** ประสบการณ์จากการเที่ยวเกาหลีครั้งแรก (จากความคิดของเราเอง)**
1.ด้วยที่ว่าเราต้องไปเที่ยวเองเลยทำให้เราต้องศึกษาหาข้อมูลอ่านกันแบบเยอะมาก จึงทำให้เราได้รู้มากขึ้นด้วย ถึงขนาดว่าตอนนี้เพื่อนในที่ทำงานสงสัยอะไรจะถามอะไรถามมาได้เลยตอบได้เกือบหมดที่เกี่ยวกับเรื่องเที่ยวของเราในทริปนี้นะ
2.เราได้เจอแต่คนที่มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ ก็ถือว่าเราโชคดีมั้งค่ะเราเลยติดใจ ไม่มีแง่ติดลบใดๆกับคนเกาหลี
3.เวลาเข้าไปในรถไฟใต้ดิน เราเห็นทุกคนมีมือถือสมาร์ทโฟนกันหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่แทบทุกคนมีหมดแล้วทุกคนก็ใช้สายหูฟัง ไม่คุยกันในรถเสียงดัง ดูมีมารยาทไม่ส่งเสียงรบกวนในที่สาธารณะ แล้วพอเดินเข้าไปทุกคนจะยืนชิดซ้ายหรือขวาแล้วเว้นตรงกลางไว้ให้สำหรับคนเดินไปมาตามตู้ต่างๆได้ค่ะ
4.อาหารเกาหลีถ้าไม่ชอบจริง คงกินได้ไม่นาน อย่างเราเป็นต้น ดีนะว่าแค่ไปเที่ยวถ้าไปอยู่เราคงผอมแน่เลยเพราะอาหารแต่ละอย่างไม่ถูกปากเราเลยอ่ะ มันจืดมาก ขอกลับไปกินน้ำพริกบ้านเราดีกว่านะ /มีอยู่อย่างเดียวที่ชอบคือปิ้งย่าง แต่กินบ่อยๆทุกมื้อก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ
5.เราพอจะรู้แล้วว่าทำไมชาวเกาหลี ญี่ปุ่นถึงใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบยิ่งตอนต่อสายรถไฟนี่ สุดๆอ่ะ ตอนเราไปอยู่เราก็วิ่งเหมือนกันค่ะกลมกลืนไปด้วยเลย เพราะขบวนรถไฟมันมาเป็นรอบๆตามเวลาถ้าวิ่งมาไม่ทันก็ต้องรอขบวนถัดไปอีก ทำให้เสียวเวลามั้งค่ะ ทุกคนเลยต้องรีบกันหมด แต่ก็ดูหนุกหนานตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ
6.เราเดินทางเที่ยวกันเองมันดีตรงที่ได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัว ชอบตรงไหนมากก็อยู่ตรงนั้นนานหน่อย ไม่ต้องเดินเป็นทัวร์ลูกเป็ด แล้วเราก็จัดตารางเที่ยวของเราไม่ให้ไปตรงกับทัวร์เราก็เลยชอบค่ะ ไม่วุ่นวายดีด้วย แต่บางทีก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆเช่น เมียงดง(ตอนกลางคืน) หันไปทางไหนได้ยินแต่เสียงคนไทยตะโกนกันโวกเวกโวยวาย ..เอ๊ะ หรือว่าฉันอยู่กลางสำเพ็ง ประตูน้ำ T_T
7.ไปเที่ยวครั้งนี้เราได้เจอหิมะกันแบบว่า สุดๆเลยค่ะ หายยากกันเลยทีเดียว คุ้มมากแล้วค่ะสำหรับ Winter love tripในครั้งนี้ และครั้งต่อไปจะขอไปฤดูใบไม้ร่วงบ้างหล่ะ
8.งบประมาณที่ตั้งไว้ก็บริหารกันแบบดีมากๆ รวมทั้งหมดไม่เกินคนละ 30,000 บาท เราทำได้จริงค่ะ
9.ร้านสกินฟู้ดส์ที่เราไปซื้อที่ฮงอิก เจ้าของเป็นคนไทยเลยนะค่ะแล้วมีลูกจ้างเป็นเด็กpart-timeคนไทยเหมือนกัน ตอนจ่ายตังค์พนักงานถามด้วยนะว่ามากับไกด์ทัวร์ชื่ออะไร... T_T สงสัยคอนแท๊คไว้แบบเหมาระยะยาวแหง๊ๆ ได้ค่านายหน้าด้วยหล่ะซิ
