามหน้าที่ก็เหอะ)
แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรในการเพิ่มยอดของ BooM อยู่แล้ว
ผมคงไม่มีหน้าจะมาพูดว่า "ถ้าข่าวนั้นไม่จริง ผมจะกลับไปตามซื้อ BooM ทุกอาทิตย์เหมือนเดิม" มันดูละครและน้ำเน่าไปหน่อย เหมือนคนรักกันแต่เลิกกันไปแล้วพอมารู้ทีหลังว่า คนนั้นกำลังจะตาย ก็เลยจะกลับไปเพราะความสงสาร และก็คงไม่มานั่งบอกเด็กๆรุ่นใหม่ๆว่าอย่าอ่าน Spoil เลยนะ อย่าเป็นโรคนี้เลย ในเมื่อผมก็เป็น
แต่ก็อดที่จะบอกว่า "เสียใจ" ไม่ได้ถ้าข่าวนั้นเป็นเรื่องจริง.......
มีพบก็ต้องมีจาก ถ้าถึงเวลาจริงๆก็จะ ไม่มีวันลืม......
BooM.....
ป.ล ตอนแรกตั้งใจจะเขียนสั้นๆไปๆมาๆเหมือนความทรงจำเก่าๆมันผุดขึ้นมาเรื่อยๆ อย่าหาว่าดราม่ากันนะครับ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นงั้น เอาเป็นว่า ขา BooM ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเลิกซื้อไปแล้ว หรือยังซื้ออยู่มาแชร์ความรู้สึกกันหน่อยแล้วกันครับ
ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านนะครับ
คำสารภาพของคนที่เลิกซื้อ BooM.....
(ทั้งๆที่เพิ่งเปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็นเครื่องหมาย อินฟินิตี้ = "ความไม่มีที่สิ้นสุด" มาแท้ๆ)
ผมอยากจะแชร์ประสบการ์ณในฐานะที่เป็นคนคนนึงที่เมื่อก่อนตามซื้อนิตยสารหัวนี้มาตลอด และอยากชวนคนในห้องการ์ตูนนี้มาพูดคุยกัน
เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ประถมไล่มาจน มัธยมปลาย ซื้อทุกอาทิตย์ ทั้ง BooM ทั้ง C-Kids เป็นคนเดียวในห้องที่ซื้อ ทุกๆเช้าจะมีเพื่อนๆมารออ่าน C-Kids BooM 2 เล่ม ต่อคิวอ่านกันครึ่งห้องเป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ จนจบ มัธยม 6 ยังจำคำพูดตอนแยกย้ายกับเพื่อนสนิทคนนึงไปเรียนกันต่างมหาลัย
"แล้วต่อไป G_ จะไปหา BooM กะ C-Kids อ่านได้ที่ไหนวะ?"
(เห็นประโยชน์กันแค่นี้??)
เข้ามหาลัยได้ปีกว่าๆ เจอเรื่องเรียน เรื่องอะไรๆต่อมิอะไรมากมาย +กับพอซื้อๆทุกสัปดาห์ ทุกเดือน เป็นปีๆ มันก็รกห้องไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ไหน ก็เลิกซื้อเริ่มจาก C-Kids แต่ยังตามซื้อ BooM เพราะรู้สึกว่าชอบ รู้สึกว่าคุ้มเพราะมีหน้าสี่เหมือนต้นฉบับมาให้
แต่บรรยากาศการอ่านแตกต่างกันสิ้นเชิงกับตอนมัธยมตรงที่ไม่เคยมีใครมาขออ่านอีกแล้ว เวลานั่งอ่านตอนเช้าๆ บางทีก็มีเพื่อนสนิทบ้าง ไม่สนิทบ้าง มีสาวๆมาแซวบ้าง "ยังไม่เลิกอ่านการ์ตูนอีกเหรอ" จนบางทีก็เขินตัวเองซื้อมาก็ต้องเก็บไว้รออ่านตอนเย็นเวลาถึงบ้านแล้ว
ยังคงซื้อ BooM จนจบมหาลัย......
จบมหาลัย เตะฝุ่นไม่มีงานทำอยู่ ปีกว่าๆ บุพการีไม่เคยด่าว่าเรื่องซื้อการ์ตูน เพราะเป็นสิ่งที่เรารัก เค้าไม่ได้มองว่าไร้สาระเหมือนผู้ใหญ่ไดโนเสาร์หลายๆคน (แม่ผมอ่านรักม่า 1/2 ด้วยนะเออ) แต่ไม่ต้องให้ใครเตือน เป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ต้องรู้ตัวเอง ในสภาวะที่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเก็บเป็นเรื่องเป็นราว ขอเงินแม่ แม่ก็ให้แต่มันละอายใจ มาวันนึงมองรอบๆห้องมีแต่หนังสือ กับนิตยสาร BooM เป็นตั้งๆปีต่อปีเรียงกันแทบไม่มีที่เก็บ
คิดในใจระหว่างไม่มีงานทำต้องตัดอะไรที่เป็นรายจ่ายทิ้งบ้าง การ์ตูนชุดใหญ่ที่อ่านแล้วไม่ค่อยสนุกแต่เหมือนซื้อตามหน้าที่โดนเอาไปปล่อย
แน่นอนรวมถึงเลิกซื้อนิตยสาร BooM
สารภาพว่า ตอนนั้น จากสิ่งที่"รักมาก" กลายเป็น "รกมาก"และเป็น"ส่วนเกิน" ไปแล้ว....
