สวัสดีคะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราเขียนเล่าเรื่องของเราในพันทิป หลังจากตามอ่านกระทู้นั่นนี่โน่นของคนอื่นมานาน
เรื่องที่จะเล่า เกิดขึ้นเมื่อช่วงสงกรานต์ ปี 56 คะ เราและเพื่อนร่วมงาน อีก 2 คน ตัดสินใจไปเที่ยวเวียดนามใต้กัน ทริปนี้เป็นทริป สาว สาว สาว เราตัดสินใจไปเที่ยวกันแบบกระทันหันมากๆ และก็ได้ข้อมูลการท่องเทียวเวียดนามจากสมาชิกในพันทิปนี่ละคะ -/\-
จริงๆ ทริปนี้ เกิดจาก 2 ใน 3 คนอยากเลียแผลใจเราเลยไปเที่ยวกัน อิอิ
เราวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวกัน 4 วัน โดยเริ่มที่ โฮจิมินห์ เพื่อดู สถาปัตยกรรมต่างๆ โบสถ์ ไปรษณีย์กลาง อาหาร ผู้คน --- ดาลัท ก็ไปเทียวชมพระราชวังเบ๋าได่ Valley of Love สวนดอกไม้ บ้าเมือง บลาๆ --- มุ่ยเน่ เพื่อเที่ยว Fairy Stream ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
วันที่ 11 เม.ย
6:00 น. เราออกเดินทางจาก ดอนเมือง ไปถึง โฮจิมินห์ (บินประมาณ ชม.ครึ่ง) ความรู้สึกเเรกเมื่อไปถึง พวกเรารู้สึกได้ถึงความวุ่นวาย แตรรถเสียงดังๆ แต่สาวๆ ยังสดใสอยู่จร้า พวกเรานั่งรถบัสจากสนามบินไปลงจุดที่ใกล้กับ ฟาม งู เหลา เพื่อจะหารถนอนไปดาลัทในคืนนี้ หลังจากลงรถบัส เราก็ถามทางคนแถวๆนั้นคะ แต่ไม่ทันไร ระหว่างเดินถามทาง เพื่อนเราคนนึง ก็โดนพวกวินรถเดินมาจับมือ มาลูบแขน ตอนนั้นเรากับพี่ทำทำงานกำลังเดินนำหน้าข้ามถนนไปแล้ว หันกลับมาเพราะได้ยินเสียงเพื่อนกำลังตะโกนด่าเสียงดัง และกำลังชูนิ้วกลางให้พวกวินรถ เราตกใจมากรีบเรียกเพื่อนให้เดินออกมา “มาเถอะๆ ช่างมันๆ” (นึกในใจเพื่อนเราห้าวมากๆ ดีนะไม่มีเรื่อง) จากนั้นเรา 3 คนก็รีบเดินต่อไปตามทาง วันนี้พวกเราก็เดินเที่ยว เดินกิน ถ่ายรูป นั่งตามร้านกาแฟไปเรื่อยๆ
***ระหว่างวันเจอคนไทย 2 คน มากะกรุ๊ปทัวร์ เดินมาคุยกับพวกเราและบอกว่า ให้ระวังมือถือหาย บางทีถ่ายรูปกันอยู่ เค้าจะฉกเอาไปต่อหน้าต่อตา และเพื่อนเค้าที่มาด้วยกัน นั่งจิบกาแฟ และวางไอโฟนไว้บนโต๊ะ โดนหยิบวิ่งงไปเรยจร้าา
21.00 น. เราขึ้นรถนอนเพื่อมุ่งหน้าสู่ดาลัด พระเจ้า เชื่อมั้ยว่า รถนอนของเวียดนามนี่ มหัศจรรย์มากมาย คือขึ้นไปต้องนอนเลยยยย นอนอย่างเดียว ลักษณะรถ จะเป็นรถนอน 2 ชั้น 3 แถว แออัดฝุดๆ ขึ้นไปแล้วต้องถอดรองเท้ามัดใส่ถุงเลยนะจ้ะ เพื่อเก็บกลิ่น บนหัวเราก็จะมีเท้าของคนข้างหลังเรา พวกเรา 3 คน ได้นอนชั้นล่างแถวหลังสุด โดยแถวหลังสุดมี 5 ที่นั่งชิดติดกัน มันติดกันมากๆ จนอาจได้เสียเป็นเมียผัวเรยละ 555+++
เรานอนตรงกลาง ส่วนพี่ที่ทำงานนอนด้านซ้าย และเพื่อนอีกคนนอนด้านขวาของเรา ด้าวขวาของเพื่อนก็มี ผญ ฝรั่ง นอนหลับอยู่ข้างๆ ดูท่าแล้วไว้ใจได้ ส่วนข้างพี่ที่ทำงานนั้น ยังว่างอยู่คิดว่าคงมีการจอดรับคนระหว่างทาง (คหสต. เราคิดว่ารถนี้จะอึดอัดมากสำหรับคนอ้วนนะ เราเป็นคนอวบๆ ยังเอาแขน 2 ข้างแนบตัวไม่ได้เรย ไขมันเรากองเป็นหมูตั้งอะ คนเวียดนามนี่หุ่นดีเนอะ)
