'ต๋อง ศิษย์ฉ่อย' หลังพิงฝา มีสิทธิ์หลุดท็อปมือ 64 โลก
ในยุทธจักรวงการสอยคิวโลกและในบ้านเราเอง หากไม่มีคนชื่อ "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" รัชพล ภู่โอบอ้อม อดีตนักแทงมือ 3 ของโลกขวัญใจชาวไทยมาตลอดกาลแล้ว ไม่รู้ว่าพวกแฟนรูขยาดทั้งหลายจะส่งแรงใจเชียร์และให้กำลังใจ... นักแทงคนไหน!! ใคร...กันดี!!
เพราะตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ "ต๋อง" หนุ่มใหญ่วัย 43 ปี คนนี้ โลดแล่นอยู่บนถนนคนแบกคิว ได้สรรค์สร้างคุณงามความดีและผลงานต่างๆ เอาไว้มากมาย
เรียกได้ว่าทุกครั้งหากมีการถ่ายทอดสดกลับมายังแผ่นดินสยาม แหล่งท่องเที่ยมยามราตรีและรถราเงียบสงัดเหมือน "ซ้ายทะลวงไส้" หรือ เขาทราย แกแล็คซี่ ชื่อจริง สุระ แสนคำ อดีตนักมวยแชมป์โลกป้องกันเข็มขัดกันเลยทีเดียว
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ แม้สมาคมสอยคิวไทยที่มีสองคนคู่ "บิ๊กสิน" สินธุ พูนศิริวงศ์ ประมุขใหญ่ กับ "คิวทอง" ศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคม ในฐานะเกจิที่ทุกคนยอมรับ จะส่งเสริมผลักดันนักกีฬามาแล้วมากมายไปลุยเวทีอาชีพโลก แต่ก็หาน้อยคนที่จะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ทัดเทียม "ต๋อง"
ทว่าจากผลงานที่ผ่านมา 2 ปีของ "เจมส์ วัฒนา" ในซีซั่นนี้ ดูแล้วไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ "ต๋อง" ลงแข่งขันทั้งรายการใหญ่และรายการย่อยไปแล้วถึง 18 ทัวร์นาเมนต์ ผลปรากฏว่า ไม่สามารถทะลุไปถึงรอบลึกๆ นั่นก็คือ รอบ 8 คนสุดท้าย, รอบรองชนะเลิศ หรือชิงชนะเลิศ ได้สักรายการเลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นส่วนใหญ่เจ้าตัวจะตกรอบแรก และรอบสองมากกว่า บางรายการแค่คัดเลือกตัวก็จอดป้ายแล้ว ส่งผลให้คะแนนตกจากมือ 61 ของโลก ไปอยู่ที่มือ 65 โลก ทำได้ 24,355 คะแนน ขณะที่เงินรางวัลสะสมที่ทำได้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมามีแค่ 27,964 ปอนด์ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท รั้งอันดับ 73 ของโลก
ส่วนปีนี้เพียงปีเดียว "ต๋อง" ทำเงินไปได้แค่ 16,783 ปอนด์ หรือประมาณ 9 แสนบาท ยิ่งถ้ามองภาพรวมทั้งหมดของ "ต๋อง" อีก 3 รายการที่เหลือก่อนปิดฤดูกาล คือ เวลส์ โอเพ่น, ไชน่า โอเพ่น และศึกชิงแชมป์โลก หรือ เอ็มบาสซีเวิลด์ สถานการณ์ค่อนข้างลำบาก ประเภทหลังพิงฝาเลยทีเดียว ถ้าหาก "ต๋อง" ยังพลาดท่าตกรอบแบบนี้ การกลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยเป็นหนที่ 2 คือ คำตอบสุดท้ายของเจ้าตัว
จากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ส่งผลให้ "ต๋อง" รู้สึกกดดันและระมัดระวังตัวเองไม่น้อย เพราะหากผลงานยังพลาดท่า "เจ๊งชัย" เช่นนี้อยู่ โอกาสกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวและลูกเมียค่อนข้างสูง
ล่าสุด "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" เปิดเผยอนาคตของตัวเองว่าจากผลงานการแข่งขันสนุกเกอร์เก็บคะแนนสะสมอาชีพโลกของตัวเองในฤดูกาลนี้ ประกอบด้วย รายการใหญ่ถึง 10 ทัวร์นาเมนต์ จากทั้งหมด 13 รายการต่อปี ที่สหพันธ์สอยคิวโลกได้กำหนดเอาไว้ นี่ยังไม่รวมรายการอื่นอย่าง "เอเชี่ยนทัวร์" และรายการต่างๆ อีกมากมายที่ลงแข่งขันไปแล้วถึง 18 แมทช์ในปีนี้
ปรากฏว่า ผลงานที่ออกมายังไม่ค่อยสู้ดีนัก ส่วนใหญ่ผมมักจะตกรอบแรก หรือไม่ก็จอดป้ายแค่รอบสองเท่านั้น ขณะที่บางรายการผ่านการควอลิฟายเข้าไปสู่รอบ 32 คนสุดท้าย แต่ก็ต้องมาพบกับนักแทงมือดีอย่าง "ไอ้ลูกระเบิด" ดิง จิน ฮุย นักสอยคิวมือ 3 ของโลกคนปัจจุบันชาวจีนที่แพ้มาถึง 2 รายการติดต่อกัน คือ ศึกยูเค แชมเปี้ยนชิพ กับ อินเตอร์เนชั่นแนลแชมเปี้ยนชิพ ทั้งที่จริงหากผ่านด่านนี้ไปได้อันดับโลกน่าจะดีขึ้นกว่านี้
ล่าสุดจากการจัดอันดับโลกในเวลานี้ตัวเองอยู่มือ 65 ของโลก ทำได้ 24,355 คะแนน ถือว่าสถานการณ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ค่อนข้างลำบาก หากเปรียบก็เหมือนคนไข้อยู่ห้องไอซียู รอแค่ปาฏิหาริย์เพื่อฟื้นคืนกลับมาอีก โดยเฉพาะ 3 รายการที่เหลือจะพลาดท่าตกรอบแรกอีกไม่ได้แล้ว หากตกรอบนั่นก็คือ เส้นทางสอยคิวโลกจบทันที ยิ่งทุกรายการหากจะอยู่รอดในฤดูกาลหน้าจะต้องชนะอย่างน้อย 3-4 ครั้งขึ้นไป
พร้อมกันนี้ต้องภาวนาให้คู่แข่งที่มีอันดับใกล้เคียง อาทิ อาติยา เมธา มือ 63 ของโลกชาวอินเดีย, ไมค์ ดันส์ มือ 64 โลกของอังกฤษ, ปันกาด แอดวานนี มือ 66 โลกชาวอินเดีย และร็อบบี วิลเลียม มือ 67 โลกอังกฤษ อย่าเข้ารอบลึกๆ ตกรอบแรกดีสุด เนื่องจากสหพันธ์สอยคิวโลกได้เปลี่ยนกฎจากการให้คะแนนสะสม มาเป็นเงินสะสมที่นักกีฬาทำได้แต่ละปีแทน ยิ่งใครทำเงินรางวัลได้มากเท่าไหร่โอกาสที่จะอยู่ติด 1 ใน 64 คนสุดท้ายของโลกย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น
"ไทยทอร์นาโด" นักแทงวัย 43 ปี ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุเพราะเมื่อปีที่แล้วผลงานไม่ค่อยดีนัก เฉียดตายมาแบบหวุดหวิด ดังนั้นในปีนี้ต้องทำผลงานเพิ่มเป็นสองเท่า แต่อย่างที่บอกกีฬาชนิดนี้มีเรื่องโชคชะตาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงขอทำหน้าที่อีก 4 รายการให้ดีที่สุด โดยเฉพาะศึกชิงแชมป์โลก หากทะลุเข้าไปสู่รอบสุดท้ายในครูซิเบิลเธียเตอร์ได้สำเร็จ ก็น่าจะมีโอกาสต่อลมหายใจได้อีกในปีถัดไป
