ขอบคุณ "สาน" ครับ
ที่มีความพยายามจะพาประเทศทุย
กลับไปสู่ยุค "เทือกเขาอัลไต" ด้วยการงดการพัฒนาทุกอย่างที่รัฐบาลปูตั้งใจทำ !!!
หากเราเปิดใจให้กว้างๆ
ตั้งแต่เราเป็นตัวเป็นตนมาถึงตอนนี้
มีรัฐบาลไหนบ้างครับ ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแล้วไม่กู้เลยซักสลึง ??
ทุกรัฐบาล "กู้" ทั้งนั้นครับถ้าต้องลงทุนซะขนาดนี้
ที่พรรคแมงสาปมันพล่ามว่า
ทำไมไม่ทำแบบปีต่อปี , ทำไมไม่ตั้งงบขาดดุล ??
พูดโง่ๆ พูดเพ้อเจ้อแบบนี้เด็ก ป.3 ที่ไหนมันก็พูดได้ครับ
หากเรากำหนดงบประมาณทำแบบปีต่อปี
ถ้าปีนี้เรามีเงินเหลือ เราก็ทำได้ตามแผนปกติที่วางไว้
แต่ถ้าปีถัดมาเราเกิดถังแตกขึ้นมาล่ะ มันจะทำต่ออีท่าไหน...???
เมิงคิดว่าบริษัทที่ประมูลงานได้ เขาจะทำให้เมิงเหรอไอ้แมงสาป !!!
เทียบกับการกู้ครั้งเดียว
แล้วบริหารเงินให้มันทำได้จนเต็มโครงการ
ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามแผนงาน...แบบไหนดีกว่าเอาหัวแม่ทีนคิดก็คงพอมองออกแล้ว
นอกจากจะได้โครงสร้างพื้นฐานแล้ว
เงินกู้ก้อนนี้มันถือเป็น Government Investment ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
เพราะในธุรกิจก่อสร้างนั้น หากว่ามันเกิดขึ้น มันสามารถหมุนเวียนไปสู่อีกหลายสิบหลายร้อยอาชีพ
ทุกอย่างมันเชื่อมโยงไปหมดครับ
ทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคบริการ ภาคแรงงาน
ภาคเทคโนโลยี ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ฯลฯ
หากเรากู้วันนี้ 2 ล้านล้าน
ระยะเวลาที่เราจะใช้หนี้ คือ
"50 ปี"
มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายประมาณ
"3.16 ล้านล้าน"
เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายคืนทั้งหมด
"5.16 ล้านล้าน"
ระยะเวลา
"ครึ่งศตวรรษ" กับเงินก้อนนี้ถือว่าไม่มากเลยครับ
เพราะหากเราไม่ทำวันนี้ เราทอดเวลาออกไป
ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ทั้งอัตรดอกเบี้ยที่มันไม่ได้หยุดนิ่ง , ทั้งค่าเงินที่มันผันผวนได้
ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่มันไม่ได้เสถียรอะไรเลย , ทั้งเทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนไป
ถึงตอนนั้น "ราคาที่ต้องจ่าย" ย่อมไม่ใช่ 2 ล้านล้านแน่นอน
เราอยู่กันแบบนี้ต่อไปเถอะครับ
หากไปจะไหนมาไหน
ก็ใช้ช้าง ม้า วัว ควาย
เอามาเทียมกับเกวียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
อยู่กรุงเทพ จะไปหาญาติที่สุราษฏร์บ้าน "ไอ้เทือก" ก็น่าจะเดินทางประมาณ 2 เดือน
"ไอ้เทือก" อยู่ราชประสงค์
จะติดต่อ "ไอ้โล้นอิสระ" ที่อยู่แจ้งวัฒนะ
ก็เขียนจดหมายแล้วผูกใส่ขานกพิราบก็น่าจะดี
สามจี สี่จี ห้าจี ไม่ต้องไปใช้หรอกครับ สู้นกพิราบไม่ได้แน่ๆ
จะขนส่งน้ำมันปาล์ม
จากภาคใต้มาภาคกลาง
ก็สามารถใช้ "เรือกลไฟ" ล่องตามลำน้ำมาเรื่อยๆ
จะขนไข่ไก่จากหัวเมืองต่างๆ
เพื่อมาชั่งกิโลขายที่พระนคร
ก็บรรทุกใส่เรือแจวแล้วพายมาเรื่อยๆ
จะเดินทางไปต่างประเทศ
เราก็แค่ใช้เรือสำเภาติดใบ
ไปด้วยแรงลมแรงคลื่น โดยไม่ต้องมีสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 เลย
บ้านอยู่สวนลุม
จะไปหาญาติที่สะพานมัฆวาฬ
ก็ใช้บริการ "รถเจ๊ก" ที่ปลอดมลภาวะ
ถ้าจะให้ดี....เรากลับไปใช้ "เงินพดด้วง" ก็เริ่ดดดดดดเลยขอรับ.....
