หนังระทึกขวัญ “13 เกมสยอง” ฉบับฮอลลีวูดที่เพิ่งปล่อยตัวอย่างให้ชมกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำท่าจะอนาคตไม่สดใสเสียแล้ว หลังบทวิจารณ์แรกๆ แทบจะมีความเห็นไปในแง่ลบเหมือนกันหมด ว่าหนังดูจะเหมาะกับการรอดูแผ่นอยู่บ้านเท่านั้น
13 เกมสยอง หนังระทึกขวัญของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล อาจจะไม่ได้ทำเงินมากนักในการฉายเมื่อปี 2006 แต่เนื้อหาแปลกใหม่ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสั้นของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ กลับทำให้หนังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ และยังโด่งดังในตลาด DVD ต่างประเทศ ถึงขั้นถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในฉบับฮอลลีวูด ซึ่งล่าสุดหนังรีเมกที่ใช้ชื่อว่า 13 Sins ภายใต้การกำกับของ แดเนียล สแตมม์ แห่งหนัง The Last Exorcism ก็กำลังจะมีกำหนดลงโรงในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้แล้ว
โดยในหนังฉบับอินเตอร์ มาร์ค เว็บเบอร์ รับบทเป็น เอลเลียต เซลส์แมนหนุ่มที่ชีวิตกำลังตกต่ำอย่างหนัก เมื่อเขาต้องกลายเป็นคนตกงาน ทั้งๆ ที่แฟนสาวกำลังท้องแก่ใกล้คลอด นอกจากนั้นยังมีภาระที่ต้องดูแลน้องชายผู้มีปัญหาทางจิต กับพ่อซึ่งมีปัญหาในการเข้าสังคมด้วย
แต่แล้วจู่ๆ ตัวเอกของเรื่องก็ได้รับโทรศัพท์ลึกลับ พร้อมยื่นข้อเสนอภารกิจ 13 ข้อ ที่หากเขาทำได้ทั้งหมดก็จะได้รับเงินก้อนโตเป็นรางวัล เริ่มจากโจทย์ง่ายๆ ก่อนจะค่อยๆ โหดหิน และเข้าขั้นวิปริตขึ้นเรื่อยๆ
13 Sins เพิ่งมีโอกาสได้ฉายรอบพิเศษ ณ เทศกาลหนัง SXSW ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนักวิจารณ์จากเว็บไซต์ Flixist.com เปรยว่าเขาคาดหวังว่าหนังน่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่บ้าง เพราะมีงานต้นฉบับเป็นหนังไทยที่นักวิจารณ์ชาวต่างชาติบอกว่า “สร้างสรรค์ และตึงเครียดดี”
สุดท้ายนักเขียนของ Flixist.com กลับพบว่า 13 Sins ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่คิดเลย “ด้วยเรื่องราวที่เล่าแบบซ้ำเดิมไปเรื่อย โดยไม่มีไอเดียใหม่ๆ เพียงพอ หนังเป็นอะไรที่ก้ำกึ่งระหว่างการเป็นหนังระทึกขวัญ และหนังแนวโหดเลือดสาด ที่อยู่ๆ หนังก็เหมือนสูญเสียตัวของตัวเองที่ว่าด้วยการเล่นเกมสุดเพี้ยนไป เพราะมัวแต่จะพยายามเซอร์ไพรซ์คนดูอยู่ตลอดเวลา”
Flixist.com สรุปว่า “13 Sins เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง, ไม่มีอะไรใหม่, ไม่มีอะไรพิเศษ ถ้าอยากดูก็รอเช่าเอาดีกว่า” พร้อมให้คะแนนหนังอยู่ที่ 54/100
ส่วนนักวิจารณ์จาก Moviemezzanine.com ก็บอกว่านอกจากจะรีเมก 13 เกมสยอง โดยตรงแล้ว 13 Sins ยังหยิบยืมองค์ประกอบบางอย่างมาจาก The Game ของ เดวิด ฟินเชอร์ และหนังอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งหนังพวกนั้นคุณภาพดีกว่าเรื่องนี้เยอะ