แต่หากยังตกรอบแรกอยู่ หรือไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีก เห็นทีคงต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเหมือนเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งนี้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ โอกาสที่จะกลับไปเล่นสอยคิวอาชีพโลกเป็นครั้งที่ 3 คงไม่มีอีกต่อไป เพราะอายุก็มากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องอำลากีฬาที่ตัวเองรักมาทั้งชีวิตเสียที เพื่อเปิดโอกาสให้รุ่นน้องได้ขึ้นมาทดแทน
ขณะที่ "คิวทอง" นายศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากต๋องต้องอดไปเล่นสนุกเกอร์อาชีพโลกในปีหน้า ส่วนตัวรู้สึกเสียดายไม่น้อย เพราะเขาคือไอดอลของนักกีฬาทุกคน ที่สำคัญ ต๋อง เป็นพี่ใหญ่คอยดูแลน้องๆ มาช้านาน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขาเองด้วยว่าอีก 4 รายการที่เหลือต่อจากนี้ไปเขาจะอดทนกัดฟันต่อสู้มากน้อยแค่ไหน
ณ วินาทีนี้แฟนสอยคิวไทยคงได้แต่สวดมนต์ภาวนาเอาใจช่วยให้สองมืออันแข็งแกร่งของ "ต๋อง" บวกหนึ่งสมองอัจฉริยะที่ยืนหยัดอยู่ตรงนี้มากว่า 20 ปี จงผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยดี
------------------------
(สปอร์ต คม วีกเอนด์ : 'ต๋อง ศิษย์ฉ่อย' หลังพิงฝา มีสิทธิ์หลุดท็อปมือ 64 โลก : เรื่อง...อภิชาติ ระวีวัฒน์)
คมชัดลึก
'ต๋อง ศิษย์ฉ่อย' หลังพิงฝา มีสิทธิ์หลุดท็อปมือ 64 โลก
ในยุทธจักรวงการสอยคิวโลกและในบ้านเราเอง หากไม่มีคนชื่อ "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" รัชพล ภู่โอบอ้อม อดีตนักแทงมือ 3 ของโลกขวัญใจชาวไทยมาตลอดกาลแล้ว ไม่รู้ว่าพวกแฟนรูขยาดทั้งหลายจะส่งแรงใจเชียร์และให้กำลังใจ... นักแทงคนไหน!! ใคร...กันดี!!
เพราะตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ "ต๋อง" หนุ่มใหญ่วัย 43 ปี คนนี้ โลดแล่นอยู่บนถนนคนแบกคิว ได้สรรค์สร้างคุณงามความดีและผลงานต่างๆ เอาไว้มากมาย
เรียกได้ว่าทุกครั้งหากมีการถ่ายทอดสดกลับมายังแผ่นดินสยาม แหล่งท่องเที่ยมยามราตรีและรถราเงียบสงัดเหมือน "ซ้ายทะลวงไส้" หรือ เขาทราย แกแล็คซี่ ชื่อจริง สุระ แสนคำ อดีตนักมวยแชมป์โลกป้องกันเข็มขัดกันเลยทีเดียว
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ แม้สมาคมสอยคิวไทยที่มีสองคนคู่ "บิ๊กสิน" สินธุ พูนศิริวงศ์ ประมุขใหญ่ กับ "คิวทอง" ศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคม ในฐานะเกจิที่ทุกคนยอมรับ จะส่งเสริมผลักดันนักกีฬามาแล้วมากมายไปลุยเวทีอาชีพโลก แต่ก็หาน้อยคนที่จะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ทัดเทียม "ต๋อง"