ส่วนอะไรที่มันสะดวกสบาย
ทันสมัย และมีเทคโนโลยีที่สมเหตุสมผลในการลงทุนนั้น
เราให้ ลาว เขมร พม่า เวียดนาม เขาลงทุนกันไปเถอะครับ
เพราะที่รัฐบาลปูทำนั้น
ทั้ง "สาน" , ทั้ง "แมงสาป" มันบอกว่า "ผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ" ครับ
อยู่มากว่า 60 ปี
แต่มันไม่คิดจะทำห่ะอะไรเลย
พอมีคนที่เขาคิดจะพัฒนาประเทศ
มันก็ไปฟ้อง "สาน" เพื่อขัดแข้งขัดขา
แถม "สาน" ก็หลับหูหลับตาวินิจฉัย ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และ ฝ่ายนิติบัญญัติ !!!
ยินดีต้องรับสู่ "เทือกเขาอัลไต" !!!!!!!
ขอบคุณคุณธรรมดาสามัญ ที่ให้ยืมอมยิ้มแปะกระทู้ครับ
++++++++++ .......... เฮ้...........................แ ท้ ง กิ้ ว ท รี ไ ท ม์ ส .......... !!!!!!!!!! ++++++++++
ที่มีความพยายามจะพาประเทศทุย
กลับไปสู่ยุค "เทือกเขาอัลไต" ด้วยการงดการพัฒนาทุกอย่างที่รัฐบาลปูตั้งใจทำ !!!
หากเราเปิดใจให้กว้างๆ
ตั้งแต่เราเป็นตัวเป็นตนมาถึงตอนนี้
มีรัฐบาลไหนบ้างครับ ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแล้วไม่กู้เลยซักสลึง ??
ทุกรัฐบาล "กู้" ทั้งนั้นครับถ้าต้องลงทุนซะขนาดนี้
ที่พรรคแมงสาปมันพล่ามว่า
ทำไมไม่ทำแบบปีต่อปี , ทำไมไม่ตั้งงบขาดดุล ??
พูดโง่ๆ พูดเพ้อเจ้อแบบนี้เด็ก ป.3 ที่ไหนมันก็พูดได้ครับ
หากเรากำหนดงบประมาณทำแบบปีต่อปี
ถ้าปีนี้เรามีเงินเหลือ เราก็ทำได้ตามแผนปกติที่วางไว้
แต่ถ้าปีถัดมาเราเกิดถังแตกขึ้นมาล่ะ มันจะทำต่ออีท่าไหน...???
เมิงคิดว่าบริษัทที่ประมูลงานได้ เขาจะทำให้เมิงเหรอไอ้แมงสาป !!!
