อยากเล่าถึงประสบการณ์ การทำงานเพื่อเลี้ยงชีพตนเอง ของเด็กอย่างตัวข้าพเจ้าเอง
ทำไมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หาง่านยากจัง ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็กเท่าไหร่เลย ? คำถามของเรา ซึ่งเป็นเด็กในครอบครัวยากจนในสลัม วัน ๆ กินข้าวกับมาม่า ครอบครัวมี แม่ พ่อเลี้ยง น้องคนละพ่อ 2 คน ต้นเหตุความลำบากมาจาก พ่อเลี้ยง ขี้เหล้า เมาอาละวาด วัน ๆ เอาแต่เมา รถแท็กซี่เช่ามาจอดกินเหล้า น้อง ๆ ตัวเล็ก ลำบาก นมแทบไม่มีกิน และในบ้านไม่มีอะไรเลย ตู้เย็น ทีวี ไม่มีกับเขา แม่เราก็ลูกอ่อน แล้วมาวันนึง เราได้เรียนโรงเรียนพานิชแห่งหนึ่งในซอยจรัส 13 แม่ดีใจมาก โรงเรียนนี้แม่เคยอยากเรียนตอนเด็ก ๆ เลยได้เข้าเรียน กับเงินไปโรงเรียน 80 บาท ค่ารถก็ปาไปครึ่งหนึ่งแล้ว อาหารกลางวันที่ต้องซื้อกิน มื้อเดียวไม่อิ่มด้วย ตอนหลังขอแม่เพิ่มเป็น 100 ช่วงนั้นแม่ทะเลาะกับพ่อเลี้ยงบ่อยมาก แต่เราว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้นะ แกปกป้องอย่างกับอะไร
จนกระทั่งวันหนึ่ง เรากับพ่อเลี้ยงได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง พ่อเลี้ยงต่อยหัวเรา และถีบท้อง ถีบหน้า จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แม่ ยังเข้าข้างพ่อเลี้ยง เราสุดจะทนจริง ๆ จึงได้เก็บข้าวของ และหนีออกจากบ้าน เรามีเงินเก็บอยู่ 1500 มาเช่าห้องเล็ก ๆ อยู่คนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไปหางานทำ อยากร้องไห้มาก ไปทางไหนก็บอกว่า อายุไม่ถึง 18 ไม่รับค่ะ ไม่รับค่ะ ไม่รับค่ะ เพื่อนที่โรงเรียนแนะนำให้ไปห้างเดอะแมว ชั้น 8 เขารับจริงค่ะ เลยทำงานหลังเลิกเรียน และวันหยุด งานเลิกสี่ทุ่ม ต้องกลับมาซักรีดผ้า ชุดนักเรียน นอนก็เที่ยงคืน ตื่นตีสี่ โรคกระเพาะหนักมากช่วงนั้น เข้า - ออก โรงบาลเป็นว่าเล่น ทั้งอดกิน และอดนอน
แม่ก็ตามมาเจอตอนหลัง เราไม่ขอเงินแม่เลย แม่ก็จะแอบมาทำงานบ้านให้ จนสุดท้าย จุดที่เราคิดว่าต่ำที่สุดในชีวิตก็มาถึง เมื่อเราป่วย ไม่ไหวแล้ว งานยืนทั้งวัน เรียนก็นั่งหลับ ไปสายจนเกรดตก รับไม่ได้เพราะเรียนดีมาตลอด ตอนแรกยังกลับไปอ้อนวอนอาจารย์ที่โรงเรียน เขาบอกว่า
" เธอจะไปทำอะไร ที่ไหน ยังไง ฉันไม่รู้ แต่เธอไม่รับผิดชอบงานที่ครูสั่ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเรียกร้องให้ช่วยอะไรทั้งสิ้น " เราร้องไห้ออกมาจากโรงเรียน และไม่ไปเรียนอีกเลย (เรียนแค่เทอมเดียว)