ระหว่างอยู่ในรถ เราหลับๆ ตื่นๆ เพราะอึดอัดและแถวหลังแอร์ไม่เย็น มันร้อนจนเราปวดหัว รถวิ่งไปสักพัก รถก็จะก็จอดรับคนไปตามทาง และ ไม่รู้ว่าตอนใหนที่ด้านซ้ายมือของรุ่นพี่เรามีคนมานอนด้วย เราตื่นมาดูและพยามยามสังเกตว่าเป็น ญ หรือ ชาย ไว้ใจได้มั้ยเนี่ย ปรากฏว่าเป็น ผช.จ้า รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ เข้าสู่หุบเขา แล้วก็แวะจอดพักให้เข้าห้องน้ำ พวกเราก็งัวเงียไปเข้าห้องน้ำกัน ระหว่างนั้นรุ่นพี่เราก็เดินมากระซิบบอกเรากับเพื่อนว่า ถูก ผช คนข้างๆ มาจับมือ ถูมือ ตอนแรกๆ เค้าก็คิดว่าฝันไป แต่ที่ใหนได้มันจับจริง พี่เราก็ติดตลก มีการบอกว่า “……ตอนแรกก็เคลิ้ม คิดว่าฝัน พอลืมตามอง อ้าววว มี ผช มานอนใกล้นี่หว่า แหม่ๆๆๆ หล่อด้วยยยย.....คิดไรกับชั้นรึปาวเนี่ย อิอิ” เราว่าจริงๆแล้วรุ่นพี่เรากลัวนะ แต่พยายามติดตลก ........ก่อนขึ้นรถเรากับเพื่อนพยายามจ้องหน้า ผช คนนั้นเพื่อให้รู้ว่า เรามาด้วยกันนะเฟ้ยยย อย่ามารังแกพี่เราอีกนะ ....!!!!
***ถ้าใครจะใช้บริการรถนอน เราคิดว่า อย่านอนแถวหลังสุดเพราะอย่างที่เราบอก มันติดกันจริงๆ แนะนำอยู่แถวหน้าๆดีกว่า เพราะอย่างน้อยมันยังมีช่องว่างที่เว้นไว้สำหรับเดิน
12 เม.ย.
4:00 น. ตอนนี้พวกเรามาถึงดาลัทกันเช้ามากๆ (สรุปเรานอนอืดและระทึกกับรถนอนประมาณ 7 ชม.) .........เห้ออ วันนี้เจอแต่คนแปลกๆเนอะ ได้แต่หวังว่าวันที่เหลือคงไม่มีอะไร อากาศเมืองนี้ก็ค่อนข้างหนาว ต่างกันกับโฮจิมินห์ที่ร้อนเหมือนจตุจักรบ้านเรา....ตอนนี้พวกเราเลยต้องเดินหาโรงแรมเพื่อเข้าพักชั่วคราวก่อนออกไปลุยเที่ยวกัน
--------------จบวันแรกของการเดินทางแบบระทึกๆ--------------
12 เม.ย.
11.00 น. ออกจากที่พักชั่วคราว ไปเช็คอินที่เบสเวสเทริน และเช่ารถพร้อมคนขับเพื่อไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ตามที่วางแผนกันไว้ วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากๆมาย นอกจาก ถ่ายรูป ชมวิว ชมสวน ไปตามเรื่องตามราว นั่งรถรางลง แหม่ๆๆๆ มันส์มากๆๆ ชิลลลล มากๆๆ
18:00 น. กลับถึงโรงแรมและออกไปเดินเล่นตลาดแถวนั้น อารมคล้ายๆ ไนท์บาร์ซ่าบ้านเรา
เป้าหมายคือ .....ซื้อของฝาก พวกไวน์ ชาดอกอาติโชค และ หาอะไรกินง่ายๆ สำหรับมื้อเย็น ระหว่างทางเดินไปทานอาหาร พวกเราก็โดน ผช เวียดนามแซวๆ อาจเป็นเพราะ เราไปกันแค่ 3 คน ผญ ล้วน เราก็รีบๆ ก้มหน้าก้มตาเดิน ซื้อของ หาไรกิน ก่อนกลับเข้าห้องพัก เราถามเพื่อน และ รุ่นพี่ว่า “………หิวอีกมั้ย อยากกินอะไรอีกรึป่าว.......” ทั้ง 2 คนตอบว่า ไม่หิว ไม่เอาอะไรละ พวกเรากลับเข้าที่พักกันตอน 2 ทุ่ม เราก็จัดแจงอาบน้ำ แวะโลดแล่นในโลกโซเชี่ยล..อัพรูปลงเฟสแปบบบนึง จะนอนละนะ วันนี้ฟินนนนมว๊ากกก
21:30 น.