แต่ยังแอบคิดอยู่ในใจว่าหางานทำได้เมื่อไหร่ ค่อยมาตามใหม่
ผมได้งานเป็นมั่นเป็นเหมาะ และ ก็เป็นยุคของเทคโนโลยีจากทั่วโลกเติบโตเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ.......จนก่อโรคขึ้นมาโรคหนึ่งในโลกการ์ตูน
"โรค Spoil"
เอาจริงๆ โรคนี้มีมาตั้งแต่ผมเรียนมหาลัยละ แต่ผมก็เป็นคนนึงน่ะนะที่ต่อต้านสุดพลัง อ่านในเน็ตจะสู้อ่านจากหนังสือ นิตยสารรายสัปดาห์ได้ไง?
ต่อต้านมาตลอด จนช่วงหางานไม่ได้นี่แหละที่ผมคิดว่าเปิดใจรับหน่อยๆคงไม่เสียหาย เครียดจากหางานไม่ได้แล้ว การ์ตูนก็ต้องเลิกซื้อ นิดๆหน่อยๆแล้วกัน.....
ผมทำงานมาแล้ว 4ปี กว่า........ วันนึงผมก็รู้ตัว ผมก็เหมือนหลายต่อหลายคนในนี้ ผมติดโรค Spoil ซะแล้ว เต็มๆและขั้นรุนแรง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเลิกต่อต้านโรคนี้ และไม่เคยคิดกลับไปซื้อ BooM อีกเลย....... ความตื่นเต้นในแต่ละสัปดาห์ในการรออ่านการ์ตูนตอนต่อตอนมันหายไปหมด
สิ่งเร้ามากมาย งานปาร์ตี้สังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง ที่ทำงาน สิ่งของจำเป็นต่างๆที่ต้องซื้อ ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเองต่างๆ จากเงินเดือนตัวเอง ความคิดที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้ผมคิดว่าการเสียเงินซื้อ นิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ เป็นเรื่อง "ไม่จำเป็น"และ"ไร้สาระ"ไปเสียแล้ว.....
จนเมื่อไม่นาน นิตยสาร BooM สมัยที่ยังซื้อที่เก็บไว้อย่างดีในตู้ ถูกเอาไปชั่งกิโลขาย แบบชนิดที่ตัวเอง"ไม่ได้รู้สึกเสียดายเท่าไหร่" ไม่เหมือนตอนที่เพื่อนต่างห้องคนนึงมาขอยืมแล้วไม่คืน ถึงกับตัดเพื่อน และต้องไปตามหาซื้อมาใหม่เพราะกลัวไม่เข้าชุด สุดท้ายหาไม่มีถูกเรียกคืนไปแล้ว และทุกวันนี้ก็ไม่เคยคุยกับเพื่อนคนนั้นอีก เพราะ Boom 1 เล่ม....หน้าปก ฮิคารุ (จำได้จนถึงทุกวันนี้)
ก็อย่างที่สารภาพมา ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้กลับไปซื้อ พอได้ยินข่าวนี้ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ คิดว่าคงเป็นแค่ข่าวโคมลอย ผมเคยคิดเล่นๆว่า "เดี๋ยวเด็กรุ่นใหม่ๆก็ซื้อเองแหละ" เราไม่ซื้อคนเดียวจะเป็นไรไป แต่ก็ลืมนึกไป เด็กๆพวกนั้นท่ามกลางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ติด โรค Spoil กันหมดไม่ได้เหมือนยุดก่อนๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ญี่ปุ่น นำเราไปกี่ตอนต่อกี่ตอน
ทุกวันนี้ยังตามซื้อรวมเล่มจากใน BooM อยู่ อย่าง Sket Dance , HUNTER x HUNTER , Naruto , BLEACH (ถึงเรื่องหลังสุดจะซื้อตามหน้าที่ก็เหอะ)
แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรในการเพิ่มยอดของ BooM อยู่แล้ว
ผมคงไม่มีหน้าจะมาพูดว่า "ถ้าข่าวนั้นไม่จริง ผมจะกลับไปตามซื้อ BooM ทุกอาทิตย์เหมือนเดิม" มันดูละครและน้ำเน่าไปหน่อย เหมือนคนรักกันแต่เลิกกันไปแล้วพอมารู้ทีหลังว่า คนนั้นกำลังจะตาย ก็เลยจะกลับไปเพราะความสงสาร และก็คงไม่มานั่งบอกเด็กๆรุ่นใหม่ๆว่าอย่าอ่าน Spoil เลยนะ อย่าเป็นโรคนี้เลย ในเมื่อผมก็เป็น
แต่ก็อดที่จะบอกว่า "เสียใจ" ไม่ได้ถ้าข่าวนั้นเป็นเรื่องจริง.......
มีพบก็ต้องมีจาก ถ้าถึงเวลาจริงๆก็จะ ไม่มีวันลืม......
BooM.....
ป.ล ตอนแรกตั้งใจจะเขียนสั้นๆไปๆมาๆเหมือนความทรงจำเก่าๆมันผุดขึ้นมาเรื่อยๆ อย่าหาว่าดราม่ากันนะครับ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นงั้น เอาเป็นว่า ขา BooM ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเลิกซื้อไปแล้ว หรือยังซื้ออยู่มาแชร์ความรู้สึกกันหน่อยแล้วกันครับ
ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านนะครับ