ทว่าจากผลงานที่ผ่านมา 2 ปีของ "เจมส์ วัฒนา" ในซีซั่นนี้ ดูแล้วไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ "ต๋อง" ลงแข่งขันทั้งรายการใหญ่และรายการย่อยไปแล้วถึง 18 ทัวร์นาเมนต์ ผลปรากฏว่า ไม่สามารถทะลุไปถึงรอบลึกๆ นั่นก็คือ รอบ 8 คนสุดท้าย, รอบรองชนะเลิศ หรือชิงชนะเลิศ ได้สักรายการเลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นส่วนใหญ่เจ้าตัวจะตกรอบแรก และรอบสองมากกว่า บางรายการแค่คัดเลือกตัวก็จอดป้ายแล้ว ส่งผลให้คะแนนตกจากมือ 61 ของโลก ไปอยู่ที่มือ 65 โลก ทำได้ 24,355 คะแนน ขณะที่เงินรางวัลสะสมที่ทำได้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมามีแค่ 27,964 ปอนด์ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท รั้งอันดับ 73 ของโลก
ส่วนปีนี้เพียงปีเดียว "ต๋อง" ทำเงินไปได้แค่ 16,783 ปอนด์ หรือประมาณ 9 แสนบาท ยิ่งถ้ามองภาพรวมทั้งหมดของ "ต๋อง" อีก 3 รายการที่เหลือก่อนปิดฤดูกาล คือ เวลส์ โอเพ่น, ไชน่า โอเพ่น และศึกชิงแชมป์โลก หรือ เอ็มบาสซีเวิลด์ สถานการณ์ค่อนข้างลำบาก ประเภทหลังพิงฝาเลยทีเดียว ถ้าหาก "ต๋อง" ยังพลาดท่าตกรอบแบบนี้ การกลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยเป็นหนที่ 2 คือ คำตอบสุดท้ายของเจ้าตัว
จากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ส่งผลให้ "ต๋อง" รู้สึกกดดันและระมัดระวังตัวเองไม่น้อย เพราะหากผลงานยังพลาดท่า "เจ๊งชัย" เช่นนี้อยู่ โอกาสกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวและลูกเมียค่อนข้างสูง
ล่าสุด "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" เปิดเผยอนาคตของตัวเองว่าจากผลงานการแข่งขันสนุกเกอร์เก็บคะแนนสะสมอาชีพโลกของตัวเองในฤดูกาลนี้ ประกอบด้วย รายการใหญ่ถึง 10 ทัวร์นาเมนต์ จากทั้งหมด 13 รายการต่อปี ที่สหพันธ์สอยคิวโลกได้กำหนดเอาไว้ นี่ยังไม่รวมรายการอื่นอย่าง "เอเชี่ยนทัวร์" และรายการต่างๆ อีกมากมายที่ลงแข่งขันไปแล้วถึง 18 แมทช์ในปีนี้
ปรากฏว่า ผลงานที่ออกมายังไม่ค่อยสู้ดีนัก ส่วนใหญ่ผมมักจะตกรอบแรก หรือไม่ก็จอดป้ายแค่รอบสองเท่านั้น ขณะที่บางรายการผ่านการควอลิฟายเข้าไปสู่รอบ 32 คนสุดท้าย แต่ก็ต้องมาพบกับนักแทงมือดีอย่าง "ไอ้ลูกระเบิด" ดิง จิน ฮุย นักสอยคิวมือ 3 ของโลกคนปัจจุบันชาวจีนที่แพ้มาถึง 2 รายการติดต่อกัน คือ ศึกยูเค แชมเปี้ยนชิพ กับ อินเตอร์เนชั่นแนลแชมเปี้ยนชิพ ทั้งที่จริงหากผ่านด่านนี้ไปได้อันดับโลกน่าจะดีขึ้นกว่านี้
ล่าสุดจากการจัดอันดับโลกในเวลานี้ตัวเองอยู่มือ 65 ของโลก ทำได้ 24,355 คะแนน ถือว่าสถานการณ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ค่อนข้างลำบาก หากเปรียบก็เหมือนคนไข้อยู่ห้องไอซียู รอแค่ปาฏิหาริย์เพื่อฟื้นคืนกลับมาอีก โดยเฉพาะ 3 รายการที่เหลือจะพลาดท่าตกรอบแรกอีกไม่ได้แล้ว หากตกรอบนั่นก็คือ เส้นทางสอยคิวโลกจบทันที ยิ่งทุกรายการหากจะอยู่รอดในฤดูกาลหน้าจะต้องชนะอย่างน้อย 3-4 ครั้งขึ้นไป