อีเพื่อนบอกว่า ชั้นหิวมากๆๆเรยนะ (ก่อนเข้า รร. เราก็ถามว่า หิวมั้ย?? ………..ไม่หิว) เราเลยต้องลุกมาแต่งตัวออกไปหาอะไรเข้ามากินอีกรอบ ตอนนี้ตลาดเริ่มวายแล้วละ เรา 2 คนเรยรีบๆเดินซื้อน้ำเต้าหู้และไข่ปิ้งกลับ รร.
ระหว่างนั่งรอไข่ปิ้งร้านข้างทาง......... อยู่ดีๆก็มี ผช. อายุ 20 กว่าๆ เดินมาโอบ มากอดเรากับเพื่อนเรา และก็มีเสียงเฮ ดังๆ มาจากกลุ่ม ผช ที่นั่งในร้าน (อารมประมาณเชียร์กีฬา) ตอนนี้เรา 2 คนตกใจมากรีบลุกขึ้นมาและมองหน้า ผช. คนนั้น ผช.คนนั้น พยายามจะเดินเข้ามากอดเรากับเพื่อนอีก พร้อมเสียงเชียร์ที่ดังมาจากกลุ่ม ผช.ในร้านนั้น (เราคิดว่ามันคงมาด้วยกัน คงมานั่งกินในร้าน และคงพูดยุๆ ท้าๆกันให้มาแกล้งเรา 2 คน) ตอนนี้เรายืนประจันหน้ากับ ผช.คนนั้น และ เพื่อนเรายืนอยู่ด้านหลังเรา.....ตอนนี้เรา 2 คนก็ตะโกนบอกให้ ผช. คนนี้ ถอยออกไป แต่คิดว่าเค้าอาจฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง หรืออาจจะเพราะแรงยุจากเพื่อน
...... ผช.คนนี้ก็พยายามจะเดินเข้าหาเรากับเพื่อนอีก ตอนนี้เราเริ่มกังวลมากๆละ เพราะว่า เพื่อนเราที่อยู่ข้างหลังเริ่มยกเก้าอี้จะไปฟาดที่ ผช คนนี้ และ จากนั้น เรา ก็เริ่มด่ากันไปมา กลุ่มเพื่อนของ ผช ที่นั่งในร้านก็เริ่มตะโดนด่าพวกเราเป็นภาษาเวียดนาม และเริ่มแจก Fu*k (เพื่อนเราปกติ จะนิ่งๆ เงียบๆนะ ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวใคร แต่ไม่รู้ทำไม ทริปนี้ถึงได้จีจ้านัก รู้สึกจะใจร้อนและวิญญาณจีจ้าเข้าสิงตลอดด)
ระหว่างด่ากัน เราหันไปจ่ายตังและหยิบไข่ปิ้งออกจากร้าน (ไม่ว่ายังไงก็อย่าลืมของกินนะ) ขณะที่กำลังก้าวขาลงถนนเพื่อข้ามถนน..... เราได้ยินเสียงจีจ้าเพื่อนสาว เตะเก้าอี้ไปทาง ผช กลุ่มนั้น (ใจเราคิด......ชิหาย..แล่วๆๆๆๆ) และ เดินมารอข้ามถนน ข้างหน้าเรา ทุกอย่างมันไวมากๆ มี ผช. อีกคนจากกลุ่มนั้น ที่ไม่ใช่คนที่มากอดพวกเราในตอนแรก เดินตรงมาผลักเพื่อนเราใส่รถฟอจูนเนอร์ที่กำลังวิ่งมาบนถนน ดีนะ....รถหักหลบออกไปทัน ส่วนเราก็ตะโกนเรียกชื่อเพื่อน ”..เห้ยยยยย....ระวัง รถชน.......” ผช.คนนั้น คงคิดว่าเราตะโกนด่าเค้า มันหันมาตบหน้าเราอย่างรุนแรง แว่นตาเรากระเด็นตกไปใหนก็ไม่รู้ อีป้าสายตาสั้น 600 พอไม่มีแว่น ก็เดินไม่ถูกเรยจร้าาาา