** ประสบการณ์จาก Winter love trip in Korea **
1.ด้วยที่ว่าเราต้องไปเที่ยวเองเลยทำให้เราต้องศึกษาหาข้อมูลอ่านกันแบบเยอะมาก จึงทำให้เราได้รู้มากขึ้นด้วย ถึงขนาดว่าตอนนี้เพื่อนในที่ทำงานสงสัยอะไรจะถามอะไรถามมาได้เลยตอบได้เกือบหมดที่เกี่ยวกับเรื่องเที่ยวของเราในทริปนี้นะ
2.เราได้เจอแต่คนที่มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ ก็ถือว่าเราโชคดีมั้งค่ะเราเลยติดใจ ไม่มีแง่ติดลบใดๆกับคนเกาหลี
3.เวลาเข้าไปในรถไฟใต้ดิน เราเห็นทุกคนมีมือถือสมาร์ทโฟนกันหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่แทบทุกคนมีหมดแล้วทุกคนก็ใช้สายหูฟัง ไม่คุยกันในรถเสียงดัง ดูมีมารยาทไม่ส่งเสียงรบกวนในที่สาธารณะ แล้วพอเดินเข้าไปทุกคนจะยืนชิดซ้ายหรือขวาแล้วเว้นตรงกลางไว้ให้สำหรับคนเดินไปมาตามตู้ต่างๆได้ค่ะ
4.อาหารเกาหลีถ้าไม่ชอบจริง คงกินได้ไม่นาน อย่างเราเป็นต้น ดีนะว่าแค่ไปเที่ยวถ้าไปอยู่เราคงผอมแน่เลยเพราะอาหารแต่ละอย่างไม่ถูกปากเราเลยอ่ะ มันจืดมาก ขอกลับไปกินน้ำพริกบ้านเราดีกว่านะ /มีอยู่อย่างเดียวที่ชอบคือปิ้งย่าง แต่กินบ่อยๆทุกมื้อก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ
5.เราพอจะรู้แล้วว่าทำไมชาวเกาหลี ญี่ปุ่นถึงใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบยิ่งตอนต่อสายรถไฟนี่ สุดๆอ่ะ ตอนเราไปอยู่เราก็วิ่งเหมือนกันค่ะกลมกลืนไปด้วยเลย เพราะขบวนรถไฟมันมาเป็นรอบๆตามเวลาถ้าวิ่งมาไม่ทันก็ต้องรอขบวนถัดไปอีก ทำให้เสียวเวลามั้งค่ะ ทุกคนเลยต้องรีบกันหมด แต่ก็ดูหนุกหนานตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ
6.เราเดินทางเที่ยวกันเองมันดีตรงที่ได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัว ชอบตรงไหนมากก็อยู่ตรงนั้นนานหน่อย ไม่ต้องเดินเป็นทัวร์ลูกเป็ด แล้วเราก็จัดตารางเที่ยวของเราไม่ให้ไปตรงกับทัวร์เราก็เลยชอบค่ะ ไม่วุ่นวายดีด้วย แต่บางทีก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆเช่น เมียงดง(ตอนกลางคืน) หันไปทางไหนได้ยินแต่เสียงคนไทยตะโกนกันโวกเวกโวยวาย ..เอ๊ะ หรือว่าฉันอยู่กลางสำเพ็ง ประตูน้ำ T_T
7.ไปเที่ยวครั้งนี้เราได้เจอหิมะกันแบบว่า สุดๆเลยค่ะ หายยากกันเลยทีเดียว คุ้มมากแล้วค่ะสำหรับ Winter love tripในครั้งนี้ และครั้งต่อไปจะขอไปฤดูใบไม้ร่วงบ้างหล่ะ
8.งบประมาณที่ตั้งไว้ก็บริหารกันแบบดีมากๆ รวมทั้งหมดไม่เกินคนละ 30,000 บาท เราทำได้จริงค่ะ
9.ร้านสกินฟู้ดส์ที่เราไปซื้อที่ฮงอิก เจ้าของเป็นคนไทยเลยนะค่ะแล้วมีลูกจ้างเป็นเด็กpart-timeคนไทยเหมือนกัน ตอนจ่ายตังค์พนักงานถามด้วยนะว่ามากับไกด์ทัวร์ชื่ออะไร... T_T สงสัยคอนแท๊คไว้แบบเหมาระยะยาวแหง๊ๆ ได้ค่านายหน้าด้วยหล่ะซิ