เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองในตอนนี้ซึ่งผมยังหาทางออกไม่ได้เลย
ขอความเห็นกันด้วยนะครับ
ปะเด็นคือผมยอมรับว่าผิดกดอาคารชุดที่นำสุนัขมาเลี้ยง แต่ก็คิดว่าการที่นิติมาตัดน้ำเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆนะครับ สมมุติว่าผมขับรถฝ่าไฟแดง แล้วมี่ตำรวจคนนึงมาจับผมติดคุก เพาะคิดว่าตัวเองมีสิทธิกระทำได้ อย่างนี้เป็นต้นครับ ซึ่งผมคิดว่าทางออกมันไม่น่าจะใช่แบบนี้ ซึ่งผมขอนำใบคำร้องของผมมาให้ลองอ่านกัน ซึ่งน่าจะพอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านท้าวความกันได้นะครับ ปล.ห้องซื้อครับ(1.25ล้าน)ไม่ได้เช่า

เรียน นิติบุคคลอาคารชุด ฌองเซลิเซ่ แจ้งวัฒนะ
เรื่อง รายงานการแก้ไขปัญหากลิ่นสุนัขภายในห้อง.... อาคาร ....

อ้างอิงคำร้องของลูกบ้านห้อง ... อาคาร ... ได้แจ้งไปทางนิติฯ ว่าได้รับกลิ่นเหม็นมาจากระเบียงห้องพัก ... และทางนิติฯได้มีการแจ้งเตือนมายังห้อง .... และทางเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการแก้ไข เป็นลำดับขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1.เช็ดทำความสะอาดบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่มีการขับถ่าย โดยใช้น้ำยาที่มีกลิ่นดับความเหม็น
2.ฉีดสเปรย์ดับกลิ่น และวางลูกเหม็นเพื่อดับกลิ่น
3.ปลูกต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม อย่างต้นโมก ต้นหอมเจ็ดชั้น ไว้ที่ระเบียง เพื่อเป็นการบรรเทากลิ่น
4.ไม่ให้สุนัขออกไปฉี่ หรือขับถ่ายนอกระเบียงอีก เวลาไม่มีเจ้าของห้องอยู่
5.ติดตั้งกระจกบานเลื่อนตรงระเบียงและติดพัดลมดูดอากาศตรงกระจกอีกด้านนึง(กระจกกลม)เพื่อให้ระบาย
กลิ่นออกทางอีกด้านนึงของระเบียง ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องขออนุญาติกับทางนิติอีกขั้นตอนนึงอีกที

จากขั้นตอนดังกล่าวในข้อ1-4 ทางลูกบ้านห้อง... ก็ยังมิพอใจ ทางเราพยายามติดต่อเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธในการเจรจาไม่ยอมที่จะพูดคุยด้วย และทางผู้ร้องเรียนได้แจ้งเรื่องไปยังนิติฯ และให้นิติฯมาดำเนินการตัดน้ำ ซึ่ง น้ำประปาและไฟฟ้า ถือเป็นสาธารณูปโภคส่วนบุคคลหาใช่ทรัพย์สินส่วนกลางของทางนิติบุคคลไม่ อธิบายได้ว่าในข้อตกลงในการซื้อขายคอนโดในทางปกติย่อมต้องมีส่วนพ่วงนั่นก็คือน้ำไฟซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงค์ชีวิตพื้นฐานอยู่แล้ว จึงถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลอันชอบธรรม ดังนั้นการกระทำการของนิติบุคคลในการระงับน้ำประปา จึงนับได้ว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุและไม่มีอำนาจกระทำการดังกล่าวได้ ถึงแม้ว่าผู้ถูกร้องเรียนจะกระทำการผิดข้อสัญญาข้อใดข้อหนึ่งจริง ดังนั้นที่ทางฝ่ายนิติฯได้ดำเนินการตัดน้ำผู้อาศัย ก็นับได้ว่า เป็นการละเมิดสิทธิต่อทรัพย์สินส่วนบุคคล ซึ่งสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาได้ ซึ่งทางผู้ถูกร้องเรียนได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันในข้อหาละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลไว้แล้วกับทาง สน.ปากเกร็ด ซึ่งได้ส่งมอบให้กับทางฝ่ายนิติบุคคลแล้วในเบื้องต้น ทางผู้ถูกร้องเรียนไม่ได้มีเจตนาจะเอาความกับฝ่ายใดๆทั้งสิ้นเป็นเพียงแค่การปกป้องสิทธิส่วนบุคคลเท่านั้น อีกทั้งในสัญญาซื้อขายคอนโด ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หากมีการกระทำผิดกฏในข้อใดข้อนึง ทางนิติฯสามารถไม่ให้ผู้กระทำผิดใช้ทรัพย์สินส่วนกลางของทางโครงการได้ ซึ่งน้ำไฟถือเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลอย่างที่แจ้งให้ทราบข้างต้น
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากทางนิติฯ เรียกประชุมคณะกรรมการนิติฯ และคละกรรมการลูกบ้านเพื่อร่วมกันหาทางออกในการแก้ปัญหานี้ เพื่อให้เป็นมาตราฐานเดียวกันทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ในภายภาคหน้าอีก อย่างที่ทราบโดยทั่วกัน ยังคงมีห้องพักอีกหลายห้องที่เลี้ยงสุนัขเช่นกัน และเลี้ยงมาเป็นระยะเวลานาน จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่ไปแล้ว ดังนั้นหากจะมีมาตราฐานใดในการดำเนิกการก็ควรจะมีมาตรฐานให้ทัดเทียมกันทั้งโครงการ มิใช่มาจำกัดสิทธิ์เฉพาะห้อใดห้องนึงเท่านั้น