หลังจากที่มันตบเรา มันก็เดินไปตบหน้าเพื่อนเรา 2 ฉาด (ยังกะในหนังไทย) ซ้ายที ขวาที ณ จุดนี้ เราอยากถีบหน้ามันมากก อยากสวนคืน แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะ เพราะ ผช.อีก 10 กว่าคนในร้าน ดูท่าทางมันพร้อมลงมายำเรา 2 คน และในตอนนี้ เราคิดว่า วิญญาณจีจ้าคงหลุดจากร่างเพื่อนเราแล้ว เพราะเธอกำลังยืนร้องไห้ ตอนนี้เรากำลังมองหาแว่นตา เรียกให้จีจ้าช่วยหา จีจ้าก็คงไม่ไหวแล้วละ สรุป ผช.คนที่เดินมากอดเราตอนแรกหยิบมาคืนเรา ดูจากสีหน้าแล้ว เราคิดว่าเค้าคงตกใจเหมือนกันที่เพื่อนเค้าทำพวกเราขนาดนี้
22:10 น. เรารีบจูงมือเพื่อนเดินกลับ รร. เพื่อนเราขึ้นไปตามรุ่นพี่ลงมา ส่วนเราก็แจ้งให้พนักงานที่โรงแรม โทรแจ้งตำรวจให้มาที่เกิดเหตุโดยด่วนเพราะเราอยากแจ้งความจับพวกมันมากๆ แต่หลังจากที่พนักงานคุยกับตำรวจและบอกกับเราว่า ”.....เนื่องจากตรงที่เกิดเหตุมันคนละฝั่งถนน คนละพื้นที่รับผิดชอบ และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว....ตำรวจอาจจะไม่มา...” แต่เรายังคงยืนยันว่าต้องตามตำรวจมาให้ได้
23:30 น. ตำรวจมาถึงแล้ว มาช้ามาก ตำรวจ พาเรา 3 คน กับพนักงานโรงแรมอีก 2 คน ขึ้นท้ายรถขนหมูขับไปอีกฝั่งถนน แน่นอนว่าไปช้าขนาดนี้พวกนั้นก็หนีกันไปหมดละ ตำรวจก็มาคุยๆกะแม่ค้า พ่อค้าแถวนั้น ก็ได้ความแค่ว่า พวกนั้นมาจากฮอยอัน ไม่ได้เป็นคนพื้นที่ พอมีเรื่องพวกมันก็รีบแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
13 เม.ย.
1:00 น. สรุปเราทำอะไรพวกมันไม่ได้เลยคะ ตำรวจมาส่งเรากลับโรงแรม และพนักงานก็เอาผ้าเย็นมาให้ประคบหน้า ประคบจมูก (ดีนะไม่ได้เสริมจมูก ไม่งั้นนะ ซิลิโคนทะลุชัวร์ๆๆ) พวกเราก็กลับเข้าห้องพักพร้อมอารมณ์ขมุกขมัว เห็นน้ำเต้าหู้ก็ไม่อยากจะกินละ อยากจะปาทิ้ง แต่รุ่นพี่บอกว่า ใหนๆก็เจ็บตัวละ กินให้มันอิ่มๆ อุตส่าห์ออกไปซื้อ ยังจะมาฮาใส่อีก สุดท้ายเราก็ตั้งวงดื่มน้ำเต้าหู้ + ไข่ต้ม กันก่อนนอน
รุ่นพี่บอกว่าที่พวกเราโดนตบจริงๆแล้วเพราะ แต่งตัวมิดชิดเกินไป มันเห็นละคงรำคาญตา หน้าตาก็ไม่แต่ง...ทำหน้าจืดๆลงไปก็ตบซะ ทีหลังมันมากอดให้จูบตอบ จะได้ไม่โดนตบ (ยังจะมีหน้ามาตลกอี๊กกกกกกกกก)
***สาวๆ ดึกๆ ถ้าหิว อย่าออกไปใหนนะ, ถ้าเจอสถานการณ์ล่อแหลมให้รีบเดินออกมา อย่าไปตอบโต้เพราะมันไม่ใช่บ้านเรา (ตอนนั้นคิดได้แบบนี้คงไม่โดน....... แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอคนใจร้ายเนอะ)
--------------จบวันที่สองของการเดินทางแบบเจ็บๆ--------------
เมื่อหนุ่มเวียดมาทักทายยย…..!!!!