เทียบกับการกู้ครั้งเดียว
แล้วบริหารเงินให้มันทำได้จนเต็มโครงการ
ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามแผนงาน...แบบไหนดีกว่าเอาหัวแม่ทีนคิดก็คงพอมองออกแล้ว
นอกจากจะได้โครงสร้างพื้นฐานแล้ว
เงินกู้ก้อนนี้มันถือเป็น Government Investment ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
เพราะในธุรกิจก่อสร้างนั้น หากว่ามันเกิดขึ้น มันสามารถหมุนเวียนไปสู่อีกหลายสิบหลายร้อยอาชีพ
ทุกอย่างมันเชื่อมโยงไปหมดครับ
ทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคบริการ ภาคแรงงาน
ภาคเทคโนโลยี ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ฯลฯ
หากเรากู้วันนี้ 2 ล้านล้าน
ระยะเวลาที่เราจะใช้หนี้ คือ "50 ปี"
มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายประมาณ "3.16 ล้านล้าน"
เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายคืนทั้งหมด "5.16 ล้านล้าน"
ระยะเวลา "ครึ่งศตวรรษ" กับเงินก้อนนี้ถือว่าไม่มากเลยครับ
เพราะหากเราไม่ทำวันนี้ เราทอดเวลาออกไป
ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ทั้งอัตรดอกเบี้ยที่มันไม่ได้หยุดนิ่ง , ทั้งค่าเงินที่มันผันผวนได้
ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่มันไม่ได้เสถียรอะไรเลย , ทั้งเทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนไป
ถึงตอนนั้น "ราคาที่ต้องจ่าย" ย่อมไม่ใช่ 2 ล้านล้านแน่นอน
เราอยู่กันแบบนี้ต่อไปเถอะครับ
หากไปจะไหนมาไหน
ก็ใช้ช้าง ม้า วัว ควาย
เอามาเทียมกับเกวียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
อยู่กรุงเทพ จะไปหาญาติที่สุราษฏร์บ้าน "ไอ้เทือก" ก็น่าจะเดินทางประมาณ 2 เดือน
"ไอ้เทือก" อยู่ราชประสงค์
จะติดต่อ "ไอ้โล้นอิสระ" ที่อยู่แจ้งวัฒนะ
ก็เขียนจดหมายแล้วผูกใส่ขานกพิราบก็น่าจะดี
สามจี สี่จี ห้าจี ไม่ต้องไปใช้หรอกครับ สู้นกพิราบไม่ได้แน่ๆ
จะขนส่งน้ำมันปาล์ม
จากภาคใต้มาภาคกลาง
ก็สามารถใช้ "เรือกลไฟ" ล่องตามลำน้ำมาเรื่อยๆ
จะขนไข่ไก่จากหัวเมืองต่างๆ
เพื่อมาชั่งกิโลขายที่พระนคร
ก็บรรทุกใส่เรือแจวแล้วพายมาเรื่อยๆ
จะเดินทางไปต่างประเทศ
เราก็แค่ใช้เรือสำเภาติดใบ
ไปด้วยแรงลมแรงคลื่น โดยไม่ต้องมีสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 เลย
บ้านอยู่สวนลุม
จะไปหาญาติที่สะพานมัฆวาฬ
ก็ใช้บริการ "รถเจ๊ก" ที่ปลอดมลภาวะ
ถ้าจะให้ดี....เรากลับไปใช้ "เงินพดด้วง" ก็เริ่ดดดดดดเลยขอรับ.....
ส่วนอะไรที่มันสะดวกสบาย
ทันสมัย และมีเทคโนโลยีที่สมเหตุสมผลในการลงทุนนั้น
เราให้ ลาว เขมร พม่า เวียดนาม เขาลงทุนกันไปเถอะครับ
เพราะที่รัฐบาลปูทำนั้น
ทั้ง "สาน" , ทั้ง "แมงสาป" มันบอกว่า "ผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ" ครับ
อยู่มากว่า 60 ปี
แต่มันไม่คิดจะทำห่ะอะไรเลย
พอมีคนที่เขาคิดจะพัฒนาประเทศ
มันก็ไปฟ้อง "สาน" เพื่อขัดแข้งขัดขา
แถม "สาน" ก็หลับหูหลับตาวินิจฉัย ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และ ฝ่ายนิติบัญญัติ !!!
ยินดีต้องรับสู่ "เทือกเขาอัลไต" !!!!!!!
ขอบคุณคุณธรรมดาสามัญ ที่ให้ยืมอมยิ้มแปะกระทู้ครับ