พร้อมกันนี้ต้องภาวนาให้คู่แข่งที่มีอันดับใกล้เคียง อาทิ อาติยา เมธา มือ 63 ของโลกชาวอินเดีย, ไมค์ ดันส์ มือ 64 โลกของอังกฤษ, ปันกาด แอดวานนี มือ 66 โลกชาวอินเดีย และร็อบบี วิลเลียม มือ 67 โลกอังกฤษ อย่าเข้ารอบลึกๆ ตกรอบแรกดีสุด เนื่องจากสหพันธ์สอยคิวโลกได้เปลี่ยนกฎจากการให้คะแนนสะสม มาเป็นเงินสะสมที่นักกีฬาทำได้แต่ละปีแทน ยิ่งใครทำเงินรางวัลได้มากเท่าไหร่โอกาสที่จะอยู่ติด 1 ใน 64 คนสุดท้ายของโลกย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น
"ไทยทอร์นาโด" นักแทงวัย 43 ปี ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุเพราะเมื่อปีที่แล้วผลงานไม่ค่อยดีนัก เฉียดตายมาแบบหวุดหวิด ดังนั้นในปีนี้ต้องทำผลงานเพิ่มเป็นสองเท่า แต่อย่างที่บอกกีฬาชนิดนี้มีเรื่องโชคชะตาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงขอทำหน้าที่อีก 4 รายการให้ดีที่สุด โดยเฉพาะศึกชิงแชมป์โลก หากทะลุเข้าไปสู่รอบสุดท้ายในครูซิเบิลเธียเตอร์ได้สำเร็จ ก็น่าจะมีโอกาสต่อลมหายใจได้อีกในปีถัดไป
แต่หากยังตกรอบแรกอยู่ หรือไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีก เห็นทีคงต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเหมือนเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งนี้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ โอกาสที่จะกลับไปเล่นสอยคิวอาชีพโลกเป็นครั้งที่ 3 คงไม่มีอีกต่อไป เพราะอายุก็มากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องอำลากีฬาที่ตัวเองรักมาทั้งชีวิตเสียที เพื่อเปิดโอกาสให้รุ่นน้องได้ขึ้นมาทดแทน
ขณะที่ "คิวทอง" นายศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากต๋องต้องอดไปเล่นสนุกเกอร์อาชีพโลกในปีหน้า ส่วนตัวรู้สึกเสียดายไม่น้อย เพราะเขาคือไอดอลของนักกีฬาทุกคน ที่สำคัญ ต๋อง เป็นพี่ใหญ่คอยดูแลน้องๆ มาช้านาน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขาเองด้วยว่าอีก 4 รายการที่เหลือต่อจากนี้ไปเขาจะอดทนกัดฟันต่อสู้มากน้อยแค่ไหน
ณ วินาทีนี้แฟนสอยคิวไทยคงได้แต่สวดมนต์ภาวนาเอาใจช่วยให้สองมืออันแข็งแกร่งของ "ต๋อง" บวกหนึ่งสมองอัจฉริยะที่ยืนหยัดอยู่ตรงนี้มากว่า 20 ปี จงผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยดี
------------------------
(สปอร์ต คม วีกเอนด์ : 'ต๋อง ศิษย์ฉ่อย' หลังพิงฝา มีสิทธิ์หลุดท็อปมือ 64 โลก : เรื่อง...อภิชาติ ระวีวัฒน์)
คมชัดลึก