เรื่องที่จะเล่า เกิดขึ้นเมื่อช่วงสงกรานต์ ปี 56 คะ เราและเพื่อนร่วมงาน อีก 2 คน ตัดสินใจไปเที่ยวเวียดนามใต้กัน ทริปนี้เป็นทริป สาว สาว สาว เราตัดสินใจไปเที่ยวกันแบบกระทันหันมากๆ และก็ได้ข้อมูลการท่องเทียวเวียดนามจากสมาชิกในพันทิปนี่ละคะ -/\-
จริงๆ ทริปนี้ เกิดจาก 2 ใน 3 คนอยากเลียแผลใจเราเลยไปเที่ยวกัน อิอิ
เราวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวกัน 4 วัน โดยเริ่มที่ โฮจิมินห์ เพื่อดู สถาปัตยกรรมต่างๆ โบสถ์ ไปรษณีย์กลาง อาหาร ผู้คน --- ดาลัท ก็ไปเทียวชมพระราชวังเบ๋าได่ Valley of Love สวนดอกไม้ บ้าเมือง บลาๆ --- มุ่ยเน่ เพื่อเที่ยว Fairy Stream ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
วันที่ 11 เม.ย
6:00 น. เราออกเดินทางจาก ดอนเมือง ไปถึง โฮจิมินห์ (บินประมาณ ชม.ครึ่ง) ความรู้สึกเเรกเมื่อไปถึง พวกเรารู้สึกได้ถึงความวุ่นวาย แตรรถเสียงดังๆ แต่สาวๆ ยังสดใสอยู่จร้า พวกเรานั่งรถบัสจากสนามบินไปลงจุดที่ใกล้กับ ฟาม งู เหลา เพื่อจะหารถนอนไปดาลัทในคืนนี้ หลังจากลงรถบัส เราก็ถามทางคนแถวๆนั้นคะ แต่ไม่ทันไร ระหว่างเดินถามทาง เพื่อนเราคนนึง ก็โดนพวกวินรถเดินมาจับมือ มาลูบแขน ตอนนั้นเรากับพี่ทำทำงานกำลังเดินนำหน้าข้ามถนนไปแล้ว หันกลับมาเพราะได้ยินเสียงเพื่อนกำลังตะโกนด่าเสียงดัง และกำลังชูนิ้วกลางให้พวกวินรถ เราตกใจมากรีบเรียกเพื่อนให้เดินออกมา “มาเถอะๆ ช่างมันๆ” (นึกในใจเพื่อนเราห้าวมากๆ ดีนะไม่มีเรื่อง) จากนั้นเรา 3 คนก็รีบเดินต่อไปตามทาง วันนี้พวกเราก็เดินเที่ยว เดินกิน ถ่ายรูป นั่งตามร้านกาแฟไปเรื่อยๆ
***ระหว่างวันเจอคนไทย 2 คน มากะกรุ๊ปทัวร์ เดินมาคุยกับพวกเราและบอกว่า ให้ระวังมือถือหาย บางทีถ่ายรูปกันอยู่ เค้าจะฉกเอาไปต่อหน้าต่อตา และเพื่อนเค้าที่มาด้วยกัน นั่งจิบกาแฟ และวางไอโฟนไว้บนโต๊ะ โดนหยิบวิ่งงไปเรยจร้าา
21.00 น. เราขึ้นรถนอนเพื่อมุ่งหน้าสู่ดาลัด พระเจ้า เชื่อมั้ยว่า รถนอนของเวียดนามนี่ มหัศจรรย์มากมาย คือขึ้นไปต้องนอนเลยยยย นอนอย่างเดียว ลักษณะรถ จะเป็นรถนอน 2 ชั้น 3 แถว แออัดฝุดๆ ขึ้นไปแล้วต้องถอดรองเท้ามัดใส่ถุงเลยนะจ้ะ เพื่อเก็บกลิ่น บนหัวเราก็จะมีเท้าของคนข้างหลังเรา พวกเรา 3 คน ได้นอนชั้นล่างแถวหลังสุด โดยแถวหลังสุดมี 5 ที่นั่งชิดติดกัน มันติดกันมากๆ จนอาจได้เสียเป็นเมียผัวเรยละ 555+++
เรานอนตรงกลาง ส่วนพี่ที่ทำงานนอนด้านซ้าย และเพื่อนอีกคนนอนด้านขวาของเรา ด้าวขวาของเพื่อนก็มี ผญ ฝรั่ง นอนหลับอยู่ข้างๆ ดูท่าแล้วไว้ใจได้ ส่วนข้างพี่ที่ทำงานนั้น ยังว่างอยู่คิดว่าคงมีการจอดรับคนระหว่างทาง (คหสต. เราคิดว่ารถนี้จะอึดอัดมากสำหรับคนอ้วนนะ เราเป็นคนอวบๆ ยังเอาแขน 2 ข้างแนบตัวไม่ได้เรย ไขมันเรากองเป็นหมูตั้งอะ คนเวียดนามนี่หุ่นดีเนอะ)
