บันทึกวันนี้มีตัวเอกสองตัวที่บทบาทใกล้เคียงกัน พ่อลังเลใจอยู่พอสมควรว่าจะให้บันทึกนี้เป็นของใคร ...
เช้าวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557 ...
หลังจากเราสามคนกลับจากพิธีมิสซาที่วัดประจำเช้าวันอาทิตย์ตามปกติ เราสำรวจดูชุดและอุปกรณ์ว่ายน้ำเพราะว่าวันนี้เราจะไปว่ายน้ำกัน หลังจากหนูกับพี่เฟิร์นวิ่งหากันทั่วบ้านพักใหญ่ๆ เราก็ได้อนุมัติงบประมาณจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประจำบ้าน(ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร) ให้ซื้อชุดว่ายน้ำ กับ หมวกให้พี่เฟิร์น ส่วนหนูได้รับอนุมัติกางเกงว่ายน้ำหนึ่งตัว แต่หนูไม่เอา เพราะตัวเก่ายังพอใส่ได้อยู่ จึงได้ทำเรื่องคืนงบฯไปโดยไม่ได้แปรญัตติไปใช้อย่างอื่น
ตัดมาถึงที่ห้องลองชุดว่ายน้ำที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวในชั่วโมงต่อมา
มีชุดในราวมากมายให้เลือก พี่เฟิร์นคว้าหมับไปที่ชุดชิ้นเดียวกระโปรงซ่อนกางเกงลายดอกสีส้ม ดอกโตๆ ขลิบขอบกระโปรงสีทองๆ พ่อถามย้ำว่าจะเอาแน่หรือชุดนี้ มันทำให้ดูตัวใหญ่นะ (จากที่อวบระยะสุดท้ายอยู่แล้วจากการใช้ยารักษาอาการที่เธอเป็น) เธอตอบอย่างมั่นมากว่าเธอจะเอาชุดนี้ เอาก็เอ พ่อคิดพลางเหลือบไปดูป้ายราคา ... sales เหลือ 950 บาท โอเค พอไหวๆ อยู่ในงบฯที่ท่านรัฐมนตรีฯอนุมัติมา
เธอหายเข้าไปในห้องลองชุดว่ายพักใหญ่ๆ เราสองคนพ่อลูกนั่งรออยู่กับพนักงานขายสาวรุ่นคนหนึ่งหน้าห้องลอง สักพักมีเสียงตะโกนในระดับเดซิเบลเด็กสมาธิสั้นออกมาจากห้องลองเสื้อ ราวๆว่าน่าจะได้ยินข้ามไปอีกสองสามแผนก ... "คุณพ่อขาาาาา ..." พี่เฟิร์นมักจะเริ่มแบบนี้เวลามีเรื่องปวดหัวมาให้พ่อแก้ ...
"หนูแก้ผ้าออกหมดแล้ว แต่หนูใส่ชุดนี้ไม่เป็น คุณพ่อมาช่วยหนู่ใส่หน่อยค่ะ" ... เอาอีกแล้วไงยัยเฟิร์น ... ทำให้พ่อคิดไปถึงเมื่อสองสามปีก่อนที่เธอตระโกนออกมาจากห้องน้ำแผนกผู้ป่วยนอกเด็กโรงพยาบาลเอกชนหรูแห่งหนึ่ง ราวๆว่า "คุณพ่อๆ ... คุณพ่อขา ... มีเลือดออกมาจากจิ๋มหนู เปื้อนกางเกงในเลย คุณพ่อเข้ามาช่วยหนูที" ... จนพ่อต้องไปรบกวนยืมผ้าอนามัยและวานให้พี่พยาบาลสาวๆแถวนั้นเข้าไปแก้ปัญหาตามประสาหญิงๆให้ จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้พ่อก็สามารถนะ แต่เก็บพ่อไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายดีกว่า หนูว่าไหม
กลับมาที่ห้องลองชุดว่ายน้ำ ... ด้วยวัย 14 ขวบของพี่เฟิร์น พ่อเลยต้องขอร้องพนักงานขายสาวรุ่นที่ยืนรออยู่ด้วยกันหน้าห้องให้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้
