จั่วหัวไว้ชวนอ้วกเยี่ยงนั้นแล...แต่เนื้อหาไม่ได้มีอะไรมาก...
เคยมีคนบอกว่า อยากมีแฟนเป็นอะไร ให้ไปที่นั่น...
อยากมีแฟนเป็นหมอ ให้ไปคลีนิก...อยากมีแฟนเป็นครู ให้ไปโรงเรียน...อยากมีแฟนเป็นเกย์ ให้ไปฟิตเนส...
เผอิญเลือกไปร้านอาหารครับ...
ไม่ได้อยากมีแฟนเป็นนักร้อง แต่แค่อยากมีแฟนเป็นเด็กเสิร์ฟ...
อกหักเท่าไรไม่รู้...เสียเงินเท่าไรไม่ว่า...เข้าตำรา เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ...
คดีเก่าเคลียร์ไป คดีใหม่มาแทน...
จขกท.ไม่ได้ชอบกินเหล้า แต่ชอบบรรยากาศเวลากินเหล้า...จนได้เจอกับเค้า สาวชาวต่างชาติ...
ช่วงแรกๆที่เค้าเข้ามาทำงาน พูดไทยแทบไม่ได้เลย ถามอะไรรู้ไม่รู้กูเกาหัวไว้ก่อนไม่รู้ใครสอนไว้...
ตัวเล็กๆ น่าทะนุบำรุง...เอ๊ย! ทนุถนอม น่ารักน่าพาไปดูเอ็น เอ๊ย! น่าเอ็นดู... ผมยาว รวบผมเป็นโพนี่เทลล์ วันดีคืนดีปล่อยผมสลวยสวยเก๋ระหว่างเทเหล้าผมเจ้าก็แหย่ลงไปในถังน้ำแข็งลูกค้าบ้างก็มี...กินๆไปบางทีได้ยินเสียงผมหล่น...
ถุ๊ย...!
ขยัน ตั้งใจทำงาน เดินเสิร์ฟไม่หยุด แขกถามไรก็ทำหน้าเอ๋อๆพร้อมเกาหัวไปแล้วพยักหน้า ค่ะๆ จริงๆที่ทำตัวเดินไม่หยุด อาจจะเพราะกุไม่อยากคุยกะใครเพราะคุยไม่รุ้เรื่องก๋็อาจจะเป็นได้....
จริงๆชอบเค้ามานาน ตั้งแต่มาที่ร้านช่วงแรกๆ แต่ไม่กล้าบอก...เพราะมีคนชอบอยู่ แล้วเราเกรงใจ...ประกอบกับคดีเก่าเรายังเจ็บๆนิดหน่อย
หากแต่โต๊ะเราชอบเรียกเค้ามานั่งคุย...คุยไม่รุเรื่องก็จะคุย บางทีบอกรินเหล้าช้าๆหน่อย เดี๋ยวเมา ปรากฏว่าเดินไปเอายากันยุงมาจุดให้ก็มี...จุดยากันยุงเสร็จบอกล้างมือก่อนค่อยรินเหล้า ก็เอาแก้วเราไปแล้วเทใส่เบิ้ลสองฝา...อาาาห์ กุหัดพูดภาษาเค้าจะง่ายกว่าไหมหนอ....ตอนนั้นไม่รุว่าเมาเหล้าหรือเมายากันยุงที่ปากแก้วกันแน่...
จริงๆ จขกท.ไม่ค่อยได้คุยหรอก ส่วนมากคนในโต๊ะจะคุยกับเค้าเสียมากกว่า... จขกท.มัวแต่ทำนั่งเก๊กแดรกเหล้าไปงั้นๆพร้อมกับแอบมองหน้าเค้า...
ไปร้านเฉลี่ยอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง ตังก็ไม่ได้มีเยอะหรอก คนอื่นเลี้ยงซะเยอะ แต่อยากไปเห็นหน้า...บางครั้งร้านปิด ขับผ่านๆมองหลังคาก็เอา...
คนรู้จักที่ร้านก็ปรามๆว่า พวกนี้เค้ามาเค้าไม่ได้สนใจอะไรคนไทยหรอกนะ เค้าจะมีคู่ก็ต้องเป็นคนบ้านเค้า เค้าไม่คิดจะแต่งงานกับคนไทยหรอก....
