เห็นด้วยกับความเห็นที่ 1 ครับ   ผมในสมัยมหาลัยอยากเปิดร้านกาแฟเช่นกันตั้งเป้าหมายเเน่วแน่ เริ่มจากไปลองเป็นพนักงานร้านในมหาลัยตอนนั้นรู้สึกว่าเออสนุกดีแฮะน่าจะไหวๆ โดยที่ลืมนึกถึงพวกต้นทุนต่างๆ รวมถึงทำเลมองแต่รายรับของร้าน จนจบมาด้วยความที่งบน้อยทำงานเก็บตังไปก่อน เลยเข้า ออก ในสายงานบริการอาหารหลายบริษัท รวมถึงร้านกาแฟแบรนดังด้วย  ในช่วงนั้นเองทำให้ได้เรียนรู้เรื่องการตลาดของสายงานนี้ การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ทำเล และได้เรียนรู้ว่าร้านกาแฟ 1 ร้าน  ถ้าเปิดเป็นของตัวเองไม่พึ่งเฟรนไชน์  เหนื่อยมากต้องทำให้ร้านติดตลาด ต้องให้คุ้มทุนในการลงทุนทำร้านไปใน ... ปี  
       จะลงทุนทำร้านกาแฟสวยๆน่านั่ง  เครื่องชงเจ๋งๆ คร่าวๆในสายตาผมคงเกือบๆ 1 ล้าน หรืออาจจะเกิน เครื่องชง ถ้าใช้หัวเดียวแบบดีๆก็ 5 หมื่นกว่า ไม่รวมเครื่องบด ถ้า 2 หัวก็แสนนึง  เครื่องบดเมล็ดกาแฟ ตัวนึงน่าจะ หมื่นกว่าบาท  เครื่องปั่น เกือบหมื่น  เอาเป็นว่าส่วนอุปกรณ์ชงรวมตู้เย็นด้วย คงเกือบๆสองแสนหรือสองแสนห้า (สำหรับร้านหรูๆ ตามเจ้าของกระทู้วางแปลนไว้) นอกนั้นก็ค่าตกแต่ง ทำระบบไฟ  ระบบน้ำ เก้าอี้  โซฟา  แอร์ ตัวเค้าเตอร์บาร์  แก้ว จาน ช้อน  และอีกเยอะมาก อ่อตู้เค้กด้วย

       ต่อไปเรามาดูทำเล จะเปิดที่ไหน  ลองไปนั่งเล่นๆตรงนั้น อาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 1ชัวโมง สลับๆเวลากันไปซัก 1 ปี สำหรับที่ๆเราไม่คุ้นเลย แต่ถ้าคุ้นเคยดีก็มองกำลังจ่ายว่าคนกลุ่มนั้นจ่ายได้เท่าไหร่ต่อวัน ดืมกาแฟ หรือน้ำแบบไหนมากกว่า ค่าเช่าที่เท่าไหร่แล้วเอามาคำนวนความคุ้มค่าครับ

       ด้วยเหตุผลข้างต้น บริเวณที่ผมจะเปิดร้านซึ่งไม่มีค่าเช่า  เป็นที่พักกลุ่มพนักงานโรงแรม พนักงานห้าง ไม่มีแหล่งท่องเที่ยว กำลังซื้อไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงร้านให้ไปรอดได้แน่  เลยปรับเปลี่ยนเป็นขายกาแฟโบราณ ทำร้านเป็นซุ้มเล็กๆ ไม่ติดแอร์ ถึงอยู่รอด  
       แต่ถ้าไปเช่าที่ในแหล่งชุมชน ก็ทำได้ครับ ผมเห็นหลายร้านก็ไปรอดเพิ่มจำนวนสาขา หลายร้านก็ปิดตัวลง จุดนี้ต้องมองว่าเรามีเครื่อข่ายของเราขนาดไหน ถ้าเราเปิดร้านเค้าหล่านั้นจะมาอุดหนุนเราและพาลูกค้ามาหาเราได้ขนาดไหน ถ้ามีอยู่ก็สบายครับ


จากประสบการณ์ที่เจอมาผิดพลาดต้องขออภัยไว้ด้วย