... อีกชั่วโมงต่อมา เราสามคนพ่อลูกก็มาถึงสระว่ายน้ำ
จังหวะหนึ่งในสระ ... พี่เฟิร์นว่ายน้ำเลียบขอบสระไปอยู่ในวงล้อมของเด็กๆผู้ชายกลุ่มหนึ่ง พี่เฟิร์นดูเลิ่กลัก กระอักกระอ่วน พิกล จากจุดที่พ่อนั่งริมสระ พ่อเห็นหนูพยายามว่ายพลางเกาะขอบสระกระดื้บๆเข้าไปหาพี่เฟิร์น กับความที่พ่อรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างขี้อายและไม่ค่อยกล้ากับคนแปลกหน้า หนูกล้าหาญมากเลย ที่เข้าไปช่วยพี่เฟิร์นออกมาจากมุบอับตรงนั้น
... เสร็จจากว่ายน้ำ หนูอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จนั่งรอพี่เฟิร์นอยู่กับพ่อที่มุมร้านอาหารเล็กๆในบริเวณสระหน้าห้องอาบน้ำ
"คุณพ่อขาาาาา ....." พ่อสะดุ้ง ... เธอมาอีกแล้ว ... "หนูใส่ชุดชั้นในไม่ได้ มันม้วนเป็นขวดกลมๆค่ะ คุณพ่อมาใส่ให้หนูหน่อย" ... แน่นอนด้วยเสียงระดับเด็กสมาธิสั้นที่ไม่หย่อนเลยแม้แต่เดซิเบลเดียว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ สาวน้อยและสาวไม่น้อย หันมามองต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน คราวนี้พี่เฟิร์นของหนูไม่ได้มาแต่เสียงเหมือนเมื่อเช้าในห้องลองชุดว่ายน้ำ เธอนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ มือหนึ่งกุมผ้าขนหนูที่ผูกไว้หลวมๆที่หน้าอก(เพราะเธอยังเหน็บไม่เป็นและเธอลืมเอากระโจมอกแบบสำเร็จรูปมา) อีกมือหนึ่งถึอเสื้อชั้นในเฟิร์สบราผ้าฝ้ายสีขาวเข้มที่ขดม้วนหงิกงอเป็นเลขแปดเพราะชื้นน้ำ ชูขึ้นหราเชียว
จะเข้าไปใส่ให้พี่เฟิร์นของหนูในห้องน้ำผู้หญิงมันก็จะดูยังไงอยู่ หันซ้ายหันขวาก็ไม่มีตัวช่วย เลยกระซิบว่า "งั้นไม่ต้องใส่ก็ได้ ... " พ่อเว้นช่วงจังหวะหายใจจะอธิบายต่อว่าทำไม แต่ช้ากว่าความคิดและปากเธอ
"ไม่ใส่เสื้อชั้นใน คนเขาก็เห็นนมหนูหมดซิค่ะ" ...
เธออัดซะเต็มเดซิเบลดังไปถึงวินมอเตอร์ไซด์หน้าสระ พ่อก็เลยรีบก้มลงไปกระซิบว่า... "เดี๋ยวก็ขึ้นแท๊กซี่หน้าสระกลับบ้านแล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ ไม่มีใครมาเห็นหรอก" ... เธอถึงได้เดินก้มหน้างุดๆกลับเข้าห้องน้ำไป ... (รู้งี้พ่อไม่น่าหยุดหายใจเลย น่าจะพูดต่อไปให้จบๆ)
เอาล่ะ เสร็จไป(อีก)หนึ่งเปลาะ คราวนี้เราสามคนพ่อลูกก็เดินออกมาจะขึ้นแท๊กซี่หน้าปากซอยสระว่ายน้ำ พ่อเดินจูงหนูเดินอยู่ข้างหน้า ในชั่ว 5 ก้าว พี่เฟิร์นของหนูเดินตามมาข้างหลัง ... แดดเปรี้ยง
"คุณพ่อขา นิ้วหนูเลือดออก" ...