ระหว่างอยู่ในรถ เราหลับๆ ตื่นๆ เพราะอึดอัดและแถวหลังแอร์ไม่เย็น มันร้อนจนเราปวดหัว รถวิ่งไปสักพัก รถก็จะก็จอดรับคนไปตามทาง และ ไม่รู้ว่าตอนใหนที่ด้านซ้ายมือของรุ่นพี่เรามีคนมานอนด้วย เราตื่นมาดูและพยามยามสังเกตว่าเป็น ญ หรือ ชาย ไว้ใจได้มั้ยเนี่ย ปรากฏว่าเป็น ผช.จ้า รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ เข้าสู่หุบเขา แล้วก็แวะจอดพักให้เข้าห้องน้ำ พวกเราก็งัวเงียไปเข้าห้องน้ำกัน ระหว่างนั้นรุ่นพี่เราก็เดินมากระซิบบอกเรากับเพื่อนว่า ถูก ผช คนข้างๆ มาจับมือ ถูมือ ตอนแรกๆ เค้าก็คิดว่าฝันไป แต่ที่ใหนได้มันจับจริง พี่เราก็ติดตลก มีการบอกว่า “……ตอนแรกก็เคลิ้ม คิดว่าฝัน พอลืมตามอง อ้าววว มี ผช มานอนใกล้นี่หว่า แหม่ๆๆๆ หล่อด้วยยยย.....คิดไรกับชั้นรึปาวเนี่ย อิอิ” เราว่าจริงๆแล้วรุ่นพี่เรากลัวนะ แต่พยายามติดตลก ........ก่อนขึ้นรถเรากับเพื่อนพยายามจ้องหน้า ผช คนนั้นเพื่อให้รู้ว่า เรามาด้วยกันนะเฟ้ยยย อย่ามารังแกพี่เราอีกนะ ....!!!!
***ถ้าใครจะใช้บริการรถนอน เราคิดว่า อย่านอนแถวหลังสุดเพราะอย่างที่เราบอก มันติดกันจริงๆ แนะนำอยู่แถวหน้าๆดีกว่า เพราะอย่างน้อยมันยังมีช่องว่างที่เว้นไว้สำหรับเดิน
12 เม.ย.
4:00 น. ตอนนี้พวกเรามาถึงดาลัทกันเช้ามากๆ (สรุปเรานอนอืดและระทึกกับรถนอนประมาณ 7 ชม.) .........เห้ออ วันนี้เจอแต่คนแปลกๆเนอะ ได้แต่หวังว่าวันที่เหลือคงไม่มีอะไร อากาศเมืองนี้ก็ค่อนข้างหนาว ต่างกันกับโฮจิมินห์ที่ร้อนเหมือนจตุจักรบ้านเรา....ตอนนี้พวกเราเลยต้องเดินหาโรงแรมเพื่อเข้าพักชั่วคราวก่อนออกไปลุยเที่ยวกัน
--------------จบวันแรกของการเดินทางแบบระทึกๆ--------------
12 เม.ย.
11.00 น. ออกจากที่พักชั่วคราว ไปเช็คอินที่เบสเวสเทริน และเช่ารถพร้อมคนขับเพื่อไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ตามที่วางแผนกันไว้ วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากๆมาย นอกจาก ถ่ายรูป ชมวิว ชมสวน ไปตามเรื่องตามราว นั่งรถรางลง แหม่ๆๆๆ มันส์มากๆๆ ชิลลลล มากๆๆ
18:00 น. กลับถึงโรงแรมและออกไปเดินเล่นตลาดแถวนั้น อารมคล้ายๆ ไนท์บาร์ซ่าบ้านเรา
เป้าหมายคือ .....ซื้อของฝาก พวกไวน์ ชาดอกอาติโชค และ หาอะไรกินง่ายๆ สำหรับมื้อเย็น ระหว่างทางเดินไปทานอาหาร พวกเราก็โดน ผช เวียดนามแซวๆ อาจเป็นเพราะ เราไปกันแค่ 3 คน ผญ ล้วน เราก็รีบๆ ก้มหน้าก้มตาเดิน ซื้อของ หาไรกิน ก่อนกลับเข้าห้องพัก เราถามเพื่อน และ รุ่นพี่ว่า “………หิวอีกมั้ย อยากกินอะไรอีกรึป่าว.......” ทั้ง 2 คนตอบว่า ไม่หิว ไม่เอาอะไรละ พวกเรากลับเข้าที่พักกันตอน 2 ทุ่ม เราก็จัดแจงอาบน้ำ แวะโลดแล่นในโลกโซเชี่ยล..อัพรูปลงเฟสแปบบบนึง จะนอนละนะ วันนี้ฟินนนนมว๊ากกก
21:30 น.