“หนังเริ่มต้นอย่างน่าสนใจ ด้วยการใส่อารมณ์ขันเข้าไปในเรื่องราวลึกลับ แต่หลังจากนั้นหนังก็ดูจะเครียดขึ้นเรื่อยๆ และเล่าเรื่องกันอย่างทื่อๆ” แบบที่นักวิจารณ์มองว่าอาจจะเป็นความตั้งใจในการเล่าเรื่องเพื่อสะท้อนสภาพจิตใจของตัวละครก็ได้
โดยนักวิจารณ์สำนักนี้ให้เกรดหนัง D+
สำหรับ จัสติน ฉาง จากสื่อดัง Variety.com ก็มองคล้ายๆ กันว่า 13 Sins เริ่มเรื่องอย่างน่าสนใจ ด้วยอารมณ์ตลกร้าย และความตึงเครียด แต่แล้วหนังกลับไปเน้นฉากโหดเหี้ยมเกินพิกัดที่รุนแรงจนทำลายเนื้อหาหลัก ซึ่งว่าด้วยโลกแห่งวัตถุนิยม และความอันตรายเมื่อมนุษย์พยายามเล่นบทพระเจ้าอย่างที่พยายามจะนำเสนอในตอนแรก
สุดท้าย 13 Sins จึงน่าจะสร้างความบันเทิงได้เฉพาะกับเด็กๆ ที่ต้องการความตื่นเต้นแบบสุดโต่งจากความรุนแรง "หนังไม่น่าจะไปได้ไกลบนตารางหนังทำเงินแบบหนังเรื่องก่อนของ สแตมม์ (The Last Exorcism ที่ใช้ทุนสร้างแค่ 1.8 ล้าน แต่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 67 ล้านเหรียญฯ) Dimension Films จึงคงส่งลงโรงแบบไม่หวังอะไรมาก ก่อนจะไปลุ้นกับการขายผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต หรือตลาดโฮมวิดีโอแทน"
13 Sins เป็นผลงานการสร้างโดย Dimension Films ที่ใช้ทุนสร้างประมาณ 5 ล้านเหรียญฯ และมีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐฯ ในวันที่ 18 เม.ย. ที่จะถึงนี้
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000028856
นักวิจารณ์ต่างชาติฟันธง “13 เกมสยอง ฉบับฮอลลีวูด” รอแผ่นก็พอ
หนังระทึกขวัญ “13 เกมสยอง” ฉบับฮอลลีวูดที่เพิ่งปล่อยตัวอย่างให้ชมกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำท่าจะอนาคตไม่สดใสเสียแล้ว หลังบทวิจารณ์แรกๆ แทบจะมีความเห็นไปในแง่ลบเหมือนกันหมด ว่าหนังดูจะเหมาะกับการรอดูแผ่นอยู่บ้านเท่านั้น
13 เกมสยอง หนังระทึกขวัญของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล อาจจะไม่ได้ทำเงินมากนักในการฉายเมื่อปี 2006 แต่เนื้อหาแปลกใหม่ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสั้นของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ กลับทำให้หนังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ และยังโด่งดังในตลาด DVD ต่างประเทศ ถึงขั้นถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในฉบับฮอลลีวูด ซึ่งล่าสุดหนังรีเมกที่ใช้ชื่อว่า 13 Sins ภายใต้การกำกับของ แดเนียล สแตมม์ แห่งหนัง The Last Exorcism ก็กำลังจะมีกำหนดลงโรงในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้แล้ว
โดยในหนังฉบับอินเตอร์ มาร์ค เว็บเบอร์ รับบทเป็น เอลเลียต เซลส์แมนหนุ่มที่ชีวิตกำลังตกต่ำอย่างหนัก เมื่อเขาต้องกลายเป็นคนตกงาน ทั้งๆ ที่แฟนสาวกำลังท้องแก่ใกล้คลอด นอกจากนั้นยังมีภาระที่ต้องดูแลน้องชายผู้มีปัญหาทางจิต กับพ่อซึ่งมีปัญหาในการเข้าสังคมด้วย