ก็รับรู้ แต่กูไม่รับฟัง เข้าหูซ้ายกู ทะลุหูขวาหมาที่แทะกระดูกอยู่ใต้โต๊ะ...
อารมณ์ประมาณ กุชอบอ่ะ อย่ามาชักเรือให้ใบเสียเซ่!!!...
นานเวลาไป สกิลในการสื่อสารของเค้าก็สูงขึ้น...ไม่เอายากันยุงมาจุดให้ลูกค้าเวลาขอให้รินเหล้าแล้ว เวลาให้ล้างมือ ก็รินเหล้าให้แค่ฝาเดียว...
เคยขอเบอร์เค้าไป แต่ไม่ค่อยโทรคุยหรอก เวลางานเราไม่ตรงกันที่จะมาคุยโทรศัพท์เท่าไร...
เค้าเริ่มเข้างานเย็น เลิกตีสอง นอนตีสี่ ตื่นบ่ายสาม ...
ผมเข้างานหกโมงครึ่งถึงหกโมงครึ่ง กินเหล้าต่อถึงดึกกลับตอนไหนแล้วแต่พี่ๆเมา วงจรอุบาทว์ยิ่งกว่ายุง เผลอๆยุงยังมีประโยชน์กว่าในบางเพลา...
ส่งไลน์ไป ขึ้นว่าอ่าน(ภาษาปะกิตแบบงูๆปลาๆ) แต่ไม่เคยส่งกลับ โทรไปบ้างก็ไม่ค่อยได้รับ จะโทรกลับก็ไม่เห็นมีวี่แวว...พอรู้ว่าคงไม่มีหวัง...
หลังจากมองหน้าเค้าเป็นปลากัดอยู่นาน ถ้าอยู่ในน้ำคงก่อหวอดเต็มอ่างไปแล้ว....ก็มาถึงวันที่ต้องอำลากันสะแล้ว...(ตามตัวอักษรที่อ่านอาจจะไม่นาน แต่อ่านไปแล้วคิดแบบไทม์สคิป เรื่องเริ่มปีที่แล้วราวๆเดือนสิงหาคม )
[ไดอารี่คนหนีงาน]...เมื่อผมลางาน...ไปตามหาความรู้สึกตัวเอง
เคยมีคนบอกว่า อยากมีแฟนเป็นอะไร ให้ไปที่นั่น...
อยากมีแฟนเป็นหมอ ให้ไปคลีนิก...อยากมีแฟนเป็นครู ให้ไปโรงเรียน...อยากมีแฟนเป็นเกย์ ให้ไปฟิตเนส...
เผอิญเลือกไปร้านอาหารครับ...
ไม่ได้อยากมีแฟนเป็นนักร้อง แต่แค่อยากมีแฟนเป็นเด็กเสิร์ฟ...
อกหักเท่าไรไม่รู้...เสียเงินเท่าไรไม่ว่า...เข้าตำรา เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ...
คดีเก่าเคลียร์ไป คดีใหม่มาแทน...
จขกท.ไม่ได้ชอบกินเหล้า แต่ชอบบรรยากาศเวลากินเหล้า...จนได้เจอกับเค้า สาวชาวต่างชาติ...
ช่วงแรกๆที่เค้าเข้ามาทำงาน พูดไทยแทบไม่ได้เลย ถามอะไรรู้ไม่รู้กูเกาหัวไว้ก่อนไม่รู้ใครสอนไว้...
ตัวเล็กๆ น่าทะนุบำรุง...เอ๊ย! ทนุถนอม น่ารักน่าพาไปดูเอ็น เอ๊ย! น่าเอ็นดู... ผมยาว รวบผมเป็นโพนี่เทลล์ วันดีคืนดีปล่อยผมสลวยสวยเก๋ระหว่างเทเหล้าผมเจ้าก็แหย่ลงไปในถังน้ำแข็งลูกค้าบ้างก็มี...กินๆไปบางทีได้ยินเสียงผมหล่น...
ถุ๊ย...!
ขยัน ตั้งใจทำงาน เดินเสิร์ฟไม่หยุด แขกถามไรก็ทำหน้าเอ๋อๆพร้อมเกาหัวไปแล้วพยักหน้า ค่ะๆ จริงๆที่ทำตัวเดินไม่หยุด อาจจะเพราะกุไม่อยากคุยกะใครเพราะคุยไม่รุ้เรื่องก๋็อาจจะเป็นได้....