(อีกแล้ว ...) ... พ่อหันไปดู (ยังดีที่ไม่เป็นจิ๋มเลือดออกอีก ... พ่อแอบคิด) พี่เฟิร์นชูนิ้วหราเลย มีเลือดกลบปลายนิ้วนางซีดๆ ซักไปซักมาได้กว่าว่าพี่เฟิร์นของหนูว่ายน้ำไปชนขอบฃสระ ก็เลยคิดว่า จะเดินไปซื้อพลาสเตอร์ยาที่ร้านสะดวกซื้อข้างหน้า แต่พอดีรถแท๊กซี่มาพอดี ก็เลยพากันขึ้นรถแท๊กซี่กลับกัน
ในรถแท๊กซี่ พ่อบอกให้พี่เฟิร์นชูนิ้วขึ้นให้สูงกว่าระดับหัวใจ เลือดจะได้ไม่ออกเยอะ (ตามตำราปฐมพยาบาลที่พ่อเรียนมา) ซึ่งจริงๆพี่เฟิร์นก็ไม่ได้เลือดออกอะไรมากมาย แต่ก็เชื่อฟังแต่โดยดี ...สักพักหนึ่งพี่เฟิร์นก็เอามือลง บอกว่าเมื่อย ... ไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไรต่อ
หนูเอามือเล็กๆของหนูไปจับข้อมือพี่เฟิร์นยกขึ้นแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไรพี่เฟิร์น ภัทรช่วยยกมือพี่เฟิร์นให้เอง พี่เฟิร์นจะได้ไม่เลือดออก" ...
อืม ... ประโยคนี้และความตั้งใจช่วยเหลือพี่เฟิร์นของหนูนี่แหละ ที่ทำให้พ่อคิดว่า เรื่องทั้งหมดวันนี้ หนูควรเป็นพระเอก ... พระเอกตัวน้อยของพ่อ ...
พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร ...
33000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
ที่นั่ง 25H GA 866 CGK-BKK
เวลา 1130 น. ของวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลาประเทศไทย
ปล. ถึงบ้านแล้ว หนูช่วยพ่อปิดพลาสเตอร์นิ้วพี่เฟิร์นแล้วจุ๊บเป่าเพี้ยงๆ ให้ที่ปลายนิ้วพี่เฟิร์นด้วย ...
เรื่องวุ่นๆวันสบายๆ กับ ชุดว่ายน้ำ ... เฟิร์สบรา ... เลือดปลายนิ้ว ... มือที่ต้องยกไว้เหนือหัวใจ และ พระเอกตัวน้อยของพ่อ
เช้าวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557 ...
หลังจากเราสามคนกลับจากพิธีมิสซาที่วัดประจำเช้าวันอาทิตย์ตามปกติ เราสำรวจดูชุดและอุปกรณ์ว่ายน้ำเพราะว่าวันนี้เราจะไปว่ายน้ำกัน หลังจากหนูกับพี่เฟิร์นวิ่งหากันทั่วบ้านพักใหญ่ๆ เราก็ได้อนุมัติงบประมาณจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประจำบ้าน(ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร) ให้ซื้อชุดว่ายน้ำ กับ หมวกให้พี่เฟิร์น ส่วนหนูได้รับอนุมัติกางเกงว่ายน้ำหนึ่งตัว แต่หนูไม่เอา เพราะตัวเก่ายังพอใส่ได้อยู่ จึงได้ทำเรื่องคืนงบฯไปโดยไม่ได้แปรญัตติไปใช้อย่างอื่น
ตัดมาถึงที่ห้องลองชุดว่ายน้ำที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวในชั่วโมงต่อมา
มีชุดในราวมากมายให้เลือก พี่เฟิร์นคว้าหมับไปที่ชุดชิ้นเดียวกระโปรงซ่อนกางเกงลายดอกสีส้ม ดอกโตๆ ขลิบขอบกระโปรงสีทองๆ พ่อถามย้ำว่าจะเอาแน่หรือชุดนี้ มันทำให้ดูตัวใหญ่นะ (จากที่อวบระยะสุดท้ายอยู่แล้วจากการใช้ยารักษาอาการที่เธอเป็น) เธอตอบอย่างมั่นมากว่าเธอจะเอาชุดนี้ เอาก็เอ พ่อคิดพลางเหลือบไปดูป้ายราคา ... sales เหลือ 950 บาท โอเค พอไหวๆ อยู่ในงบฯที่ท่านรัฐมนตรีฯอนุมัติมา
เธอหายเข้าไปในห้องลองชุดว่ายพักใหญ่ๆ เราสองคนพ่อลูกนั่งรออยู่กับพนักงานขายสาวรุ่นคนหนึ่งหน้าห้องลอง สักพักมีเสียงตะโกนในระดับเดซิเบลเด็กสมาธิสั้นออกมาจากห้องลองเสื้อ ราวๆว่าน่าจะได้ยินข้ามไปอีกสองสามแผนก ... "คุณพ่อขาาาาา ..." พี่เฟิร์นมักจะเริ่มแบบนี้เวลามีเรื่องปวดหัวมาให้พ่อแก้ ...