ดังนั้น เนื้อหาในการประชุมร่วมกันมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.อนุญาติให้มีการเลี้ยงสุนัขภายในคอนโดหรือไม่
2.ถ้าอนุญาติจะมีวิธีการและมาตราการในการควบคุมดูแลอย่างไร
3.ถ้าไม่อนุญาติจะมีมาตราการในการดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนอย่างไร
หากมีมติในที่ประชุมเป็นเช่นไร ทางเราก็ยินดีทำตามข้อสรุปนั้น โดยจะไม่เรียกร้องสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น
ส่วนช่วงระหว่างที่รอการพิจารณามติจากคณะกรรมการลูกบ้านและคณะกรรมการนิติ ทางเราจะดูแลความสะอาดและกลิ่นให้ดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ เช่น มิให้สุนัขออกไปทำกิจใดๆนอกระเบียงในขณะที่เจ้าของห้องไม่อยู่ เพื่อป้องกันกลิ่นที่ออกไปรบกวน ส่วนเรื่องการขอทำกระจกนั้น คงต้องขอรอมติในที่ประชุมก่อน หากมีข้อสรุปให้สามารถเลี้ยงสุนัขต่อไปได้ ก็จะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ขอแสดงความนับถือ

รบกวนผู้รู้มาช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยนะครับ
ปล ล่าสุดหลังจากที่ยื่นคำร้องนี้ก็มาตัดน้ำผมอีก(ครั้งที่4-5ได้แล้ว) ซึ่งผมทนไม่ไหวแล้วเลยคิดว่าจะฟ้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
โดยแบ่งเป็น2เรื่อง
1.ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและกระทำการเกินกว่าเหตุในการตัดน้ำ โดยแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีอาญาและให้ทนายความดำเนินคดีทางแพ่ง(ลองนึกๆดูนะครับว่าจะเสียหายอย่างไรบ้างถ้าอยู่โดยที่ไม่มีน้ำใช้)
2.ฟ้องข้อหาฉ้อโกงด้วยทั้งทางแพ่งและอาญารวมถึงฟ้อง สคบ.ด้วย คือ หลังจากที่ผมมาอยู่ ผมพบว่ามีจดหมายของผู้อยู่อาศัยเดิมมาส่งอยู่เรื่อยๆ ซึ่งผมสันนิฐานว่า น่าจะมีคนเคยอยู่ที่ห้องนี้มาแล้ว ตอนที่ผมเข้าไปดูห้องก่อนซื้อ สภาพคือ กระเบื้องพื้นยังไม่มีเลย เฟอรนิเจอบิ้วอินของโครงการก็คือไม่มีเลย มีเพียงสีขาวที่ทาผนังห้องไว้ จนผมไม่ได้นึกสงสัยว่าจะมีคนเคยอยู่มาก่อน แสดงว่า ทางโครงการคงลื้อทุบทุกอย่างออกหมดแล้วเอามาขายให้กับผมใหม่ ซึ่งผมกำลังรวบรวมหลักฐานการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าว่า มิเตอไฟนี้ใช้มาตั้งแต่เมื่อไร มีรายละเอียดการใช้ไฟอย่างไรบ้าง ในก่อนที่ผมจะเข้ามาอยู่