จริงๆชอบเค้ามานาน ตั้งแต่มาที่ร้านช่วงแรกๆ แต่ไม่กล้าบอก...เพราะมีคนชอบอยู่ แล้วเราเกรงใจ...ประกอบกับคดีเก่าเรายังเจ็บๆนิดหน่อย
หากแต่โต๊ะเราชอบเรียกเค้ามานั่งคุย...คุยไม่รุเรื่องก็จะคุย บางทีบอกรินเหล้าช้าๆหน่อย เดี๋ยวเมา ปรากฏว่าเดินไปเอายากันยุงมาจุดให้ก็มี...จุดยากันยุงเสร็จบอกล้างมือก่อนค่อยรินเหล้า ก็เอาแก้วเราไปแล้วเทใส่เบิ้ลสองฝา...อาาาห์ กุหัดพูดภาษาเค้าจะง่ายกว่าไหมหนอ....ตอนนั้นไม่รุว่าเมาเหล้าหรือเมายากันยุงที่ปากแก้วกันแน่...
จริงๆ จขกท.ไม่ค่อยได้คุยหรอก ส่วนมากคนในโต๊ะจะคุยกับเค้าเสียมากกว่า... จขกท.มัวแต่ทำนั่งเก๊กแดรกเหล้าไปงั้นๆพร้อมกับแอบมองหน้าเค้า...
ไปร้านเฉลี่ยอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง ตังก็ไม่ได้มีเยอะหรอก คนอื่นเลี้ยงซะเยอะ แต่อยากไปเห็นหน้า...บางครั้งร้านปิด ขับผ่านๆมองหลังคาก็เอา...
คนรู้จักที่ร้านก็ปรามๆว่า พวกนี้เค้ามาเค้าไม่ได้สนใจอะไรคนไทยหรอกนะ เค้าจะมีคู่ก็ต้องเป็นคนบ้านเค้า เค้าไม่คิดจะแต่งงานกับคนไทยหรอก....
ก็รับรู้ แต่กูไม่รับฟัง เข้าหูซ้ายกู ทะลุหูขวาหมาที่แทะกระดูกอยู่ใต้โต๊ะ...
อารมณ์ประมาณ กุชอบอ่ะ อย่ามาชักเรือให้ใบเสียเซ่!!!...
นานเวลาไป สกิลในการสื่อสารของเค้าก็สูงขึ้น...ไม่เอายากันยุงมาจุดให้ลูกค้าเวลาขอให้รินเหล้าแล้ว เวลาให้ล้างมือ ก็รินเหล้าให้แค่ฝาเดียว...
เคยขอเบอร์เค้าไป แต่ไม่ค่อยโทรคุยหรอก เวลางานเราไม่ตรงกันที่จะมาคุยโทรศัพท์เท่าไร...
เค้าเริ่มเข้างานเย็น เลิกตีสอง นอนตีสี่ ตื่นบ่ายสาม ...
ผมเข้างานหกโมงครึ่งถึงหกโมงครึ่ง กินเหล้าต่อถึงดึกกลับตอนไหนแล้วแต่พี่ๆเมา วงจรอุบาทว์ยิ่งกว่ายุง เผลอๆยุงยังมีประโยชน์กว่าในบางเพลา...
ส่งไลน์ไป ขึ้นว่าอ่าน(ภาษาปะกิตแบบงูๆปลาๆ) แต่ไม่เคยส่งกลับ โทรไปบ้างก็ไม่ค่อยได้รับ จะโทรกลับก็ไม่เห็นมีวี่แวว...พอรู้ว่าคงไม่มีหวัง...
หลังจากมองหน้าเค้าเป็นปลากัดอยู่นาน ถ้าอยู่ในน้ำคงก่อหวอดเต็มอ่างไปแล้ว....ก็มาถึงวันที่ต้องอำลากันสะแล้ว...(ตามตัวอักษรที่อ่านอาจจะไม่นาน แต่อ่านไปแล้วคิดแบบไทม์สคิป เรื่องเริ่มปีที่แล้วราวๆเดือนสิงหาคม )