"หนูแก้ผ้าออกหมดแล้ว แต่หนูใส่ชุดนี้ไม่เป็น คุณพ่อมาช่วยหนู่ใส่หน่อยค่ะ" ... เอาอีกแล้วไงยัยเฟิร์น ... ทำให้พ่อคิดไปถึงเมื่อสองสามปีก่อนที่เธอตระโกนออกมาจากห้องน้ำแผนกผู้ป่วยนอกเด็กโรงพยาบาลเอกชนหรูแห่งหนึ่ง ราวๆว่า "คุณพ่อๆ ... คุณพ่อขา ... มีเลือดออกมาจากจิ๋มหนู เปื้อนกางเกงในเลย คุณพ่อเข้ามาช่วยหนูที" ... จนพ่อต้องไปรบกวนยืมผ้าอนามัยและวานให้พี่พยาบาลสาวๆแถวนั้นเข้าไปแก้ปัญหาตามประสาหญิงๆให้ จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้พ่อก็สามารถนะ แต่เก็บพ่อไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายดีกว่า หนูว่าไหม
กลับมาที่ห้องลองชุดว่ายน้ำ ... ด้วยวัย 14 ขวบของพี่เฟิร์น พ่อเลยต้องขอร้องพนักงานขายสาวรุ่นที่ยืนรออยู่ด้วยกันหน้าห้องให้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้
... อีกชั่วโมงต่อมา เราสามคนพ่อลูกก็มาถึงสระว่ายน้ำ
จังหวะหนึ่งในสระ ... พี่เฟิร์นว่ายน้ำเลียบขอบสระไปอยู่ในวงล้อมของเด็กๆผู้ชายกลุ่มหนึ่ง พี่เฟิร์นดูเลิ่กลัก กระอักกระอ่วน พิกล จากจุดที่พ่อนั่งริมสระ พ่อเห็นหนูพยายามว่ายพลางเกาะขอบสระกระดื้บๆเข้าไปหาพี่เฟิร์น กับความที่พ่อรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างขี้อายและไม่ค่อยกล้ากับคนแปลกหน้า หนูกล้าหาญมากเลย ที่เข้าไปช่วยพี่เฟิร์นออกมาจากมุบอับตรงนั้น
... เสร็จจากว่ายน้ำ หนูอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จนั่งรอพี่เฟิร์นอยู่กับพ่อที่มุมร้านอาหารเล็กๆในบริเวณสระหน้าห้องอาบน้ำ
"คุณพ่อขาาาาา ....." พ่อสะดุ้ง ... เธอมาอีกแล้ว ... "หนูใส่ชุดชั้นในไม่ได้ มันม้วนเป็นขวดกลมๆค่ะ คุณพ่อมาใส่ให้หนูหน่อย" ... แน่นอนด้วยเสียงระดับเด็กสมาธิสั้นที่ไม่หย่อนเลยแม้แต่เดซิเบลเดียว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ สาวน้อยและสาวไม่น้อย หันมามองต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน คราวนี้พี่เฟิร์นของหนูไม่ได้มาแต่เสียงเหมือนเมื่อเช้าในห้องลองชุดว่ายน้ำ เธอนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ มือหนึ่งกุมผ้าขนหนูที่ผูกไว้หลวมๆที่หน้าอก(เพราะเธอยังเหน็บไม่เป็นและเธอลืมเอากระโจมอกแบบสำเร็จรูปมา) อีกมือหนึ่งถึอเสื้อชั้นในเฟิร์สบราผ้าฝ้ายสีขาวเข้มที่ขดม้วนหงิกงอเป็นเลขแปดเพราะชื้นน้ำ ชูขึ้นหราเชียว
จะเข้าไปใส่ให้พี่เฟิร์นของหนูในห้องน้ำผู้หญิงมันก็จะดูยังไงอยู่ หันซ้ายหันขวาก็ไม่มีตัวช่วย เลยกระซิบว่า "งั้นไม่ต้องใส่ก็ได้ ... " พ่อเว้นช่วงจังหวะหายใจจะอธิบายต่อว่าทำไม แต่ช้ากว่าความคิดและปากเธอ
"ไม่ใส่เสื้อชั้นใน คนเขาก็เห็นนมหนูหมดซิค่ะ" ...