อีเพื่อนบอกว่า ชั้นหิวมากๆๆเรยนะ (ก่อนเข้า รร. เราก็ถามว่า หิวมั้ย?? ………..ไม่หิว) เราเลยต้องลุกมาแต่งตัวออกไปหาอะไรเข้ามากินอีกรอบ ตอนนี้ตลาดเริ่มวายแล้วละ เรา 2 คนเรยรีบๆเดินซื้อน้ำเต้าหู้และไข่ปิ้งกลับ รร.
ระหว่างนั่งรอไข่ปิ้งร้านข้างทาง......... อยู่ดีๆก็มี ผช. อายุ 20 กว่าๆ เดินมาโอบ มากอดเรากับเพื่อนเรา และก็มีเสียงเฮ ดังๆ มาจากกลุ่ม ผช ที่นั่งในร้าน (อารมประมาณเชียร์กีฬา) ตอนนี้เรา 2 คนตกใจมากรีบลุกขึ้นมาและมองหน้า ผช. คนนั้น ผช.คนนั้น พยายามจะเดินเข้ามากอดเรากับเพื่อนอีก พร้อมเสียงเชียร์ที่ดังมาจากกลุ่ม ผช.ในร้านนั้น (เราคิดว่ามันคงมาด้วยกัน คงมานั่งกินในร้าน และคงพูดยุๆ ท้าๆกันให้มาแกล้งเรา 2 คน) ตอนนี้เรายืนประจันหน้ากับ ผช.คนนั้น และ เพื่อนเรายืนอยู่ด้านหลังเรา.....ตอนนี้เรา 2 คนก็ตะโกนบอกให้ ผช. คนนี้ ถอยออกไป แต่คิดว่าเค้าอาจฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง หรืออาจจะเพราะแรงยุจากเพื่อน
...... ผช.คนนี้ก็พยายามจะเดินเข้าหาเรากับเพื่อนอีก ตอนนี้เราเริ่มกังวลมากๆละ เพราะว่า เพื่อนเราที่อยู่ข้างหลังเริ่มยกเก้าอี้จะไปฟาดที่ ผช คนนี้ และ จากนั้น เรา ก็เริ่มด่ากันไปมา กลุ่มเพื่อนของ ผช ที่นั่งในร้านก็เริ่มตะโดนด่าพวกเราเป็นภาษาเวียดนาม และเริ่มแจก Fu*k (เพื่อนเราปกติ จะนิ่งๆ เงียบๆนะ ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวใคร แต่ไม่รู้ทำไม ทริปนี้ถึงได้จีจ้านัก รู้สึกจะใจร้อนและวิญญาณจีจ้าเข้าสิงตลอดด)
ระหว่างด่ากัน เราหันไปจ่ายตังและหยิบไข่ปิ้งออกจากร้าน (ไม่ว่ายังไงก็อย่าลืมของกินนะ) ขณะที่กำลังก้าวขาลงถนนเพื่อข้ามถนน..... เราได้ยินเสียงจีจ้าเพื่อนสาว เตะเก้าอี้ไปทาง ผช กลุ่มนั้น (ใจเราคิด......ชิหาย..แล่วๆๆๆๆ) และ เดินมารอข้ามถนน ข้างหน้าเรา ทุกอย่างมันไวมากๆ มี ผช. อีกคนจากกลุ่มนั้น ที่ไม่ใช่คนที่มากอดพวกเราในตอนแรก เดินตรงมาผลักเพื่อนเราใส่รถฟอจูนเนอร์ที่กำลังวิ่งมาบนถนน ดีนะ....รถหักหลบออกไปทัน ส่วนเราก็ตะโกนเรียกชื่อเพื่อน ”..เห้ยยยยย....ระวัง รถชน.......” ผช.คนนั้น คงคิดว่าเราตะโกนด่าเค้า มันหันมาตบหน้าเราอย่างรุนแรง แว่นตาเรากระเด็นตกไปใหนก็ไม่รู้ อีป้าสายตาสั้น 600 พอไม่มีแว่น ก็เดินไม่ถูกเรยจร้าาาา