จากนั้น ฉันจึงมุ่งมั่นทำงาน หวังจะเก็บเงินไปเรียนใหม่ แต่งานหนักมาก ต้องยกของที่ลูกค้าซื้อวันหนึ่งตีสัก ข้าวสาร 50กิโล อื่น ๆ 100+ได้ ยกทุกอย่าง และน้ำดื่ม ยิ่งตอนช่วงน้ำท่วมเนี้ย ยกจนท้องน้อยมีปัญหา ผู้ชายแต่งตัวดีมาซื้อของ ยังให้เด็ก 15 ตัวนิดเดียวยกให้ ไม่ช่วยสักนิด ฉันเริ่มอยากทำงานอะไรที่สบายกว่านี้ เพราะสุขภาพแย่ลงทุกวัน งานนั้นคือ PC พนักงานขาย รายได้เดือนละ 9000 มีค่าอื่น ๆ ให้อีก ฉันจึงเดินทางไปกรมแรงงาน ที่ตลิ่งชั่น ขออนุญาติทำงานสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 งานสบาย แต่ต้องย้ายบ่อย จนต้องวิ่งไป วิ่งกลับ ทำใบอนุญาติ จนบางครั้งก็ฉวยโอกาส
ทำงานมาจนอายุ 16 ปีกว่า หลังจากที่ได้เป็นพนักงานขายให้แบรนด์หนึ่ง โกหกเขาว่าอายุ 18แล้ว วันนั้นบริษัทขาดพนักงาน จะให้เราเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า จะบ้าหรอออ เขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าที่ผ่านมาเราโกหก กลัวโดนจับส่งตำรวจ เลยต้องทิ้งช็อปไว้ว่างเปล่า ช่วงนั้นเราตกงานไปสักพัก กินเงินที่เก็บสะสมมาเป็นปี จนหมด แม่เริ่มบ่น ๆ เพราะเรากำลังกลายเป็นภาระเขาอีกครั้ง เราก็กลับไปที่เดิมไม่ได้แล้ว จึงถูกเพื่อนชักจูงเข้าวงการงานเด็กเสริฟ
เป็นเด็กเสริฟ เขาถามอายุเท่าไร 19 ค่ะ เราต้องสวมบทสาวมหาลัย จากเด็กเสริฟรายได้ที่หาได้ ค่าแรง 5000 ทิป 7000 ก็ผันตัวมาเป็นพริตตี้ รายได้ดี
ช่วงนั้น เด็ก16 ก็เริ่มมีทองใส่ มีตังใช้ ให้ตังแม่ จนครอบครัวของแม่ มีทีวี มีตู้เย็น มีรถมอไซร์
วันนี้อายุครบ 18 ปี ที่เรารอมาเนิ่นนาน
ทำไมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หาง่านยากจัง ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็กเท่าไหร่เลย ? คำถามของเรา ซึ่งเป็นเด็กในครอบครัวยากจนในสลัม วัน ๆ กินข้าวกับมาม่า ครอบครัวมี แม่ พ่อเลี้ยง น้องคนละพ่อ 2 คน ต้นเหตุความลำบากมาจาก พ่อเลี้ยง ขี้เหล้า เมาอาละวาด วัน ๆ เอาแต่เมา รถแท็กซี่เช่ามาจอดกินเหล้า น้อง ๆ ตัวเล็ก ลำบาก นมแทบไม่มีกิน และในบ้านไม่มีอะไรเลย ตู้เย็น ทีวี ไม่มีกับเขา แม่เราก็ลูกอ่อน แล้วมาวันนึง เราได้เรียนโรงเรียนพานิชแห่งหนึ่งในซอยจรัส 13 แม่ดีใจมาก โรงเรียนนี้แม่เคยอยากเรียนตอนเด็ก ๆ เลยได้เข้าเรียน กับเงินไปโรงเรียน 80 บาท ค่ารถก็ปาไปครึ่งหนึ่งแล้ว อาหารกลางวันที่ต้องซื้อกิน มื้อเดียวไม่อิ่มด้วย ตอนหลังขอแม่เพิ่มเป็น 100 ช่วงนั้นแม่ทะเลาะกับพ่อเลี้ยงบ่อยมาก แต่เราว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้นะ แกปกป้องอย่างกับอะไร