เธออัดซะเต็มเดซิเบลดังไปถึงวินมอเตอร์ไซด์หน้าสระ พ่อก็เลยรีบก้มลงไปกระซิบว่า... "เดี๋ยวก็ขึ้นแท๊กซี่หน้าสระกลับบ้านแล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ ไม่มีใครมาเห็นหรอก" ... เธอถึงได้เดินก้มหน้างุดๆกลับเข้าห้องน้ำไป ... (รู้งี้พ่อไม่น่าหยุดหายใจเลย น่าจะพูดต่อไปให้จบๆ)
เอาล่ะ เสร็จไป(อีก)หนึ่งเปลาะ คราวนี้เราสามคนพ่อลูกก็เดินออกมาจะขึ้นแท๊กซี่หน้าปากซอยสระว่ายน้ำ พ่อเดินจูงหนูเดินอยู่ข้างหน้า ในชั่ว 5 ก้าว พี่เฟิร์นของหนูเดินตามมาข้างหลัง ... แดดเปรี้ยง
"คุณพ่อขา นิ้วหนูเลือดออก" ...
(อีกแล้ว ...) ... พ่อหันไปดู (ยังดีที่ไม่เป็นจิ๋มเลือดออกอีก ... พ่อแอบคิด) พี่เฟิร์นชูนิ้วหราเลย มีเลือดกลบปลายนิ้วนางซีดๆ ซักไปซักมาได้กว่าว่าพี่เฟิร์นของหนูว่ายน้ำไปชนขอบฃสระ ก็เลยคิดว่า จะเดินไปซื้อพลาสเตอร์ยาที่ร้านสะดวกซื้อข้างหน้า แต่พอดีรถแท๊กซี่มาพอดี ก็เลยพากันขึ้นรถแท๊กซี่กลับกัน
ในรถแท๊กซี่ พ่อบอกให้พี่เฟิร์นชูนิ้วขึ้นให้สูงกว่าระดับหัวใจ เลือดจะได้ไม่ออกเยอะ (ตามตำราปฐมพยาบาลที่พ่อเรียนมา) ซึ่งจริงๆพี่เฟิร์นก็ไม่ได้เลือดออกอะไรมากมาย แต่ก็เชื่อฟังแต่โดยดี ...สักพักหนึ่งพี่เฟิร์นก็เอามือลง บอกว่าเมื่อย ... ไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไรต่อ
หนูเอามือเล็กๆของหนูไปจับข้อมือพี่เฟิร์นยกขึ้นแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไรพี่เฟิร์น ภัทรช่วยยกมือพี่เฟิร์นให้เอง พี่เฟิร์นจะได้ไม่เลือดออก" ...
อืม ... ประโยคนี้และความตั้งใจช่วยเหลือพี่เฟิร์นของหนูนี่แหละ ที่ทำให้พ่อคิดว่า เรื่องทั้งหมดวันนี้ หนูควรเป็นพระเอก ... พระเอกตัวน้อยของพ่อ ...
พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร ...
33000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
ที่นั่ง 25H GA 866 CGK-BKK
เวลา 1130 น. ของวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลาประเทศไทย
ปล. ถึงบ้านแล้ว หนูช่วยพ่อปิดพลาสเตอร์นิ้วพี่เฟิร์นแล้วจุ๊บเป่าเพี้ยงๆ ให้ที่ปลายนิ้วพี่เฟิร์นด้วย ...