แต่แล้วจู่ๆ ตัวเอกของเรื่องก็ได้รับโทรศัพท์ลึกลับ พร้อมยื่นข้อเสนอภารกิจ 13 ข้อ ที่หากเขาทำได้ทั้งหมดก็จะได้รับเงินก้อนโตเป็นรางวัล เริ่มจากโจทย์ง่ายๆ ก่อนจะค่อยๆ โหดหิน และเข้าขั้นวิปริตขึ้นเรื่อยๆ
13 Sins เพิ่งมีโอกาสได้ฉายรอบพิเศษ ณ เทศกาลหนัง SXSW ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนักวิจารณ์จากเว็บไซต์ Flixist.com เปรยว่าเขาคาดหวังว่าหนังน่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่บ้าง เพราะมีงานต้นฉบับเป็นหนังไทยที่นักวิจารณ์ชาวต่างชาติบอกว่า “สร้างสรรค์ และตึงเครียดดี”
สุดท้ายนักเขียนของ Flixist.com กลับพบว่า 13 Sins ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่คิดเลย “ด้วยเรื่องราวที่เล่าแบบซ้ำเดิมไปเรื่อย โดยไม่มีไอเดียใหม่ๆ เพียงพอ หนังเป็นอะไรที่ก้ำกึ่งระหว่างการเป็นหนังระทึกขวัญ และหนังแนวโหดเลือดสาด ที่อยู่ๆ หนังก็เหมือนสูญเสียตัวของตัวเองที่ว่าด้วยการเล่นเกมสุดเพี้ยนไป เพราะมัวแต่จะพยายามเซอร์ไพรซ์คนดูอยู่ตลอดเวลา”
Flixist.com สรุปว่า “13 Sins เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง, ไม่มีอะไรใหม่, ไม่มีอะไรพิเศษ ถ้าอยากดูก็รอเช่าเอาดีกว่า” พร้อมให้คะแนนหนังอยู่ที่ 54/100
ส่วนนักวิจารณ์จาก Moviemezzanine.com ก็บอกว่านอกจากจะรีเมก 13 เกมสยอง โดยตรงแล้ว 13 Sins ยังหยิบยืมองค์ประกอบบางอย่างมาจาก The Game ของ เดวิด ฟินเชอร์ และหนังอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งหนังพวกนั้นคุณภาพดีกว่าเรื่องนี้เยอะ
“หนังเริ่มต้นอย่างน่าสนใจ ด้วยการใส่อารมณ์ขันเข้าไปในเรื่องราวลึกลับ แต่หลังจากนั้นหนังก็ดูจะเครียดขึ้นเรื่อยๆ และเล่าเรื่องกันอย่างทื่อๆ” แบบที่นักวิจารณ์มองว่าอาจจะเป็นความตั้งใจในการเล่าเรื่องเพื่อสะท้อนสภาพจิตใจของตัวละครก็ได้
โดยนักวิจารณ์สำนักนี้ให้เกรดหนัง D+
สำหรับ จัสติน ฉาง จากสื่อดัง Variety.com ก็มองคล้ายๆ กันว่า 13 Sins เริ่มเรื่องอย่างน่าสนใจ ด้วยอารมณ์ตลกร้าย และความตึงเครียด แต่แล้วหนังกลับไปเน้นฉากโหดเหี้ยมเกินพิกัดที่รุนแรงจนทำลายเนื้อหาหลัก ซึ่งว่าด้วยโลกแห่งวัตถุนิยม และความอันตรายเมื่อมนุษย์พยายามเล่นบทพระเจ้าอย่างที่พยายามจะนำเสนอในตอนแรก
สุดท้าย 13 Sins จึงน่าจะสร้างความบันเทิงได้เฉพาะกับเด็กๆ ที่ต้องการความตื่นเต้นแบบสุดโต่งจากความรุนแรง "หนังไม่น่าจะไปได้ไกลบนตารางหนังทำเงินแบบหนังเรื่องก่อนของ สแตมม์ (The Last Exorcism ที่ใช้ทุนสร้างแค่ 1.8 ล้าน แต่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 67 ล้านเหรียญฯ) Dimension Films จึงคงส่งลงโรงแบบไม่หวังอะไรมาก ก่อนจะไปลุ้นกับการขายผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต หรือตลาดโฮมวิดีโอแทน"
13 Sins เป็นผลงานการสร้างโดย Dimension Films ที่ใช้ทุนสร้างประมาณ 5 ล้านเหรียญฯ และมีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐฯ ในวันที่ 18 เม.ย. ที่จะถึงนี้
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000028856