จนกระทั่งวันหนึ่ง เรากับพ่อเลี้ยงได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง พ่อเลี้ยงต่อยหัวเรา และถีบท้อง ถีบหน้า จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แม่ ยังเข้าข้างพ่อเลี้ยง เราสุดจะทนจริง ๆ จึงได้เก็บข้าวของ และหนีออกจากบ้าน เรามีเงินเก็บอยู่ 1500 มาเช่าห้องเล็ก ๆ อยู่คนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไปหางานทำ อยากร้องไห้มาก ไปทางไหนก็บอกว่า อายุไม่ถึง 18 ไม่รับค่ะ ไม่รับค่ะ ไม่รับค่ะ เพื่อนที่โรงเรียนแนะนำให้ไปห้างเดอะแมว ชั้น 8 เขารับจริงค่ะ เลยทำงานหลังเลิกเรียน และวันหยุด งานเลิกสี่ทุ่ม ต้องกลับมาซักรีดผ้า ชุดนักเรียน นอนก็เที่ยงคืน ตื่นตีสี่ โรคกระเพาะหนักมากช่วงนั้น เข้า - ออก โรงบาลเป็นว่าเล่น ทั้งอดกิน และอดนอน
แม่ก็ตามมาเจอตอนหลัง เราไม่ขอเงินแม่เลย แม่ก็จะแอบมาทำงานบ้านให้ จนสุดท้าย จุดที่เราคิดว่าต่ำที่สุดในชีวิตก็มาถึง เมื่อเราป่วย ไม่ไหวแล้ว งานยืนทั้งวัน เรียนก็นั่งหลับ ไปสายจนเกรดตก รับไม่ได้เพราะเรียนดีมาตลอด ตอนแรกยังกลับไปอ้อนวอนอาจารย์ที่โรงเรียน เขาบอกว่า
" เธอจะไปทำอะไร ที่ไหน ยังไง ฉันไม่รู้ แต่เธอไม่รับผิดชอบงานที่ครูสั่ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเรียกร้องให้ช่วยอะไรทั้งสิ้น " เราร้องไห้ออกมาจากโรงเรียน และไม่ไปเรียนอีกเลย (เรียนแค่เทอมเดียว)
จากนั้น ฉันจึงมุ่งมั่นทำงาน หวังจะเก็บเงินไปเรียนใหม่ แต่งานหนักมาก ต้องยกของที่ลูกค้าซื้อวันหนึ่งตีสัก ข้าวสาร 50กิโล อื่น ๆ 100+ได้ ยกทุกอย่าง และน้ำดื่ม ยิ่งตอนช่วงน้ำท่วมเนี้ย ยกจนท้องน้อยมีปัญหา ผู้ชายแต่งตัวดีมาซื้อของ ยังให้เด็ก 15 ตัวนิดเดียวยกให้ ไม่ช่วยสักนิด ฉันเริ่มอยากทำงานอะไรที่สบายกว่านี้ เพราะสุขภาพแย่ลงทุกวัน งานนั้นคือ PC พนักงานขาย รายได้เดือนละ 9000 มีค่าอื่น ๆ ให้อีก ฉันจึงเดินทางไปกรมแรงงาน ที่ตลิ่งชั่น ขออนุญาติทำงานสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 งานสบาย แต่ต้องย้ายบ่อย จนต้องวิ่งไป วิ่งกลับ ทำใบอนุญาติ จนบางครั้งก็ฉวยโอกาส
ทำงานมาจนอายุ 16 ปีกว่า หลังจากที่ได้เป็นพนักงานขายให้แบรนด์หนึ่ง โกหกเขาว่าอายุ 18แล้ว วันนั้นบริษัทขาดพนักงาน จะให้เราเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า จะบ้าหรอออ เขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าที่ผ่านมาเราโกหก กลัวโดนจับส่งตำรวจ เลยต้องทิ้งช็อปไว้ว่างเปล่า ช่วงนั้นเราตกงานไปสักพัก กินเงินที่เก็บสะสมมาเป็นปี จนหมด แม่เริ่มบ่น ๆ เพราะเรากำลังกลายเป็นภาระเขาอีกครั้ง เราก็กลับไปที่เดิมไม่ได้แล้ว จึงถูกเพื่อนชักจูงเข้าวงการงานเด็กเสริฟ
เป็นเด็กเสริฟ เขาถามอายุเท่าไร 19 ค่ะ เราต้องสวมบทสาวมหาลัย จากเด็กเสริฟรายได้ที่หาได้ ค่าแรง 5000 ทิป 7000 ก็ผันตัวมาเป็นพริตตี้ รายได้ดี
ช่วงนั้น เด็ก16 ก็เริ่มมีทองใส่ มีตังใช้ ให้ตังแม่ จนครอบครัวของแม่ มีทีวี มีตู้เย็น มีรถมอไซร์