หลังจากที่มันตบเรา มันก็เดินไปตบหน้าเพื่อนเรา 2 ฉาด (ยังกะในหนังไทย) ซ้ายที ขวาที ณ จุดนี้ เราอยากถีบหน้ามันมากก อยากสวนคืน แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะ เพราะ ผช.อีก 10 กว่าคนในร้าน ดูท่าทางมันพร้อมลงมายำเรา 2 คน และในตอนนี้ เราคิดว่า วิญญาณจีจ้าคงหลุดจากร่างเพื่อนเราแล้ว เพราะเธอกำลังยืนร้องไห้ ตอนนี้เรากำลังมองหาแว่นตา เรียกให้จีจ้าช่วยหา จีจ้าก็คงไม่ไหวแล้วละ สรุป ผช.คนที่เดินมากอดเราตอนแรกหยิบมาคืนเรา ดูจากสีหน้าแล้ว เราคิดว่าเค้าคงตกใจเหมือนกันที่เพื่อนเค้าทำพวกเราขนาดนี้
22:10 น. เรารีบจูงมือเพื่อนเดินกลับ รร. เพื่อนเราขึ้นไปตามรุ่นพี่ลงมา ส่วนเราก็แจ้งให้พนักงานที่โรงแรม โทรแจ้งตำรวจให้มาที่เกิดเหตุโดยด่วนเพราะเราอยากแจ้งความจับพวกมันมากๆ แต่หลังจากที่พนักงานคุยกับตำรวจและบอกกับเราว่า ”.....เนื่องจากตรงที่เกิดเหตุมันคนละฝั่งถนน คนละพื้นที่รับผิดชอบ และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว....ตำรวจอาจจะไม่มา...” แต่เรายังคงยืนยันว่าต้องตามตำรวจมาให้ได้
23:30 น. ตำรวจมาถึงแล้ว มาช้ามาก ตำรวจ พาเรา 3 คน กับพนักงานโรงแรมอีก 2 คน ขึ้นท้ายรถขนหมูขับไปอีกฝั่งถนน แน่นอนว่าไปช้าขนาดนี้พวกนั้นก็หนีกันไปหมดละ ตำรวจก็มาคุยๆกะแม่ค้า พ่อค้าแถวนั้น ก็ได้ความแค่ว่า พวกนั้นมาจากฮอยอัน ไม่ได้เป็นคนพื้นที่ พอมีเรื่องพวกมันก็รีบแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
13 เม.ย.
1:00 น. สรุปเราทำอะไรพวกมันไม่ได้เลยคะ ตำรวจมาส่งเรากลับโรงแรม และพนักงานก็เอาผ้าเย็นมาให้ประคบหน้า ประคบจมูก (ดีนะไม่ได้เสริมจมูก ไม่งั้นนะ ซิลิโคนทะลุชัวร์ๆๆ) พวกเราก็กลับเข้าห้องพักพร้อมอารมณ์ขมุกขมัว เห็นน้ำเต้าหู้ก็ไม่อยากจะกินละ อยากจะปาทิ้ง แต่รุ่นพี่บอกว่า ใหนๆก็เจ็บตัวละ กินให้มันอิ่มๆ อุตส่าห์ออกไปซื้อ ยังจะมาฮาใส่อีก สุดท้ายเราก็ตั้งวงดื่มน้ำเต้าหู้ + ไข่ต้ม กันก่อนนอน
รุ่นพี่บอกว่าที่พวกเราโดนตบจริงๆแล้วเพราะ แต่งตัวมิดชิดเกินไป มันเห็นละคงรำคาญตา หน้าตาก็ไม่แต่ง...ทำหน้าจืดๆลงไปก็ตบซะ ทีหลังมันมากอดให้จูบตอบ จะได้ไม่โดนตบ (ยังจะมีหน้ามาตลกอี๊กกกกกกกกก)
***สาวๆ ดึกๆ ถ้าหิว อย่าออกไปใหนนะ, ถ้าเจอสถานการณ์ล่อแหลมให้รีบเดินออกมา อย่าไปตอบโต้เพราะมันไม่ใช่บ้านเรา (ตอนนั้นคิดได้แบบนี้คงไม่โดน....... แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอคนใจร้ายเนอะ)
--------------จบวันที่สองของการเดินทางแบบเจ็บๆ--------------